|
|
การวิจัยนี้พบว่าองค์กรทั้ง 3
แห่ง
ได้นำการสื่อสารในองค์กรมาใช้เป็นเครื่องมือหรือกลไกหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นแก่องค์กร
ทั้งผู้บริหารการสื่อสารในองค์กรระดับสูง ผู้บริหารระดับกลาง
และพนักงานผู้ปฏิบัติขององค์กรทั้ง 3 แห่ง
เห็นพ้องต้องกันว่าองค์กรของตนได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมาก นอกจากผู้นำจะต้องคิดใหม่ คิดนอกกรอบ มีความสามารถที่จะหาตลาดและสร้างสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ได้ และจะต้องย้ำเตือนตนเองเสมอว่าในท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดเช่นปัจจุบัน พนักงานผู้ปฏิบัติถือว่ามีบทบาทสำคัญในการที่จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่ยั่งยืนให้องค์กร ดังนั้นผู้นำที่ใช้การสื่อสารในองค์กรส่งข่าวสารให้แก่สมาชิกได้ทราบถึงทิศทางขององค์กร เพื่อให้ทุกคนพร้อมที่จะผลักดันองค์กรไปในทิศทางเดียวกันจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ผลการวิจัยพบว่า นอกจากประชาคมในแต่ละองค์กรจะเห็นถึงบทบาทและอิทธิพลของการสื่อสารในองค์กรแล้ว ยังสามารถใช้เป็นช่องทางและโอกาสนำไปสู่การรับรู้ถึงนโยบาย แผนการสื่อสาร จุดเด่น อุปสรรคและแนวทางการแก้ปัญหาการสื่อสารภายในองค์กรของตน แม้ว่าบางองค์กรจะไม่มีนโยบายและแผนการสื่อสารอย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม แต่ก็รับรู้ได้โดยพฤตินัย และยังพบอีกด้วยว่าการสื่อสารในองค์กรช่วยในการเปลี่ยนแปลงองค์กรให้เป็นไปตามวิสัยทัศน์ นโยบายหรือความต้องการของผู้บริหารได้ และถือเป็นปัจจัยเอื้อต่อความสำเร็จในการสร้างความแตกต่างขององค์กร นอกจากนี้บุคลากรส่วนใหญ่ขององค์กรทั้ง 3 แห่ง พึงพอใจการสื่อสารภายในขององค์กรมาก เพราะสามารถที่จะช่วยกระตุ้นแรงจูงใจในการทำงาน สามารถสร้างความร่วมมือร่วมใจในการพัฒนาองค์กร เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เกิดความเชื่อถือไว้วางใจและความจงรักภักดีต่อองค์กร และยังรู้สึกถึงความเท่าเทียมในการรับข่าวสารของพนักงานในองค์กรได้ อีกทั้งสามารถนำข่าวสารในองค์กรที่ส่งมาจากเบื้องบนหรือจากผู้บริหารระดับสูงมาใช้ในการปฏิบัติงานที่รับผิดชอบได้อีกด้วย (หรืออีกนัยหนึ่งจากส่วนกลางมายังส่วนภูมิภาค) นอกจากนี้ผู้บริหารระดับสูงเปิดโอกาสพนักงานในการสะท้อนปัญหาข้อเสนอแนะสู่ผู้บริหาร (การสื่อสารจากล่างขึ้นบน ซึ่งจัดเป็นการสื่อสารในองค์กรที่มีความหมายยิ่ง) และ คิดว่าข่าวสารขององค์กรเพียงพอและเหมาะสมต่อการทำงาน เชื่อถือข่าวสารที่ได้รับ โดยมีการสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานและทีมงานด้วยกันและเพียงพอจึงนำมาซึ่งผลดีต่อตนเองและการทำงานในหน้าที่ ทำให้พร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังช่วยกันผลักดันองค์กรไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ องค์กรทั้ง 3 แห่ง มีการปรับเปลี่ยนและพัฒนาด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร เพราะเทคโนโลยีการสื่อสารได้เปลี่ยนบทบาทจากปัจจัยเกื้อหนุนหรือการเป็นสิ่งสนับสนุนการปฏิบัติงานขององค์กรมาเป็นปัจจัยนำหรือองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการองค์กร ทั้งยังได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของสมาชิกในองค์กรให้มีการพัฒนารูปแบบและวิธีการรับข่าวสารในองค์กรผ่านเทคโนโลยีการสื่อสารใหม่ๆนั้น โดยมีการนำระบบคอมพิวเตอร์ที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและอินทราเน็ตมาใช้ในองค์กรอย่างเต็มที่ พร้อมไปกับการใช้สื่อสิ่งพิมพ์และการสื่อสารแบบเห็นหน้าค่าตาควบคู่กันอีกด้วย ดร.วนาวัลย์ ดาตี้ สรุปในตอนท้ายว่า จากการที่การสื่อสารภายในองค์กรถือเป็นปัจจัยเอื้อต่อความสำเร็จในการสร้างความแตกต่างขององค์กรระดับประเทศให้กับองค์กรทั้ง 3 แห่งได้อย่างเด่นชัด และส่งผลให้สมาชิกในองค์กรมีความพึงพอใจต่อการสื่อสารภายในองค์กรที่ได้รับและพร้อมที่จะเป็นพลังผลักดันองค์กรเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้ จึงหวังว่าผลการวิจัยนี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรอื่นๆ ที่จะหันมาให้ความสำคัญและตระหนักถึงบทบาทการสื่อสารในองค์กรมากขึ้นและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการส่งข่าวสารหรือนำร่องในบริบทของตนให้สมาชิกในองค์กรได้ทราบอย่างเหมาะสม เพื่อศักยภาพการแข่งขันและการปรับตัวในท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกได้เป็นอย่างดียิ่ง และเหนืออื่นใด ก็คือสามารถในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าและประชาชนได้อย่างแท้จริง |
* *งานวิจัยเรื่อง “การสื่อสารภายในองค์กร: ปัจจัยเอื้อความสำเร็จในการสร้างความแตกต่างขององค์กรระดับประเทศ” ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2552
กิ๊ป ขอบคุณนะคะที่มีเรื่องดีๆมาเล่าสู่กันฟัง
แต่พี่อยากรู้ช่องทางสื่อสารที่เข้าถึงทุกๆคนในคณะได้ ลองมาหลายวิธีแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ พวกเรามาเก็บข้อมูลกันม๊ยเป็นR2Rได้เลยนะ