บทกวี 16 ปี กลุ่มป่งใบ โดยสว่าง ไชยสงค์


สว่าง ไชยสงค์ หรือมหาหว่าง(ขา)แห่งกลุ่มป่งใบ ฝากบทกวีเนื่องในวาระ 16 ปี แห่งความหลังของชาวป่งใบ

     ทางสายกลาง

 

                                                                หย่อนไปให้ดึง                    ตึงไปให้ผ่อน

                                                จักไม่ขาดตอน                                      กระดอนกระเด็น

                                                                คือทางสายกลาง                  วางไว้ให้เห็น

                                                มีหลักมีเกณฑ์                                       ก้าวเป็นก้าวไป

                                                                เหลิงหลวมไม่ดี                    จักไม่มีชัย

                                                อัตตาเกินไป                                         ภัยพาลจะมา

                                                                เดินทางสายกลาง                ย่างตามธรรมา

                                                แห่งพระพุทธา                                    เถิดสาธุชน.

            สดุดีพระคุณแม่

                               

                                พระคุณแม่ยิ่งใหญ่แสนไพศาล                        หาใดปานเปรียบมิได้ในโลกนี้

                พระคุณแม่ยิ่งใหญ่ในปฐพี                                               สดุดีถ้วนทั่วด้วยหัวใจ

                                จากลูกอ่อนนอนครรภ์แม่สั่นหนาว เหน็บหน่วงร้าวเกินกล่าวคำขานไข

                พอลูกคลอดออกมาแม่ชื่นใจ                                             ผูกสมัครรักใคร่ด้วยไมตรี

                                แม่ถนอมกล่อมเกลี้ยงเฝ้าเลี้ยงลูก                     แม่พันผูกลูกรักสมศักดิ์ศรี

                อุปถัมภ์ด้วยกายใจจนได้ดี                                  สุขชีวีเป็นผู้ใหญ่ในสังคม

                                จึงลูกลูกหวนคำนึงถึงแม่บ้าง                            ผู้เคยก่อเคยสร้างเคยสั่งสม

                ผู้เคยก่อต่อเติมเสริมเข้มคม                                                เชิญลูกก้มกราบเท้าแม่ให้แน่ชัด.

 

ผ้าไหมไทยอีสาน

 

                แตร่นแตรนแตรนแตร้นแตร้นแตรนแตรนแตร่นแตรน         คือเสียงแคนกล่อมหม่อมกินใบหม่อน

แตร่นแตร่นลอยตามลมทั่วแดนดอน                              ซึ้งออนซอนม่วนหลายบ่หน่ายฟัง

                หม่อนทุกตัวต่างเร่งกินใบหม่อน                     จากเล็กขาวแล้วเหลืองอ่อนตัวอ้วนเปล่ง

จึ่งคลายใยสานใยเป็นรวงรัง                                             งามสะพรั่งเต็มย่านอีสานทอง

                มือสาวน้อยกรอบรังไหมลงใส่หม้อ                สาวเร่งสาวไม่รั้งรอดูแคล่วคล่อง

ไหมเส้นเหลืองใสสวยอร่ามรอง                                      แคนแตร่นก้องเส้นไหมกองเต็มกระบุง

                มือน้อยน้อยของหน้ามนจึงค้นหูก                   สอดฟันฟืมถ้วนถูกไม่ยากยุ่ง

กระสวยสอดแล่นสลับระบายปรุง                                   คัดลายขิดดอกผักบุ้งบานกระจาย

                ลายดอกจอกดอกจันทร์ดอกส้านสวย              เพริศพราวด้วยสีสันสรรความหมาย

ยูงรำแพนช้างแอ่นงวงดอกดวงพราย                             ลายร้อยลายสะดุดตาผ้าไหมงาม

                ลาเสียงแคนเข้าสู่กรุงมุ่งอวดโอ้                        ขึ้นแท่นโชว์ผ้าไหมใหม่ไม่เกรงขาม

ทั้งคุณหญิง-คุณนายจะตายตาม                                        สะออนงามแย่งซื้อใส่ใจเบิกบาน

                แล้วสาวน้อยผู้สืบสานตำนานไหม                  จึงอดสวยอดใส่ไม่แหววหวาน

แต่จะอยู่เลี้ยงหม่อนไหมไปอีกนาน                                เสกผลงานเพื่อคนอื่น..ชื่นใจแล้ว.

