ผมเริ่มเล่นพอดแคส เมื่อประมาณสองปีก่อน แต่กว่าจะมาเริ่มสนใจจริงจังก็ตอนที่ต้องขับรถทางไกล (road trip) ซึ่งที่อเมริกานั้นเขาว่ากันว่าควรจะทำ โดยเฉพาะไปแบบเดี่ยวๆ มีแต่เรากับเสียงเพลง เมื่อปลายฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมาผมวางแผนเที่ยวโดยได้แรงบันดาลใจจากหนังเรื่อง Elizabethtown ประมาณว่าอยากจะเอาอย่างพระเอกในเรื่อง (ฮา)
เรื่องที่ผมห่วงที่สุดในการเดินทางครั้งนั้นคือเรื่องเพลง หลังจากที่สั่งซื้อเพลงมาได้พอสมควร ผมก็เริ่มถามเพื่อนๆ ว่ามีเพลงไหนที่น่าจะพกติดตัวไปถ้าต้องโรดทริป เพื่อนหลายคนกลับตอบว่าควรจะพกพอดแคสไปฟังระหว่างทาง แน่นอนครับว่าไอเดียนี้ไม่ค่อยจะโรแมนติกอย่างที่ผมฝันเอาไว้ แต่ก็ตัดสินใจพกเอาไปสองสามตอน จากเว็บไซต์ This American Life เหตุผลสองประการที่ทำให้ผมตัดสินใจเอาไปด้วยนั้นเพราะเพื่อนๆ บอกว่ามันดีกว่าเพลงตรงที่เรียกความสนใจเราได้มากกว่า ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เสียงคนพูดนั้นดึงทรัพยากรโสตสัมผัสเราได้มาก (คือใช้ cognitive load สูง) ส่วนเพลงนั้นบางครั้งถ้าเป็นเสียงเครื่องดนตรีก็ผ่านหูซ้ายทะลุหูขวาไป
สรุปง่ายๆ คือว่าการฟังคนพูดนั้นช่วยให้สมอง “ตื่น” มากกว่าการฟังเพลง
ผมทึ่งกับงานพอดแคสของทีมงาน This American Life ที่เป็นรายการวิทยุพูดคุยเรื่องสาระในปัจจุบัน โดยเฉพาะตอนที่ผมฟังนั้น ชื่อตอน Bad Bank ซึ่งมีการอธิบายการทำงานของธนาคารและแนวคิดของ Balance Sheet แน่นอนครับ การอธิบายเรื่องเหล่านี้น่าจะทำได้ไม่ยากถ้ามีภาพ เห็นตัวคนอธิบาย แต่เขาใช้เสียงอย่างเดียวอธิบายให้คนที่เคย drop Macro / Micro Econ สมัยปริญญาตรีเข้าใจได้ ก็ต้องยอมรับว่าไม่ธรรมดา
หลังจากกลับจากโรดทริปคราวนั้น (ซึ่งก็โรแมนติกประมาณหนึ่ง แม้จะไม่ถึงกับในหนังก็ตาม) ผมเริ่มสนใจหาพอดแคสใหม่ๆ ฟัง ก็ได้คำแนะนำจากเพื่อนว่าเว็บไซต์ How Stuff Works? นั้นมีพอดแคสดีๆ มากมาย ตั้งแต่หัวข้อทางเทคโนโลยีไปถึงประวัติศาสตร์
ผมใช้เวลาเดินจากบ้านไปออฟฟิศประมาณสิบนาที ก็พอดีกับความยาวของพอดแคสจาก How Stuff Works ซึ่งยาวประมาณสิบถึงยี่สิบนาที เดินทางไปกลับก็ฟังจบตอนพอดี นอกจากช่วยให้การเดินไม่น่าเบื่อแล้ว ยังถือเป็นการฝึกการฟังภาษาอังกฤษไปด้วย
ใครขึ้นรถลงเรือ เดินทางก็ลองหาพอดแคสมาฟังกันนะครับ
ฟังแต่ พอดแคส iTunes ของแอปเปิลค่ะ
มาเยี่ยม และมาบอกว่า หายไปนานมากๆค่ะ