วันนี้จะมาเล่าสรุปผลการคัดกรอง 6 เดือนแรกต่อคะ
จากแบบคัดกรองเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดสมอง จำนวน 23,171 ชุดเรานำข้อมูลชุดแรกมาวิเคราะห์ ได้ข้อมูลสถานการณ์เสี่ยงของแต่ละตำบล และนำมาเป็นข้อมูลโดยรวมของอำเภอเมืองได้ดังนี้
· สถานการณ์ปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับโรคที่แก้ไขปรับเปลี่ยนได้ ของคนในชุมชนอ.เมือง พิษณุโลก เป็นดังนี้ สูบบุหรี่เป็นประจำ 8.8% ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (ดื่มเหล้า > 45 cc ต่อวัน/ ดื่มเบียร์ > 240 cc ต่อวัน / ดื่มไวน์ > 120 cc ต่อวัน) 11% ทานอาหารที่มีรสมัน 45.1% ทานอาหารที่มีรสเค็ม 35.2% ออกกำลังกายน้อยกว่าสัปดาห์ละ 3 ครั้ง 64.5%
1. ประชาชนส่วนใหญ่ มีบิดา มารดา พี่หรือน้อง คนใดคนหนึ่งเป็นโรคเบาหวาน 78%
2. มีภาวะอ้วนโดยมีดัชนีมวลกาย>25หรือ รอบเอวชาย>36นิ้ว 90 ซม /หญิง>32 นิ้ว 80 ซม 35.1%
3. เป็นโรคความดันโลหิตสูง และรับประทานยาโรคความดันโลหิตสูง 65.3%
4. มีภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (ไตรกีเซอไรด์)มากกว่า 250 มก/ดล.รือ เอชดีแอลโคลเลสเตอรอล(HDL Cholesteral)น้อยกว่า 35 มก/ดล 66.8%
5. มีประวัติเบาหวานขณะตั้งครรภ์หรือมีประวัติการคลอดบุตรน้ำหนักตัวแรกคลอด > 4 กิโลกรัม 0.9%
6. มีประวัติหรือเคยมีประวัติน้ำตาลในเลือดสูงจากการตรวจเลือดโดยการงดอาหาร (Fasting Plasma Glucose) เท่ากับ 100 – 125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หรือตรวจวัดน้ำตาลหลังอาหารมากกว่าหรือเท่ากับ140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร 9.4%
7. ชายอายุ มากกว่า 55 ปี,หญิงอายุมากกว่า 65 ปี (เป็นมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด) 67.9%
8. ประวัติการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดหรืออัมพฤกษ์ อัมพาตใน พ่อ แม่ พี่น้อง ก่อนเวลาอันควร ชาย เกิดก่อนอายุ55 ปี, หญิงเกิดก่อนอายุ 65 ปี 7.9%
9. เป็นโรคเบาหวาน 6.5%
จากเครื่องมือนี้จะสามารถคัดกรองแยกกลุ่มประชากรเสี่ยงเป้าหมายอายุ 35 ปีขึ้นไป ถือเป็นกลุ่มประชากรเสี่ยง และถ้าประชากรอายุ 35 ปีขึ้นไปและมีข้อบ่งชี้ 1 ข้อ (ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงปานกลาง ต้องส่งตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ในการบริการคัดกรองขั้นต่อไป แต่ถ้าไม่พบข้อบ่งชี้ใด ๆ (ตามแบบฟอร์มการคัดกรองภาวะเบาหวาน) ให้ถือว่ารายนั้นผ่านการคัดกรองแล้ว สามารถลงรายงานได้
· จากการคัดกรอง เราจัดขึ้นทะเบียน กลุ่มประชาชนเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มปกติ(กลุ่มที่ไม่มีความเสี่ยง) พบร้อยละ 4 กลุ่มเสี่ยง (มีความเสี่ยงมากกว่า 2 ข้อขึ้นไป) พบร้อยละ 87.6 กลุ่ม pre-diabetic (ตรวจพบระดับน้ำตาล100-125 mg%) พบร้อยละ 4.6 และกลุ่มเป็นโรครายใหม่ พบร้อยละ 0.9 กลุ่มเป็นโรครายเก่า (ได้รับการวินิจฉัยและรับการรักษามาแล้ว)พบร้อยละ 2.9
ผลการคัดกรองความดันโลหิต แบ่งประชาชนออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มที่ 1 กลุ่มปกติ ถือว่ายังไม่เป็นโรคและโอกาสเสี่ยงน้อย คือ กลุ่มที่มีระดับควานดันโลหิตซีสโตลิกน้อยกว่า 120 มิลลิเมตรปรอทและความดันโลหิตไดแอสโตลิค น้อยกว่า 80 มิลลิเมตรปรอท พบจำนวนร้อยละ 69.1%
กลุ่มนี้เราให้คำแนะนำ ให้ระมัดระวังน้ำหนักเกิน และการขาดการเคลื่อนไหวที่เพียงพอเพื่อป้องกันโรค โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเขตเมือง ชุมชนแออัด และวิถีชีวิตนั่งๆนอนๆ