 

                                                          พระเครื่อง

 

                                พระเครื่องคุยโครมโครม                   กระพือโหมอยู่ครามคราม

                อวดรุ่นอวดลายคราม                                          อวดเนื้อนอกที่ตาเห็น

                                อวดผงอวดดินดาล                              อวดมวลสารให้ตื่นเต้น

                อวดกันดังของเล่น                                              อยู่เต็มหน้าหนังสือพิมพ์

                                สั่งจองเร่งสั่งจอง                                 ได้ครอบครองแล้วแย้มยิ้ม

                อดข้าวก็เอมอิ่ม                                                     อัดความเง่าเข้าข้างใน

                                มีตาแต่มืดมน                                        ไม่เห็นหนอันอำไพ

                ยกย่องวัตถุไป                                                       ลืมธรรมแท้อย่างแน่ชัด

                                บูชาเพียงอามิส                                    ลืมสนิทปฏิบัติ

                หวังคุณในทางลัด                                               กราบพระเครื่องแต่ศีลทราม

                                รักษ์ศีลไม่ดีหรือ                                   พระธรรมคือสิ่งดีงาม

                ครองไว้ใครจะหยาม                                           ไม่จำเป็นต้องแขวนคอ

                                แขวนเถิดแขวนไว้ใจ                          พิสุทธิ์ใสงามลออ

                เห็นธรรมพระพุทธรอ                                        เหนือพระเครื่องตั้งล้านองค์.

 

รีบเถิดทำบุญ

 

                                เกิดแก่เจ็บตายทั้งนั้น                                          อย่าวุ่นหุนหัน

                โลภมากอยากได้ไม่พอ

                                อีกหน่อยล่วงลับแล้วหนอ                 ใครเลยจะรอ

                อยู่ได้เป็นพันพันปี

                                จงเร่งทำบุญเสริมศรี                                           สืบสวัสดี

                โลกนี้โลกหน้ามีจริง

                                จึงบอกสหายชายหญิง                                        อย่าได้เนิบนิ่ง

                รีบเถิดทำบุญก่อนตาย.

หนาว

 

                                                                                                                หน้าหนาวหมอกหนา

                                                โรยร่วงลงมา                                        ทักทายผู้คน

                                                ผ้าห่มผืนบาง                                        ข้างกายไร้ผล

                                                เหน็บหนาวเหลือล้น                          ต้องทนทุกปี

                                                                                                                เพราะความทุกข์ยาก

                                                จึงต้องลำบาก                                       หนาวกาย-ฤดี

                                                ผ้าห่มผืนใหญ่                                      อยู่ไหนพอมี

                                                น้ำใจไมตรี                                            แบ่งมาเถิดเอย.

 

จงกวีอย่าล้าสุดสิ้นความเพียร

 

                                                หมดหมึกไปกว่าร้อย                           โกฏิหยด

                                เปล่าเปลืองกระดาษจด                                       โกฏิตั้ง

                                กวีร่ายรินพจน์                                                      ท่วมโลก

                                โลกพัฒน์ฤาหยุดยั้ง                                            นี่ข้อคำถาม

                                                ฤาโลกทรามดื่นด้าน                            ลืมดี

                                จึงปล่อยปละกวี                                                   ดิ่งดั้น

                                ปิดหูไม่ใยดี                                                           หนวกหมด

                                ปิดตาความคิดสั้น                                                ต่ำตื้นดื่นเลว

                                                ใฝ่ลงเหวแน่แท้                                   หนอคน

                                เปรียบไก่เห็นพลอยผล                                       เขี่ยทิ้ง

                                เหล่าลิงป่าสัปดน                                 ดีดส่ง  แก้วงาม

                                หลู่ค่าที่เพริศพริ้ง                                                 จึ่งค่าเสื่อมลง

                                                สักวันจึงจะแจ้ง                                    จริงจัง

                                บทกวีจะดัง                                                           เกริกฟ้า 

                                ความจริงจะก่อพลัง                                             โดดเด่น

                                จงกวีอย่าล้า                                                           สุดสิ้นความเพียร

                                                มุเร่งเขียนเร่งเฟ้น                                ไหลมา

                                หลั่งจากยอดปัญญา                                             เลิศล้ำ

                                เชิดชูซึ่งธรรมา                                                     พุทธะ

                                แม้อาจเจ็บอาจช้ำ                                 แต่ต้องสู้ทน.

