เทคนิคผูกใจ ลดการลาออกของพนักงาน...!!!


คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก

 

 

 

เมื่อถึงช่วงที่บริษัทเรามียอดการผลิต ที่ต้องอาศัยพนักงานสัญญาจ้าง ในจำนวนที่มากขึ้นกว่าปกติ

 

หัวหน้าหน่วยงาน ก็จะประสบปัญหาการลาออกของน้องๆ กลุ่มดังกล่าว ก่อนที่จะครบสัญญา ทั้งบริษัทต้องเสียเวลาสรรหา เลือกสรรค จัดฝึกอบรม ให้กับพนักงานใหม่ที่เข้ามาทดแทนเป็นระยะๆ ซึ่งก็เป็นช่วงระยะเวลาที่สั้นๆ ในแต่ระรอบ

 

ส่งผลให้การผลิต เป็นไปแบบไม่ราบรื่น คุณภาพ ประสิทธิภาพ ของงานต่ำลง เกิดอุบัติเหตุถี่ขึ้นเป็นต้น

 

การแก้ไขปัญหานี้ ในเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน หัวหน้าหน่วยงานต้องให้ความสำคัญกับพนักงานใหม่ ที่ก้าวเท้าเข้าสู่เส้นเขตแดนของหน่วยงาน ตั้งแต่ก้าวแรก โดยให้ความสำคัญต่อบุคคลเสมอกัน

               

วิธีการตัวอย่างง่ายๆ ๕ ข้อ ดังนี้

๑.       หัวหน้าหน่วยงาน ต้องทราบล่วงหน้า ถึงข้อมูลที่พนักงานใหม่ จะเข้าหน่วยงาน อย่างน้อยหนึ่งวัน

๒.     หัวหน้าหน่วยงาน ต้องเป็นผู้ต้อนรับด้วยตนเอง  เมื่อพนักงานเข้าถึงหน่วยงาน โดยทำความรู้จัก เช่นเรียกชื่อเล่น ถามประสบการณ์ สุขทุกข์ พื้นเพภูมิหลัง

๓.     หัวหน้าหน่วยงาน ต้องคอยเทียวไปถามเป็นระยะๆ เมื่อพนักงานเข้าจุดทำงานแล้ว  ถึงการทำงาน ว่าสภาพร่างกาย จิตใจเป็นอย่างไรบ้าง แสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจให้น้องๆเห็น

๔.     หัวหน้าหน่วยงาน ต้องแสดงให้พนักงานเห็นว่า  หัวหน้าหน่วยงานจะไม่ให้เกิดการเอาเปรียบกันในสถานที่ทำงาน หากเกิดขึ้น ต้องกำจัดอย่างนุ่มนวลรอบคอบ

๕.     หัวหน้าหน่วยงาน ต้องรู้จักพนักงานทุกคน

 

ทั้ง ๕ ข้อพอสรุปให้จำง่ายว่า มีข้อมูล ต้อนรับ ถามไถ่ ไม่เอาเปรียบ และรู้จักทุกคน ทั้งหมดเป็นเพียงตัวอย่าง ที่ท่านสามารถนำประสบการณ์ มาประยุกต์ใช้ได้ บนพื้นฐานคติ ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งสำเร็จแล้วด้วยใจ ตามคำสอนทางพระพุทธศาสนา

 

หรือแม้แต่สุภาษิตไทยยังกล่าวใว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก ผู้มีบทบาทสำคัญของหน่วยงานหรือก็คือ หัวหน้าหน่วยงาน ซึ่งมีอิทธิพลอย่างสูงในการทำงานของลูกน้อง จึงต้องให้ความสำคัญ ต่อจิตใจของคน ทุกเพศวัยเสมอกัน โดยปราศจากอคติ

 

นิทานเรื่อง โคนันทวิศาล จะเป็นตัวอย่างสนับสนุนได้เป็นอย่างดีถึงเรื่องความสำคัญทางใจ แม้แต่ โค คนมาพูดสั่งไม่ถูกหูก็ยังดื้อไม่ลากเกวียนต่อ

 

ข้อคิดเห็นที่นำเสนอมานั้น หากปฏิบัติได้ ผมมีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ว่าปัญหาการลาออกของน้องๆ พนักงานสัญญาจ้างจะลดลงมากกว่าร้อยละห้าสิบ  และถ้ายิ่งใช้ศักยภาพของท่านเองอย่างเต็มที่แล้ว อัตราจะเพิ่มไม่ถึงร้อยก็ใกล้เคียง

 

แม้จะกล่าวว่า งานยุ่ง ไม่มีเวลา ก็ขอให้ลองปฏิบัติอย่างจริงๆจังๆ เฉพาะในข้อ ๕  ที่ว่า รู้จักพนักงานทุกคน  ก็ได้ผลพอสมควร

 

ถามตนเอง และตอบดูครับว่า หัวหน้าหน่วยงาน รู้จักพนักงาน ลูกน้องของท่านทุกคน แล้วหรือยัง ถ้ายังไม่รู้จักฉันใด ก็ไม่ต่างอะไรกับที่ท่านไม่รู้จักคนในครอบครัวเดียวกัน ฉันนั้น

 

ผลพลอยได้ของการปฏิบัติการตามแนวทางข้างต้น หัวหน้าหน่วยงาน จะได้รับรู้ในสิ่งที่มากกว่าได้รับรู้มา อันจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารงานบุคคลในหน่วยงานได้เป็นอย่างดี

 

ยังไม่สาย เริ่มได้ทันที เริ่มเลยครับทำได้แน่นอน กรุณาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบๆหน่วยงาน แล้วถามตัวเองซิว่า มุมใดของหน่วยงานที่ท่านไม่ได้เดินเข้าไป ณ จุดนั้นมานานแล้ว จนลืมไปว่าไปครั้งสุดท้ายเมื่อไร  ดูว่ามีพนักงานคนใดบ้างที่เรายังไม่รู้จัก และไม่เคยทักทายกันเลย หรือทักก็นานแล้ว จนจำไม่ได้ว่าเมื่อไรอีกเช่นกัน

 

อย่าให้ถึงขนาดที่น้องๆเดินสวนทางกันแล้วถามตัวเองว่า น้องๆที่เดินผ่านไปอยู่หน่วยงานใด ทั้งที่ก็ลูกน้องตัวเองแท้ๆ

 

ขอให้เริ่มด้วยรอยยิ้มที่ตัวท่านเอง และต้องมั่นใจว่าเป็นยิ้มที่ออกมาจากหัวใจ เข้าไปหาพนักงาน แล้วจะพบกับสิ่งมหัศจรรย์ นั่นคือรอยยิ้มของลูกน้องที่ใสซื่อบริสุทธิ์ ความอิ่มเอิบใจจะล้นปรี่ในหัวใจท่านอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ยิ้มหรือยังครับ....!!!

 

 

 

คำสำคัญ (Tags): #ลาออก
หมายเลขบันทึก: 261450เขียนเมื่อ 16 พฤษภาคม 2009 08:52 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 พฤษภาคม 2012 20:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท