รู้แต่ไม่ทำ...... ????


คนในครอบครัว...พูดย้ากยาก

"ฉันเกิดอยู่แดนอิสาน   ถิ่นกันดารที่เขาดูหมิ่นดูแคลน

         จากไปหากินต่างแดน  ลำบากเหลือแสนแต่จำต้องพรากบ้านนา....."

เสียงเพลง..เจื้อยแจ้ว..จากเสียงวิทยุเมื่อหลายสิปปีที่แล้ว..

   ตอนเรียนจบแล้วบรรจุทำงานที่กรุงเทพฯ 15 ปีเต็มที่อยู่ในเมืองหลวง

      (แต่หน้าตาบ้านน้อก บ้านนอก)  พอแม่ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้

      จะเข้าไปรักษาโรงพยาบาลที่คิดว่าดีที่สุดของภาคอิสาน

         ก็ไม่มีเตียงว่าง ..แม่บอกว่า ย้ายกลับบ้านเถอะลูก

          (ด้วยความหวังว่า เมื่อลูกได้ทำงานอาจมีสิทธิ์ขอเตียงให้แม่รักษาบ้าง...
                ตามประสา ไทบ้านนอก)

..... กลับถิ่นเกิด...สำนึกรักบ้านเก่ามัน(ไม่)เกิด  แต่ต้องย้ายมาเพราะ..แม่

 

แต่เสียดายแม่ด่วนจากลา..ก่อนที่ลูกสาวขออนุมัติย้ายได้และรายงานตัว

กับที่ทำงานใหม่       (ทั้งที่เดินเรื่องทุกอย่างเอง....เกือบปี.....นี่แหล่ะ..)

.....ขั้นตอนมากมาย..ไม่รวดเร็วเหมือนเอกชน.....

100_4565100_4244

  

 ที่นี่ทำให้.....เรากลับมารับใช้ไทพี่น้องชาวอิสานที่แท้จริง

      ภาพที่สลดหดหู่ พี่น้องที่หอบข้าวของพรุงพรัง หาที่พักเพื่อรอรักษา ทั้งผู้ป่วยและญาติหนาแน่นในโรงพยาบาลใหญ่ๆให้เห็นจนชินตา คนหนึ่งในบ้านป่วยก็ป่วยกันทั้งหมด.....เอ..เป็นเพราะว่าคนไทย  เข้าถึงระบบบริการสุขภาพมากขึ้น หรือว่า..ไม่ดูแลตนเอง หรือ..และ... หรือ..

       หมอยาดีมีที่ไหนก็ไปถึง....ขายวัวขายควาย ขายที่ขายทาง ค่ากินอยู่..

(แม้บางคนบอกว่า..ไปโรงพยาบาลได้แต่พาราเซ็ตตามอลก็ตาม)

มันไม่ได้ดังใจเหมือนไปคลินิค  ถูกยาเพราะว่าเสียเงิน

                           แต่ถ้าใครว่าหมอไหนดี ก็ตามไป  .....ทั้งที่รู้ว่า....

......โรคภัยที่พอจะป้องกันได้ทำไมไม่รู้จักป้องกัน.....คำนี้แหละที่อยู่ในใจตลอดเวลา

     จนไม่นานมานี่เอง..อยากบอกว่าคนเราไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา..จริงดังที่พูดไว้ไม่ผิด

 

...มะเร็งตับ ไม่กินปลาดิบ ปลาร้าดิบ  ปลาจ่อม 

 

"หมออนามัย  เจ้าหน้าที่สาธารณสุข   พยาบาล หมอ ที่ไม่กินดิบ ยังเป็นเลย คุณหมออย่าเว้าเลย 

 ....พี่ชาย หมอ  พ่อ  สามี ยังกินเหล้า กินก้อยปลา บอกคนอยู่เฮือนก่อนจั่งค่อยบอกผู้อื่น"

 

      จริงไหมคะ?....ค่ะถูกต้องคนในครอบครัวดิฉันยังไม่เชื่อฟังเลยค่ะ....ต้องทำใจว่าเมื่อไหร่ใครเป็นต้องยอมรับ...และดูแลกันไป....    หน้าที่ที่ต้องทำก็จะทำต่อไปให้สุดความสามารถค่ะ

 

"คนเราเกิดมาต้องสู้หล่ะครับ"

เช้าวันนี้ขณะที่มีเวลาว่างสัก10นาทีได้มีโอกาสพูดคุยกับชายวัยทำงานอายุประมาณ 39 ปี

มานอนรักษาด้วยอาการที่เขารับรู้ว่าตัวเองเป็นท่อน้ำดีอุดตัน    เราเริ่มต้นการสนทนาโดยให้เขาเล่าเรื่องที่อยากเล่าเกี่ยวกับอาการของตนเอง

 เพราะให้ถามคำถามที่อยากรู้ ปรากฎว่าล้มเหลว เพราะเขาไม่รู้ว่าจะถามอะไร

เขาเล่าว่า ประมาณกลางเดือนเมษายนปีนี้แหละ ก่อนสงกรานต์เริ่มมีอาการจุกท้อง 

 ไข้ เจ็บใต้ชายโครง มาบริเวณลิ้นปี่ ประมาณ 1 สัปดาห์เป็นๆหายๆ  ไปตรวจที่คลินิค

และอนามัย ก็บอกว่าเป็นโรคกระเพาะได้ยามากินก็ไม่ดีขึ้น  อาการแน่นนานๆเป็นที

แต่ไม่ทุเลาลง เทียวไปมาระหว่างคลินิคกับโรงพยาบาลชุมชนได้ยากระเพาะมากินเรื่อยๆ

ก็ไม่ดี.....ต่อมาเพื่อนบ้านบอกว่ามีหมอทหาร(ภาษาชาวบ้าน  แต่ไม่ใช่ผู้ที่จบแพทย์

พอจะรู้จักการฉีดยา...ซื้อยาตามร้านขายยามาฉีดให้ชาวบ้านเก็บค่ารักษาค่อนข้างแพง)

                            "บอกว่ารักษาหายหลายคน เขากับภรรยาเลยลองไปดู

                หมอ(ไม่ใช่แพทย์)คลำใต้ชายโครงแล้วบอกว่าเป็นตับอักเสบฉีดยา2เข็ม 

                เขารู้สึกว่า เออ..ดีขึ้นอาการแน่นอึดอัดทุเลาลงกลับไปฉีดอีกสองเข็ม

               แล้วก็กินยาที่หมอทหารให้มา"

                  "จนสังเกตว่าตัวตาเหลือง  ปัสสาวะสีเข้ม ก็เลยหยุดกินยา.....

       น้ำหนักลด 6-7 กิโลกรัมในเวลาสองเดือน ผิดำคล้ำ และคันมากขึ้นกลางคืนนอนไม่ได้

                  ใช้หวีเกาขูดๆให้หายคันไปตรวจที่คลินิคขออัลตร้าซาวด์ แพทย์บอกว่าเป็นนิ่วอุดตันในถุงน้ำดี ไปอัลตร้าซาวด์ที่โรงพยาบาลอำเภอก็บอกเหมือนกัน ....

                 แล้วแพทย์ก็ส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัด นัดวันเจาะเอานิ่วออก

หมอบอกว่าเครื่องมือเสีย รอซ่อม ส่งมาโรงพยาบาล(ระดับสูงกว่า)แล้วส่งมาโรงพยาบาลมหาวิทยาลัย"

ผมคงไม่เป็นมะเร็งหรอกครับ

ผมแข็งแรง ผมป่วยยังไปหายิงนกตกปลาอยู่ เดินไปไหนมาไหนได้

ถ้าเป็นมันก็ต้องรักษา .......มันตายทุกคนหล่ะครับ

 ผมกลัวแต่ผมไม่ได้ผ่าตัด........ความหวังของผมคือ..ผ่าตัดผมอยากรู้ว่าผมเป็นหยัง......

"คนที่เป็นมะเร็งแถวบ้านผมมันท้องมาน ใหญ่ ตัวตาเหลือง บวม ครับ ผมว่าผมมาเร็วผมมารักษาเร็วครับ"

Pale stool and dark urine in Obstructive Jaundice by Clinical Cases and Images.

 

                             "ผมมีลูกมีหลานแล้วครับ เดือนหน้าลูกสาวคลอดหลานคนที่สอง...ชีวิตเกิด  ดับมันธรรมดา"

"หัวไต่มีคนนั่งฟังหล่ะครับ.....สุเทื่อหมอเพิ่นฟ้าว กะบ่กล้าถาม.......เพิ่นกะเว้าแต่ภาษาอังกิด กะบ่ฮู้ อีหยัง    กะขึ้นกับหมอเพิ่นสุดแต่หมอเพิ่นสิเฮ็ดม่องนี้กะสุด'