กลุ่มที่ 2 กลุ่ม Prehypertension ความหมาย เป็นระดับความดันโลหิตที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคความดันโลหิตสูง และเริ่มมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจ และอัมพาต โดยเฉพาะเมื่อมีปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย สงสัยว่าเป็นความดันโลหิตสูง คือ กลุ่มที่มีระดับความดันโลหิตซีสโตลิค 120 - 139 มิลลิเมตรปรอทหรือ ความดันโลหิตไดแอสโตลิค 80 - 89 มิลลิเมตรปรอท พบร้อยละ 23.4%
กลุ่มนี้เราขึ้นทะเบียนและให้คำแนะนำ การปฏิบัติตัวลดเค็ม เพิ่มกินผัก
ออกกำลังกาย ลดน้ำหนักในกรณีที่น้ำหนักเกิน หยุดสูบบุหรี่ ควบคุมการบริโภคแอลกอฮอล์ และประชาสัมพันธ์ การเข้าร่วมกิจกรรมค่าย Prehypertension คัดคนกลุ่มนี้มา 10% ของกลุ่มเป้าหมายทั้งหมด จำนวน 534 คน
กลุ่มที่ 3 กลุ่ม Stage 1 Hypertension ความหมาย สงสัยว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูง คือกลุ่มที่มีระดับความดันโลหิตซีสโตลิค140 – 159 มิลลิเมตรปรอทหรือความดันโลหิตไดแอสโตลิค 90 - 99 มิลลิเมตรปรอท กลุ่มนี้ ให้ส่งต่อไปรับการวินิจฉัยโดยแพทย์ พบร้อยละ 4%
กลุ่มที่ 4 กลุ่ม Stage 2 Hypertension ความหมาย ถือว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงที่อันตราย คือกลุ่มที่มีระดับความดันโลหิตซีสโตลิคมากกว่าหรือเท่ากับ 160 มิลลิเมตรปรอท หรือความดันโลหิตไดแอสโตลิคมากกว่าหรือเท่ากับ 100 มิลลิเมตรปรอท ให้ตรวจวัดซ้ำอีกครั้ง ถ้าระดับความดันโลหิตสูงอยู่ให้ส่งต่อทันที เพื่อการวินิจฉัยและรักษา พบร้อยละ 3.9%
หลังจากนั้นนำกลุ่มป่วยได้แก่ กลุ่ม Prehypertension, pre-diabetic และกลุ่มเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง...มาวิเคราะห์ข้อมูลแบ่ง
ระดับความเสี่ยง ได้ข้อมูลความเสี่ยง ดังนี้
การแปลความหมายความผิดปกติ เพื่อแบ่งระดับความเสี่ยงของกลุ่มป่วย
1. มีญาติสายตรง(พ่อ แม่ พี่หรือน้อง) ที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือด หรือ อัมพาต
2. เป็นโรคเบาหวาน
3. เป็นโรคหลอดเลือดสมอง
4. เป็นโรคความดันโลหิตสูง
5. เป็นโรคหัวใจ
6. สูบบุหรี่
7. ไตรกลีเซอไรด์ > 250มก./ดล. HDL-Cholesterol < 35 มก./ดล
8. ภาวะอ้วนมีโดยมีดรรชนีมวลกาย> 25หรือขนาดรอบเอว ชาย >36 นิ้ว หญิง> 32 นิ้ว
การแปลผล
ปกติ ร้อยละ 15%
เสี่ยงสูง ความหมาย มีความผิดปกติ 2 ข้อ หรือ DM> 10 ปี หรือ มีประวัติญาติสายตรงเป็นอัมพาตหรือหัวใจขาดเลือดก่อนวัย หรือ DMที่คุมไม่ได้ติดต่อกัน พบร้อยละ 42.5
เสี่ยงสูงปานกลาง ความหมาย มีความผิดปกติ 3-5 ข้อ หรือ BP > 170/100 2 ครั้งติดต่อกัน หรือ cho ≥ 309 mg พบร้อยละ 28
เสี่ยงสูงมาก ความหมาย มีความผิดปกติ เกิน 5 ข้อ หรือ เป็น DM ที่มีปัญหาไต หรือ ไขมันผิดปกติจากกรรมพันธุ์ พบร้อยละ 15.5
จากการแบ่งกลุ่มคนไข้ในความดูแลของเรามีความสำคัญ เพราะทำให้เราแบ่งระดับการดูแลผู้ป่วยได้ ดังเช่น กลุ่มป่วยที่ควบคุมโรคได้ดี ซึ่งมีอยู่มากถึง 42.5% น่าจะจัดระบบการดูแลที่PCU ได้
กลุ่มเสี่ยงสูงปานกลาง อยู่ในระบบการดูแลของคลินิกเบาหวาน เพื่อให้สามารถลดระดับการความเสี่ยงลงมาได้ พบร้อยละ 28
กลุ่มเสี่ยงมาก ต้องให้การดูแลเข้มข้น เพื่อไม่ไห้พัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อนที่ล้วนเป็ฯโรคค่าใช้จ่ายสูงทั้งสิ้น กลุ่มนี้พบร้อยละ 15.5
ผู้เล่า รัชดา พิพัฒน์ศาสตร์
ทำงานอย่างมืออาชีพมีระดับ ต้องแบบนี้อ้อ มีข้อมูลเป็นตัวชี้ทิศทางไม่ให้หลง ไม่ใช่คิดเอาเองหรือรู้สึกว่าจะเป็นเช่นนั้น ขั้นต่อไปคือจัดการป้องกันดูแลรักษาให้เหมาะสม นั่นจึงเป็นผลลัพธ์ขั้นสุดท้ายที่พึงประสงค์
ทำได้ไงครับ....สุดยอดดดดดดด...จริง ๆ
อยากเรียนรู้ดัวยมั่ก....มาก
อยากทำแบบนี้....เป็นพี่เลี้ยงให้ได้มั้ยครับ