 

 

หมายเลขบันทึก: 262828เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2009 16:12 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 มิถุนายน 2012 16:28 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (24)

สุดยอด ปลอดสารพิษ ง่ายงาม ชัดเจน เห็นภาพ (figure of speech)

โดนทุกส่วน ยกเว้นหัวใจ

อิฐศิลาหน้าพระลานเป็นล้านก้อน

นับวันกร่อนให้เห็นความเป็นสอง

ใจดวงนี้อ่อนกว่าศิลากอง

ถ้ารักแล้วรับรองไม่สองใจ

สิบแก่นไม้ซาวแก่นไม้คิดนำแต่ไม้ดู่ สิบยอดชู้ซาวยอดชู้คิดนำเจ้าผู้เดียว

สำคัญน้อยสำคัญนิดคิดแล้วปวด

เช่นดั่งกรวดข้างทางที่วางทิ้ง

ไม่เหมือนเพชรระยิบระยับประดับจริง

เราก็แค่เศษหญิงไม่อิงนิยาย

ร้อยเรียงลักษณ์สลักลง ณ ตรงนี้

เป็นกวีลีลาพาทีอ้อน

บรรจงแต่งเติมแล้วแก้วอรชร

เป็นบทกลอนฝากถึงครูผู้ชี้ทาง

ครูสว่าง ไชยสงค์ ผู้คงมั่น

ครูของฉันคนนี้ที่ไกลห่าง

จากดวงจิตศิษย์คนนี้ที่ไม่จาง

ครูชี้ทางวางแผนให้ไม่เคยลืม...

ขอฝากบทกวีนี้ไปถึงครูสว่าง ไชยสงค์ด้วยนะคะ อยากบอกอาจารย์ว่า...

ลูกศิษย์คนนี้พยายามติดต่อกับอาจารย์ตลอดนะคะ ถ้าอยากรู้ว่าหนูเป็นใคร

ให้ไปเปิดเมลล์ของอาจารย์ดูนะคะ...

หนูอาจจะเป็นคนที่อาจารย์คาดถึงก็ได้ค่ะ

ท้ายที่สุดนี้ อยากบอกอาจารย์ว่า ลูกศิษย์คนนี้ได้ดีเพราะคำของอาจารย์ ถึงแม้ในอดีต

จะผิดไปบ้าง แต่วันนี้ หนูก็สามารถผ่านทุกอย่างมาได้ด้วยดีนะคะ

ด้วยจิตคารวะยิ่ง...

....ลูกข้าวนึ่ง...

รู้แล้วว่าลูกข้าวนึ่งคือใคร ขอให้งอกงามไพบูลย์ในการเรียนรู้ ขอบใจที่ยังรักและคิดถึง เป็นอันว่าจากหนองสอทั้งสองคน ทั้งบนและล่าง รัก

อันไหนลึกอย่านึกว่ามันตื้น

อันไหลลื่นอย่าคะนองไปลองผลัก

อันปืนป่ายที่จะขึ้นมันง่ายนัก

อันความรักกระเสือกกระสนไปจนตาย

ขอให้ความดีงอกงามใจหัวใจทุกดวง

ช่วงนี้สมาชิกป่งใบยังคงแน่นเหนียว ติดต่อกันเสมอ

ลมหายใจของความหลัง ยังคมเดินทางไปกับกาลเวลา

และรอคอย รวมบทกวีครั้งประวัติศาสตร์ของชาวป่งใบ

ฝากความรักและคิดถึงทุกท่านครับ

หวลคิดถึงวันเก่าก่อนตอนอยู่สารคาม

ป่งใบผลิใบบานในวงวรรณกรรม

ยังคงผลิบานแตกกิ่งก้านวรรณกรรม

ขอบคุณทุกความคิด

จากดวงจิตอันสดใส

ขอบคุณอย่างจริงใจ

ที่เป็นแฟนป่งใบเสมอมา

ขอบคุณ ๆ และ ๆ

รักอุ่นอุ่น จากฟากฟ้า

เพื่อนเราไม่ธรรมดา

ที่ฝากกลอนและความรักมาเราขอบคุณ

ขอบคุณทุกคนคราบ

แม้วันนี้จะเป็นเช่นต้นกล้า

วันข้างหน้าจะหยัดยืนให้เข้มแข็ง

แม้วันนี้จะเหนื่อยและอ่อนแรง

ไม่เปลี่ยนแปลงความรักใคร่ให้จดจำ...

ขอเป็นกำลังใจให้ครูสว่างนะคะ

ตอนนี้หนูกำลังเขียนหนังสืออยู่เล่มหนึ่งค่ะ

ชื่อว่า..."รอยยิ้มในหยาดเหงื่อ"

เป็นกำลังใจให้หนุทำสำเร็จด้วยนะคะ

รักและคิดถึงนะคะ

...ลูกข้าวนึ่ง...