(เพิ่งจะมีคนมานั่งฟัง...ทุกครั้งหมอรีบไม่กล้าถามหมอพูดภาษาอังกฤษฟังไม่รู้เรื่องส่วนใหญ่หมอคุยกันเองภาษาหมอ  สุดแท้แต่หมอจะทำอย่างไรเพราะมาที่โรงพยาบาลดีที่สุดของภาคอิสานแล้ว)

 

หมายเลขบันทึก: 261134เขียนเมื่อ 14 พฤษภาคม 2009 12:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:44 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

ขอฝากความรู้เรื่องมะเร็งตับด้วยค่ะ

มะเร็งตับเหตุร้ายจากภัยใกล้ตัว พบในชายอันดับ 1

www.tonprik.org/tags/6/page/5=http://www.blog.eduzones.com/inter/10212?page2=5&page=&page3

  • มะเร็งตับ ไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน แต่ลุกลามขยายผลได้จากไวรัสตับอักเสบชนิดบี ในรายที่เป็นพาหะในระยะเริ่มต้นของมะเร็งชนิดนี้ ผู้ป่วยจะไม่มีอาการจนกระทั่งก้อนมะเร็งเริ่มโตจนผู้ป่วยเริ่มอึดอัด ท้องบวม เบื่ออาหาร น้ำหนักลด สามารถตรวจพบได้ด้วยการอุลตร้าซาวด์ (Ultrasound) ซึ่งจะพบได้ต่อเมื่อก้อนมีขนาดตั้งแต่ 1 ซม.ขึ้นไป
  • คนที่เป็นมะเร็งตับในระยะเริ่มแรกมักจะไม่ค่อยมีอาการใด ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการต่อเมื่อโรคอยู่ในระยะลุกลาม จึงมีอาการหลักๆ ของโรคเกี่ยวกับตับ

    เช่น ปวดท้องบริเวณช่องท้องส่วนบน ท้องอืด เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ผอมลง ตัวเหลือง ตาเหลือง ปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม นอกจากนี้อาจจะคลำก้อนได้ที่ท้อง อึดอัดแน่นท้อง หายใจลำบาก ฯลฯ

          
    ปัจจุบันวิทยาการในการรักษามะเร็งตับก้าวหน้าไปไม่น้อย โดยมีหลายวิธีตามความเหมาะสมกับภาวะมะเร็งตับของแต่ละคนโดยแพทย์จะพิจารณาร่วมกันเป็นทีม เช่น การผ่าตัด การฉายรังสี การฉายรังสีระบบใหม่ (Gamma Knife, Cyber knife, etc.) การให้เคมีบำบัด (Chemotherapy) การให้เคมีบำบัดผ่านทางสายสวนหลอดเลือดแดงร่วมกับการอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงก้อนมะเร็ง (TOCE or Transarterial Oily Chemo Embolization) การฉีดแอลกอฮอล์เข้าก้อนมะเร็งโดยตรง และเทคนิคใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจของแพทย์ทั่วโลกคือ การทำลายก้อนมะเร็งด้วยความร้อน (Thermal Ablation) ซึ่งมีหลายเทคโนโลยี เช่น การใช้เลเซอร์ การใช้ไมโครเวฟ การใช้คลื่น RFA แต่เทคโนโลยีที่นิยมกันมากที่สุดในปัจจุบันคือ การใช้ RFA (Radiofrequency) นี่เอง
    http://www.yourhealthyguide.com/article/ac-liver-rfa-treatment.htm

     


  • สาธารณสุขอุดรฯ แนะกินปลาร้าสุกลดความเสี่ยงมะเร็งตับ

    มะเร็งตับต้นเหตุเสียชีวิต อันดับ 1 ของชาวอีสาน ขณะเดียวกันเป็นโรคคร่าชีวิตชายชาวอุดรฯ อันดับแรก อันดับ 3 ในเพศหญิง สสจ.แนะกินปลาร้าสุกช่วยลดการเกิดมะเร็งตับ
    www.rd1677.com/branch.php?id=44673

    น.พ.ชาตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีสาเหตุสำคัญอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับ

    คือการดื่มสุราเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่มีเชื้อรา ที่พบมากในอาหารประเภทถั่ว ข้าวโพด พริกแห้ง รวมถึงการเกิดไวรัสตับอักเสบชนิดบี และซี
    โรคมะเร็งของเซลล์ตับ มีสาเหตุสำคัญที่สุดคือการเป็นพาหนะของไวรัสตับอักเสบชนิด บี

     และโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ ที่พบมากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ มีสาเหตุมาจากพยาธิใบไม้ตับเป็นสาเหตุสำคัญร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีดินประสิวเช่น ปลาร้า ปลาจ่อม ปลาส้ม แหนม ไส้กรอก เบคอน เป็นต้น

    วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ปีที่ 17 ฉบับที่ 6285 ข่าวสดรายวัน

    แล้วนิ่วในถุงน้ำดี เป็นยังไง
    ตับ  เป็นอวัยวะขนาดใหญ่อยู่ใต้ชายโครงข้างขวาของเรา ตับมีหน้าที่สำคัญหลายอย่าง และที่สำคัญมากอย่างหนึ่งก็คือ การสร้างน้ำดี
    น้ำดีที่ถูกสร้างที่ตับ จะไหลมาตามท่อตับ และถูกเก็บไว้ที่
    ถุงน้ำดี เมื่อเรารับประทานอาหาร พออาหารมาถึงลำไส้เล็กส่วนต้น ก็จะกระตุ้นถุงน้ำดีบีบตัวเพื่อเอาน้ำดีมาย่อยอาหารประเภทไขมัน และน้ำดีนี่เองที่ทำให้อุจจาระของเราเป็นสีเหลือง หรือน้ำตาล


    นิ่วในถุงน้ำดี คืออะไร ?

        น้ำดีจะประกอบด้วยสารต่างๆ ที่สำคัญ คือ น้ำ,โครเรสเตอรอล,ไขมัน, เกลือน้ำดี และบิลิรูบิน (ซึ่งประกอบของเสียจากการแตกสลายของเม็ดเลือดแดง) เมื่อใดก็ตามที่ความสมดุลของส่วนประกอบของน้ำดีเสียไป เช้น โคเลสเตอรอลสูงขึ้น หรือบิลิรูบินสูงขึ้น ก็จะตกตะกอนเป็นนิ่ว ซึ่งทั้งหมด รวมเรียกว่า นิ่วในถึงน้ำดี 

     อาการของนิ่วในถุงน้ำดีเป็นอย่างไร ?

    1. เมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารประมาณ 1/2 ชั่วโมง อาหารก็จะเดินทางมาถึงลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งจะกระตุ้นให้ถุงน้ำดีบีบตัว เพื่อย่อยอาหารดังกล่าว   

    2. ถ้าก้อนนิ่วไปอุดตันทางออกของถุงน้ำดี น้ำดีจะออกจากถุงน้ำดีไม่ได้ เนื่องจากเกิดการอุดตัน กุงน้ำดีก็จะพยายามบีบตัวมากขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการปวดจุกเสียดแน่นท้อง จนกว่าถุงน้ำดีจะคลายการบีบรัด ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ผู้ป่วยจึงจะค่อยมีอาการดีขึ้น 

    ภาวะแทรกซ้อนของนิ่วในถุงน้ำดี มีอะรไรบ้าง ?

    1. ถุงน้ำดีอักเสบ
    - เมื่อน้ำดีออกจากถุงน้ำดีไม่ได้ ก็เกิดการคัดค้างอยู่ และจะเกิดการติดเชื้อโรคตามมา ผู้ป่วยจะมีอาการเป็นไข้หนาวสั่น และอาจมีอาการเจ้บที่ใต้ชายโครงข้างขวา 
    - ผู้ป่วยบางราย การติดเชื้อรุนแรงอาจเป็นหนองในถุงน้ำดีได้ บางรายอาจมรอาการช็อคร่วมด้วย
    ผู้ป่วยบางรายอาจมรการแตกทะลุของถุงน้ำดี ทำให้การอักเสบลุกลามไปในช่องท้องได้ 

    2. ท่อน้ำดีอุดตัน
      ผู้ป่วยบางรายก้อนนิ่วหลุกเข้ามาในท่อน้ำดี เกิดการอุดตันในท่อน้ำดี น้ำดีจะไหลลงสู่ลำไส้เล็กส่วนต้นไม่ได้ จึงไหลท้นเข้าสู่ตับ ที่เราเรียกว่า ภาวะดีซ่าน นอกจากนั้นเมื่อมีการอุดตันก็จะทำให้ท่อน้ำดีมีการอักเสบ และอาจมีหนองในท่อน้ำดีได้ผู้ป่วยดังกล่าวก็จะมีไขเสงหนาวสั่น ตัวเหลือง ตาเหลือง ปวดใต้ชายโครงข้างขวาร้าวไปด้านหลัง  บางคนมีอาการมากจนเกิดภาวะช็อค จากการติดเชื้อได้ในผุ้ป่วยบางรายนิ่วไปอุดตันทางเดินของน้ำย่อยตับอ่อน ทำให้ตับอ่อนอักเสบอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน 


    ภาพอาการท่อน้ำดีอุดตัน


    เราจะทราบได้อย่างไรว่าเป็นนิ่วในถุงน้ำดี ?

       ในปัจจุบันการตรวจด้วยเครื่อง อัลตราซาวดน์ ( ultrasound)  โดยแพทย์ที่มีความชำนาญสามารถให้การวินิจฉัยนิ่วในถุงน้ำดีได้เกือบ 100 % และถ้าผู้ป่วยไม่อ้วนมาก ก็อาจเห็นนิ่วในท่อน้ำดีได้อย่างชัดเจนเช่นกัน 

      
    แต่สำหรับผู้ที่มีรูปร่างค่อนข้างอ้วน และแพทย์สงสัยว่าอาจจะมีนิ่วในถุงน้ำดี อาจต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมอย่างอื่นอีก เช่น 
    1. การตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ซึ่งจะทำให้เราเห็นภาพของถุงน้ำดี และท่อน้ำดีตลอดจนตับ ตับอ่อน และอวัยวะอย่างอื่นในช่องท้องได้อย่างชัดเจนตามแนวตัดขวางของลำตัว

    2. การตรวจด้วยเครื่องแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)  เป็นการตรวจคลายคลึงกับ CT Scan แต่เป็นการใช้คลื่นแม่เหล็กเป็นตัวการในการตรวจ และเครื่องมือสามารถจะสร้างภาพของทางเดินน้ำดีให้เห็นเสมือนจริงได้ ทำให้แพทย์แปรผลแม่นยำขึ้น 

    การรักษาทำกันอย่างไร ?

    1. นิ่วในถุงน้ำดี  ในปัจจุบันเรามักใช้การผ่าตัดด้วยกล้อง โดยแพทย์จะเจาะรูเล็กๆ บริเวณใต้ สะดือ ใต้ลิ้นปี่ และใต้ชายโครงขวาเพื่อส่องกล้อง และเครื่องมือไปทำการผ่าตัดเอานิ่ว และถุงน้ำดีออก ซึ่งวิธีนี้จะทำให้ผู้ป่วยเจ็ยเล็กน้อย และโอกาสเกอดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดน้อยกว่า วิธีการผ่าตัดแบบดั้งเดิม 
        แต่บางรายเหมือนกันที่จำเป็นต้องใช้การผ่าตัดโดยการเปิดแผลใหญ่หน้าที่ เช่น ผู้ป่วยที่เคยผ่าตัดในช่องท้องมาแล้ว เพราะจะมีพังผืดในช่องท้องมาก จนไมสามารถสอดใส่กล้องเข้าไปได้ 
       การผ่าตัดทั้ง 2 วิธี ให้ผลในการรักษาเท่าเทียมกันแต่การผ่าตัดแบบเปิดแผลใหญ่ จะเจ็บมากกว่า และพังผืดเกิดในช่องท้องมากว่าเท่านั้นเอง 

    2. นิ่วในท่อน้ำดี  ในปัจจุบันแพทย์จะใช้กล้องผ่านเข้าทางปากสู่กระเพาะอาหาร และลำไส้เล็กส่วนต้น เพื่อเข้าไปขยายรูเปิดของท่อน้ำดี แล้วคีบเอานิ่วออก  การกระทำแบบนี้เป็นการทดแทนการรักษาแบบเดิม ที่ต้องผ่าตัดเข้าไปในท่อน้ำดี เพื่อเอานิ่วออก แล้วใส่ท่อระบายไว้ เพื่อระบายน้ำดีออกนอกร่างกาย 

    www.seriruk.co.th

     

    แพทย์เผยกินสุก ๆ ดิบ ๆ มะเร็งตับและท่อน้ำดีในชายมากสุด

     

    กรมการแพทย์เผยมะเร็งตับคร่าชีวิตชายไทยมากเป็นอันดับ 1 สาเหตุใหญ่เกิดจากการดื่มเหล้า กินอาหาร ขึ้นรา แนะเลี่ยงอาหารสุกๆ ดิบๆ เช่น ปลาน้ำจืดที่มีเกร็ด โดยเฉพาะตัวเล็กๆ พร้อมให้วัคซีนไวรัสตับอักเสบชนิดบี ในเด็กแรกเกิดป้องกันภัยร้ายมะเร็งตับและท่อน้ำดี

  • พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท