ไม่มี ใครให้ความ รู้กับท่านได้ ความรู้เป็นสิ่งสดใหม่ อย่ามองจากภายนอก จงหาจากภายในท่านเอง
ทุกๆวันจันทร์ที่ทำงานของแม่ต้อยจะมีวัฒนธรรมอย่างหนึ่งคือ เราจะหยุดการออกไปทำงานนอกที่ทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการประชุม หรือการเข้าเยี่ยมโรงพยาบาล ทั้งนี้เพื่อให้ทีมงานได้มีโอกาสมาพบกันและทบทวนการทำงานในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยว่ามีเรื่องราวอะไรที่น่าจะต้องมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น หรือการแก้ไขปัญหาร่วมกัน
ในโอกาสอย่างนี้ ในช่วงวันจันทร์ จึงเป็นอีกวันหนึ่งที่ตัวแม่ต้อยเองก็มีคิวทั้งวันในการร่วมพุดคุยกับน้องๆทุกระดับ และบ่อยครั้งทีเดียวที่ได้รับทราบการทำงานในพื้นที่จากน้องๆนี่แหละ บางเรื่องน่าสนใจมากๆ
ครั้งที่ผ่านมา แม่ต้อยได้มีโอกาสคุยกับน้องคนหนึ่ง เธอเป็นคนน่ารักมาก รื่นเริงและที่สำคัญคือมีความสามารถในหลายๆด้าน และเปิดโอกาสให้ตัวเองเสมอในการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ แม่ต้อยจำได้ว่าหลายปีก่อน เมื่อเธอสมัครเข้ามาทำงานที่สถาบันฯในวันแรก ได้ลองขอให้เธอทำหน้าที่ในการแนะนำความรู้เรื่องคุณภาพโรงพยาบาลให้ฟังแบบไม่ต้องเตรียมตัวล่วงหน้า( โหดนิดหน่อย ฮ่าๆๆ) เนื่องจากหน้าตาที่จิ้มลิ้มของเธอนั่นเอง ปรากฏว่าเธอสามารถทำได้อย่างดีเยี่ยม มีความมั่นใจสูงมาก
มาวันนี้เธอได้กลายเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความสามารถ และยังคงความน่ารักไว้เช่นเดิม จากการคุยกัน แม่ต้อยได้ตระหนักว่า นอกจากความน่ารักแล้ว เธอพัฒนาการด้านการพุด และด้านความรู้ ขึ้นอย่างมากมาย จนทำให้เธอสามารถเข้าไปช่วยให้โรงพยาบาล เข้าใจคำว่า “ คุณภาพในงานประจำได้ “ อย่างที่ไม่ต้องใช้คำอธิบายใดๆเพิ่มเติม
“ นก.. ดีใจมากคะ ที่สามารถเปลี่ยนความคิดของทีมในโรงพยาบาลที่คิดว่าการทำมาตรฐานนั้น...มันยาก..มันเหนือฟ้า..”
เธอชอบเรียกตัวเองว่า” นก” กับทุกๆคนเสมอ
“ แล้ว นกทำอย่างไร...ละ? แม่ต้อยถามต่อไปเรื่อยๆ ในใจก็นึกถึงโรงพยาบาลแห่งนี้ที่ เหนื่อยล้ากับการพัฒนาคุณภาพด้วยสาเหตุใดไม่ปรากฏ และเริ่มมาทำใหม่อีกครั้งหนึ่งในเร็วๆนี้
“ ก่อนอื่น...นกจะคิดเตือนตัวเองตลอดเวลาว่า ไม่มีโรงพยาบาลใดที่ไม่อยากทำความดี หรือไม่อยากมีคุณภาพ.. ดังนั้นเมื่อนก อ่านเอกสารของโรงพยาบาล จะพยายามหาระบบที่ดี หาความตั้งใจ และดูว่าสิ่งนั้นมีความสำคัญต่อเขาอย่างไร....ซึ่งส่วนใหญ่นกจะเห็นว่าทุกรพ.มีระบบดีดี มีระบบการป้องกันความเสี่ยงสูง
“ แต่อย่างไรก็ตาม .. ก็จะต้องเข้าไปดูในการทำงานจริงว่า มีการทำงานกันอย่างไร.. ตามระบบที่วางเอาไว้ ”
เช่นระบบยา.. เมื่อเข้าไปเยี่ยมในแผนกคนไข้ใน พร้อมๆกับทีม ที่มีแพทย์ พยาบาล และเภสัชกร ...นกก็จะบอกว่าวันนี้ เราลองมาทบทวนระบบที่วางไว้ด้วยกันนะคะ ขอให้คิดว่า อันนี้เป็นการเรียนรู้เท่านั้น .. นกจะขอให้ตกลงกันก่อน...
“ เมื่อเราตกลงกันได้อย่างนั้น ทุกคนก็จะสบายใจ รวมทั้งตัวนกเองด้วย..”
นกก็จะขออนุญาตทดสอบระบบ หรือ” พิสูจน์ระบบ” ที่ทีมได้วางไว้แบบง่ายๆมาก จากงานประจำนั่นเองคะ...
เช่น ก็ขอให้คุณพยาบาลหยิบเอาเวชระเบียนของคนไข้มารายหนึ่ง และเราก็มาทบทวนกันไปพร้อมๆกัน นกจะชวนเขาดูการสั่งยาให้คนไข้ตั้งแต่แรกรับเลย
การดูการสั่งยาตั้งแต่แรกรับก็เพื่อจะดูว่าทีมได้มีการซักประวัติการใช้ยาเดิมของคนไข้หรือไม่ ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ หรือเปล่า เพื่อที่จะดูว่า ยาที่คนไข้ใช้อยู่เดิม( หากเราไม่ซักประวัติ อาจจะไม่ทราบ) กับยาที่สั่งใหม่ มีผลกระทบต่อกันหรือไม่? หลายๆครั้งพบว่าคนไข้มีความเสี่ยงจากผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์จากยาเก่าและยาใหม่
หลังจากนั้น นกจะชวนมาดูที่ การสั่งยาในวันเดียว.. นกก็จะเรียนถามคุณหมอว่าอะไรคือความคาดหมายของการให้ยาในวันเดียวนี้คะ ?
คุณหมอทุกๆคนก็ตอบว่า “ ต้องการให้ยาอย่างรวดเร็ว และถุกต้อง”
ทีนี้ก็ลองไปดูที่การให้ยาของทีมซึ่งอาจจะเป็นที่แผนกคนไข้ฉุกเฉิน หรือบางครั้งก็จะส่งมาที่แผนกผู้ป่วยในก็ได้ว่า ยาที่ต้องการให้อย่างรวดเร็วนี้ ทีมงานได้ให้ไปในเวลาใด
และใครเป็นคนให้ ที่แผนกฉุกเฉิน หรือแผนกคนไข้ใน ซึ่งประเด็นนี้ การส่งข้อมูล หรือการสื่อสาร เป็นเรื่องสำคัญมาก อาจจะมีหลายแห่งที่คนไข้อาจจะไม่ได้รับยา หรือบางครั้งได้รับยาที่ซ้าซ้อน
การเรียนรู้จากงานง่ายๆที่ทำทุกวันนี้ ทำให้คุณหมอทราบว่า บางครั้ง ยาที่สั่งว่าต้องรวดเร็วนั้นมันสำคัญอย่างไร และหากไม่เร็วจริงตามความคาดหมาย จะเป็นอย่างไร
ส่วนทีมพยาบาลก็จะทราบความสำคัญของการสื่อสาร ระหว่างกัน รวมทั้งการตรวจสอบระบบแบบง่ายๆจาก คำสั่งการให้ยา และรายงานบริหารยา ทำให้ความถูกต้อง และรวดเร็ว
นกจะบอกเสมอว่าทำคุณภาพน้อย หรือมากไม่ใช่ปัญหา..( ทำครอบคลุมทั่วทั้งโรงพยาบาล หรือเริ่มทำบางส่วน) แต่หลักคือความเข้าใจ และผลลัพธ์คือคนไข้มีความปลอดภัย..
เช่น ครั้งหนึ่ง เมื่อเราไปเรียนรู้ร่วมกับทีมในการดุแลคนไข้คนหนึ่ง พบว่าหมอสั่งยาปฏิชีวนะ แบบฉีด เช้า กลางวัน เย็น เป็นคำสั่งแบบต่อเนื่อง รับผู้ป่วยเวลาบ่ายสองโมง
อีกเช่นเคย...นกเรียนถามคุณหมอว่า รายนี้คุณอะไรหมอคาดหวังคะ?
คุณหมอทำหน้างงๆ.. ตอบว่า “ อย่างน้อยผมว่า.. คนไข้น่าจะได้ยานี้ในตอนเย็นสักครั้ง
และตอนเช้าอีกสักครั้ง ก่อนผมจะมาตรวจอีกวัน
แต่ผลลัพธ์ที่หน้างาน พบว่าด้วยระบบเองที่วางไว้ทำให้กระบวนการได้ยานั้นล่าช้าออกไปมาก คนไข้ยังไม่ได้รับยาจนถึงวันรุ่งขึ้น เมื่อคุณหมอมา ตรวจก็เข้าใจว่าคนไข้คนนี้ได้รับยาแล้วแต่อาการไม่ดีขึ้น จึงวางแผนในการรักษาใหม่
ในวันนั้น เราจึงได้มาพบความจริงพร้อมๆกันว่า.. ยาที่หมอสั่งหยุดให้คนไข้นั้น..ในความเป็นจริง ยังไม่ได้ให้คนไข้เลยแม้แต่ครั้งเดียว..