รักและคิดถึง

คะนึงห่วงใย

ทั้งใกล้และไกล

ห่วงใยทุกคน (นะจ๊ะ) คริคริ อิอิ 555+++

คิดถึงทุกคนที่อยู่ไกล

กินข้าวกับอะไรนะตอนนี้

คิดถึงมหาสว่างไหมคนดี

ส่วนพี่(ลุง) คนนี้คิดถึงจัง

ลมพัดแล้วหวนกลับไม่ลับหาย

ลมรำเพยกลับกลายคล้ายความฝัน

ลมบกลมทะเลพัดเพกัลป์

ลมของฉันเพพัดทั้งซัดเซ

" เจ้าผู้ลมบ่มีฝนพัดแต่คน จนเซล้ม " อีกวรรคทองของกลอนลำเพลินฝ่ายหญิงที่ต่อว่าชาย จากวง ทองมี มาลัย วรรคทองนี้ ตีความว่าอย่างไรท่านทัศนาวดี ได้แล้วบอกด้วย

แม้มีลมเพียงหนึ่ง ก็ไม่ซึ้งเพียงหนึ่งฝน

ลมพัดโบกโยกยน ก็ไม่ดลเท่าฝนโปรย

สว่างชัย มหาเปรียญธรรม

ถึงอาจารย์ตุ่น อ้อ ศิริ และญาติน้ำหมึกทุกท่าน

เพลงกล่อมลูก

สำนวนที่ 1

เอ่อเอ้อ....

นอนสาหล่าหลับตาอย่าแอ่ว

นอนอู่แก้วหลับแล้วฝันดี

พ่อของเจ้าเพิ่นไปเฮ็ดนา

แล้วเวียกนาสิไปรับจ้าง

พ่อบ่ว่างหาเงินหาคำ

พ่อต้องจำลำบนลำบาก

เฮาจนยากอีหลีหล่าเอ้ย....

เจ้าอย่าช้าขอให้เข้านอน

เจ้านอนแล้วแม่สิแต่งงาย

เตรียมเอาไว้ท่านพ่อของเจ้า

พ่อหิวข้าวพ่อสิเป็นลม

ลูกกินนมอย่ากวนอย่าแอ่ว

เป็นลูกแก้วลูกค้ำลูกคูน

สืบสกุลของพ่อของแม่

เฮ็ดตั้งแต่คุณงามความดี

ความหวังมีฝากไว้กับเจ้า

เอ่อเอ้อ....

สว่าง ไชยสงค์ แต่ง

สำนวนที่ 2

นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม

นอนอู่แก้วหลับแล้วแม่สิกไกว....

แม่ไปไฮ่ปิ้งไก่มาหา

แม่ไปนาปิ้งปลามาต้อน

อย่าสู่อ้อนอย่าแอ่วอย่ากวน......

เจ้าฮู้บ ว่าโลกของเฮา

ความฮ้อนเผามันลนมันอูด

เฮาต้องสูดควันพิษทุกวัน

คนฆ่ากันย้อนความละโมบ

ย้อนความโลภคนจั่งใจดำ

เจ้าจงจำฟังคำแม่ว่า

แล้วหลับตานอนสาอย่าแอ่ว

ตื่นขึ้นแล้วจั่งค่อยกินปลา

แก้ปัญหายามตอนเจ้าใหญ่

แทนคุณไก่คุณปูคุณปลา

นอนสาหล่าหลับตาอย่าแอ่ว....

สว่าง ไชยสงค์ ประพันธ์

คำอวยพรสำนวนที่ ๑ (บทผญาภาษิตอีสาน)

ขอให้รวยล้นฟ้าม หาลาภมหาศาล

ทรัพย์ในจักรวาล หลั่งเข้าเฮือนทุกแลงเช้า

เงินกับทองไหลเข้า ในเคหาจนแน่นอั่ง

เฮ็ดอีหยังกะให้ได้ สมมาดปรารถนา

ขอให้เดโชกล้า บารมีสูงส่ง

ขอคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงคฆ์ จงซ่อยปกซ่อยป้องครองคุ้มให้ซุ่มเย็น

