วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2552 ได้มีโอกาสไปร่วมงานแถลงข่าว การเปิดหลักสูตรใหม่สาขาวิชาธุรกิจกีฬาและการบันเทิง ของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้อำนวยการหลักสูตร โดย.ดร.ปรางทิพย์ ยุวนนท์ ในแนวคิดของหลักสูตรนี้ได้นำเอาศาสตร์และศิลป์ของสามสาขาวิชาเข้ามาร่วมบูรณาการให้เกิดเป็นความรู้ที่ทันสมัยและเป็นการเรียนที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับแขนงของวิชาการจัดการที่เน้นหนักไปในทาง ธุรกิจกีฬาโดยแท้ และองค์ประกอบที่เป็นผลจากการจัดการนั้นก็คือ การบันเทิง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบริหารจัดการหลักสูตรได้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ แต่ก็สามารถทำได้ในมาตรฐานของการศึกษาไทย โดยการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ ที่เกี่ยวข้องมาเป็นผู้ถ่ายทอดแลกเปลี่ยนและเรียนรู้ระหว่างชั้นเรียน ว่ากันว่า นิสิต นักศึกษาที่ก้าวเข้ามาเรียนในหลักสูตรนี้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีความสามารถเกินดีกรี ที่จะมาเรียนซะอีก แต่ที่ผู้คนเหล่านี้ต้องการคือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทั้งประสบการณ์และวิสัยทัศน์ ทั้งของคนรุ่นเก่าผนวกกับคนรุ่นใหม่ ไฟแรง ๆ ในวงการเพื่อนำความรู้มาบูรณาการให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อวงการกีฬาของไทยต่อไปในอนาคตอันใกล้ ดังคำนำในหนังสือ การจัดการการกีฬา ของ ดร.ปรางทิพย์ ยุวนนท์ (2552) ได้กล่าวไว้ว่า ภายใต้ยุคโลการภิวัฒน์ พลวัตของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งด้านเทคโนโลยี กระบวนทัศน์ของความคิด วิถีชีวิต และด้านวิชาการ และด้วยสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้คนในองค์กรจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยน เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงของโลก หากคนในองค์กรไม่เปลี่ยนหรือปรับตัวไม่ทันแล้ว โอกาสในการก้าวหน้าก็จะหยุดไปด้วย ทางด้านการกีฬาก็เช่นเดียวกัน หากนักกีฬาไม่ปรับ ไม่พัฒนา นอกจากจะไม่ชนะแล้ว ยังจะพ่ายแพ้ตลอดกาลด้วย การจัดการการกีฬาในประเทศไทย มีตำราให้เรียนรู้ไม่มาก วิธีเรียนรู้ที่ดีที่สุดจึงต้องอาศัยการเรียนรู้จากผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์
น่าสนใจ ที่จะนำแนวคิดไปพัฒนาให้จริงจัง แต่จะมีใครในวงการกีฬาที่สนใจจะลงมือ