บางครั้ง เรื่องที่ดูเหมือนจะเล็กๆ เพราะวางระบบไว้ดีแล้วนั้น อาจจะยังไม่ใช่เป้าหมายที่เราต้องการก็ได้
การเข้าไปคุยแบบง่ายๆของนกนี้จึงทำให้คุณหมอทราบว่าเป้าหมายในการรักษาคนไข้ นั้นเป็นอย่างไร เป็นไปตามนั้นหรือไม่ รวมทั้งการซักประวัติการใช้ยา
ทีมเภสัชกรก็เรียนรู้ว่า การจัดยาที่รวดเร็ว ถูกต้องทันเวลา และเพียงพอต้องทำอย่างไร
ทีมพยาบาล เรียนรู้ การบริหารยา การจัดยาให้เป็นไปตามแผนการรักษา การสื่อสาร
ทีมพนักงานผู้ช่วย ได้เรียนรู้ว่า ยาไหนที่เป็นความเร่งด่วนในการไปรับยา
ทั้งหมดเมื่อเอามารวมกันจึงทำให้เห็นว่า การมองเห็นเป้าหมาย( purpose ) ในการทำงานร่วมกันนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เป้าหมายของระบบคือผลลัพธ์ที่มีต่อคนไข้และผลการรักษา
วันนั้น...นกดีใจมากคะ..ที่ทีมของโรงพยาบาลรวมทั้งผู้บริหารมาบอกกับนกว่า
“ ตอนนี้ พวกเรารู้แล้วว่า การทำคุณภาพในงานประจำเป็นอย่างไร..”
นกได้บอกทีมงานโรงพยาบาลว่า ระบบของโรงพยาบาลนี้อาจจะดีมากแล้ว สิ่งที่เราพบนี้อาจจะเป็นความผิดพลาดที่บังเอิญเราหยิบมาเรียนรู้เท่านั้นเอง
แต่กลายเป็นทีมงานของโรงพยาบาลเองที่มารวมตัวว่าเราจะมีการทบทวนระบบใหม่ให้ดียิ่งขี้น
พยาบาลคนหนึ่งแอบมาร้องไห้กับนก.. บอกว่ารู้สึกเสียใจ.. มันเหมือนเส้นผมเล็กๆที่บังไว้..คุณภาพไม่ใช่อื่นไกลเลย..มันอยู่กับเราที่นี่ทุกวัน...
นก เป็นคนช่างพูด และด้วยความอ่อนน้อมของเธอเองด้วยจึงทำให้การชวนพุดคุยกับทีมงานแบบสบายๆ ทำให้เกิดการเรียนรู้จากเนื้องาน ที่ทุกคนต้องยอมรับและเต็มใจที่จะช่วยกันปรับปรุงงานให้ดีขึ้น อย่างเข้าใจ อย่างเต็มใจ และอย่างที่ได้เห็นประโยชน์
นก เภสัชกรหญิง ผุสดี บัวทอง
แม่ต้อยอ่านหนังสือเล่มหนึ่งและชอบมากตรงที่ว่า “ ไม่มี ใครให้ความ รู้กับท่านได้ ความรู้เป็นสิ่งสดใหม่ อย่ามองจากภายนอก จงหาจากภายในท่านเอง”
ก็คงจะคล้ายๆความรู้ของทีมงานนี้ ความรู้การพัฒนาคุณภาพของที่นี่ ก็ต้องเรียนรู้จากเนื้องาน กระบวนการทำงานของเขาเอง”
คนเข้าไปเยี่ยมโรงพยาบาล เช่น น้องนก ก็คือเพื่อนแท้ คนหนึ่งที่เข้าไปชวนพูดคุยให้เห็นมุมมองที่กว้างขึ้นเท่านั้นเอง
และสำหรับแม่ต้อยก็คิดว่า เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก จากเด็กสาวๆคนหนึ่ง นกได้พัฒนาตัวเองเป็นผู้หญิงเก่งที่เต็มไปด้วยความสามารถ และเป็นที่ยอมรับของผู้ร่วมงานทุกคนได้เป็นอย่างดี
นกได้ทิ้งท้ายกับแม่ต้อยอีกว่า
“ แม่ต้อย.. นกมีเรื่องเล่าอีกมากมายนะคะ..”
ซึ่งแม่ต้อยก็เชื่อคะ.. ว่าเธอมีมากมายจริงๆ
สวัสดีคะ