อย่างที่ทิ้งท้ายไว้ตั้งแต่เมื่อ (หลาย) วันก่อนว่าจะเล่าเรื่องเก็บตกจากการประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 3/2549 ให้อ่านกัน ความจริงไม่น่าจัดไว้เป็นเรื่องเก็บตกเลยค่ะ เพราะ แต่ละประเด็นก็สำคัญทั้งนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาก็มาอ่านเรื่องแรกเลยก็แล้วกันค่ะ
ประธาน กล่าวว่า มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะพูดคุยในวันนี้ คือ เรื่องโครงสร้างคณะกรรมการ ตอนนี้ลุงบุญเทียม ศักดิ์วงศ์ ซึ่งเป็นประธานองค์กรออมทรัพย์ชุมชนสบตุ๋ย (เคยเป็นคณะกรรมการของเครือข่ายฯด้วยค่ะ) ได้หายไป ไม่มาเข้าร่วมประชุม ผมได้ประสานไปทางผู้ใหญ่… (เป็นผู้นำชุมชนสบตุ๋ยค่ะ) แกก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่ค่อยเข้าใจ ตอนนี้ดาบไพศาล ซึ่งเป็นรองประธานเครือข่ายฯ ได้ขอปรับตัวเองไปอยู่ฝ่ายทะเบียน เพราะ ต่อไปโปรแกรมเสร็จต้องมีนายทะเบียนดูแลดาบไพศาล เสริมว่า ผมจะเป็นนายทะเบียน ผมจะคุมทะเบียน ผมจะได้ดูแลและคัดเลือกคนในกลุ่มอายุต่างๆ เช่น 60 ปีก็อยู่พวกหนึ่ง , 70 ปีก็อยู่อีกพวกหนึ่ง เป็นต้น เพราะว่า ต่อไปเราจะได้รู้ว่าการตายจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นหรือคงที่ ตอนนี้ก็เลยต้องหาคนเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งเพื่อมาทำหน้าที่เป็นรองประธาน
มีผู้เข้าร่วมประชุมคนหนึ่งถามขึ้นมาว่า อ.ชวนพิศ พอที่จะช่วยตรงนี้ได้ไหม?
อ.ชวนพิศ ตอบว่า ตัวเองไม่ค่อยจะมีเวลา กลัวว่าจะเข้ามาทำไม่เต็มที่ เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกกันเปล่าๆประธาน จึงกล่าวต่อว่า นั่นน่ะสิ ขนาดตอนนี้มีชื่ออยู่ในกองทุนธุรกิจชุมชนยังไม่เข้ามาช่วยงานเลย ตอนนี้ อ.ชุติกานต์ อีกคน (เป็นรองประธานเครือข่ายฯค่ะ) ลาป่วยไป 3 เดือนแล้ว นานมาก
อ.วรรณพร ซึ่งอยู่กลุ่มเดียวกับ อ.ชุติกานต์บอกว่า อ.ชุติกานต์ไม่ได้หายไปไหน ถ้าพ้นเดือนมีนาคมไปแล้วก็คงว่างมากขึ้น คงเข้ามาร่วมงานได้
ประธาน บอกว่า เป็นเพราะ อ.ชุติกานต์จึงทำให้เกิดปัญหาเงิน 600,000-700,000 บาท (อ.ชุติกานต์ดูแลกองทุนร่วม-ค่าเฉลี่ยศพค่ะ) ถ้ามาตลอดก็คงจะไม่เกิดปัญหานี้ ตรงนี้อยู่ที่คน 7 คน (คณะกรรมการบริหาร) จะต้องบริหารจัดการให้ได้ จากนั้นประธานก็บอกว่าให้คุณอุทัย ลุงคมสัน อ.วรรณพร ดาบไพศาล รวมทั้งประธานมาช่วยกันคิดว่าจะหาคนเข้ามาอยู่ในโครงสร้างการบริหารจัดการอย่างไร
เก็บตกเรื่องแรกผ่านไปแบบเดิมๆค่ะ (คือไม่ได้ข้อสรุปอะไร) ผู้วิจัยกับอาจารย์พิมพ์ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเหมือนกันค่ะ ทำได้ดีที่สุดก็คือ ทำใจค่ะ ไม่อย่างนั้น (อาจ) เป็นตัวแปรที่เพิ่มเข้าไปอีกหนึ่งตัวในสมการก็ได้ค่ะ
ไม่มีความเห็น