อย่าได้เป็นหวัดไข้ แนวใด๋เป็นเด็ดขาด

ฝูงโรคาพยาธิฮ้าย ให้ไกลข่างห่างหนี

ขอให้มีใจแน่น อย่าคลอนแคลนไหวหวั่น

ขอให้ทันขอให้ฮู้ ปัญญากล้าเก่งเกิน

ให้เจริญก้าวหน้า เสวยแต่ความสุข

อันตรายภายทุกข์ อย่าได้มีมาใกล้

แม่นสิไปหนห้อง ทางใด๋อย่าเขินขาด

วาสนาซ่อยค้ำ กำเงินล้านอยู่บ่เซา เด้อท่านเอ้ย

สว่าง ไชยสงค์ ร้อยเรียง

อวยพร สำนวนที่ ๒

ขอให้เงินไหลกองทองไหลมา เพชรนิลจินดาไหลสู่

โซคและลาภใหลเข้า ทั้งเซ้าและแลง

ไปทางหน้า อย่าสู่มีคนซัง

ไปทางหลัง กะให้มีคนย้อง

ญาติพี่น้อง นับหน้าถือตา

วาสนาลื่นล้น คนย้องทั่วเมือง

นอนหลับ กะให้ได้เงินพัน

นอนฝัน กะให้ได้เงินหมื่น

นอนตื่น กะให้ได้เงินแสน

แบนมือไป กะให้ได้เงินล้าน

เงินทองไหลเข้าบ้าน รวยล้นเป็นเศรษฐีเด้อ...

สว่าง ไชยสงค์ เรียบเรียง

เวลามี มีเวลา หรือว่าผิด

ไฉนคิด บิดเบียน จนเวียนหัว

แล้วอะไร ข้างใน มันมืดมัว

กลับพันพัว หรือพัวพัน ฉันผิดเอง

สว่างชัย มหาเปรียญธรรม

เพลงกล่อมลูก

นอนสาหล่าหลับตาแม่สิกล่อม นอนอู่แก้วหลับแล้วแม่สิไกว เอ่อเอ้อ.....

เจ้าฮู้บ่ว่าแม่เจ้าหวง......เจ้าคือดวงสุดสายสวาท

ให้ตัดขาดตัดเจ้าบ่ลง แม่ประสงค์ให้เจ้าเติบใหญ่

เอาใจใส่การสูตรการเรียน การอ่านเขียนก้าวไปข้างหน้า

เจ้าต้องกล้าฉลาดแหลมคม กินนมแล้วอย่าแอ่วอย่ากวน เอ่อเอ้อ.....

เจ้านั่นคือดวงใจของแม่ แพงคักแน่จนล้นดวงใจ

ไปทางใด๋คึดนำแต่ลูก ใจพันผูกลูกฮักของตน

สาละวนแนวกินแนวอยู่ มือซ้ายไกวอู่มือขวาปิ้งปลา

เตรียมหุงหาข้าวมาป้อนลูก อยากให้ลูกนั้นเป็นคนดี

ให้เป็นศรีของพ่อของแม่ เจ้าอย่าแวหาสิ่งบ่ดี

คึดถี่ถี่ไว้เด้อลูกหล่า อยากก้าวหน้าให้จื่อจำเอา เอ่อเอ้อ.....

สว่าง ไชยสงค์ / ประพันธ์

ลำกล่อมลูก

ลูกคำเอ้ย.....แสนฮักแพงเหลือล้น ลูกของตนเลือดของแม่

ฮักเจ้าหลายแท้แท้ เสมอก้อนต่อนคำ

เจ้านี้แสนเลิศล้ำ ประเสริฐกว่าดวงใจ

แม่สิไปทางใด๋ คิดนำแต่ตนเจ้า

แม่นี้แสนซึมเศร้า เหงาอุรายามไกลจาก

บ่ อยากพรากลูกน้อย ไกลข้างห่างหนี

เกิดมาในชาตินี้ มีลูกแม่เป็นดวงใจ

คิดนำหลายเด้น้อ ฮักแพงเหลือล้น

แม่นสิไปขุดค้น ปลูกมันหรือถางไฮ่

แม่นสิไถหว่านกล้า ดำนาพู้นกะคิดนำ

ลูกคือคำค่าล้าน แพงยิ่งกว่าดวงตา

บ่ มีหยังมาซา เปรียบกันบ่มีได้

ขอให้จดจำไว้ จำคำของแม่ว่า

นอนหลับตานอนอู่แก้ว นอนหลับแล้ว ...แม่สิไกว...คำแพงเอ้ย.

สว่าง ไชยสงค์ / ประพันธ์

มากมายก่ายกอง

หนึ่งสองรองไม่

ทาสแท้นัยใจ

ไฉนใครครอง

ทำแล้วได้อะไร ทำไมฉันจึงทำ

ทำแล้วเจ็บซ้ำ แล้วฉันทำ ทำไม

หรือว่าเป็นเพราะ รักเกาะกินใจ

ที่ฉันทำได้ หรือว่าใจต้องการ

ลมหนาวพัดโชยมา

หนาวกายายังทนไหว

หนาวเนื้อห้วงหัวใจ

ต้องมีใครคอยดูแล

ช่วงหนี้อากาศหนาวแล้ว ก็ขอให้คุณครูสว่าง

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ

ขอฝากความห่วงใยมากับบทกลอนนะคะคุณครู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท