การพัฒนารัฐประชาชาติ ประเทศอังกฤษ
หลังจากอำนาจจักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่เสื่อมลง อังกฤษภายใต้การปกครองของอานารยชนคือ พวกแองกอล พวกแซกซอนและพวกจูตส์
อังกฤษภายใต้การปกครองของพวกแองโกล - แซกซอน
พระเจ้าอัลเฟรดมหาราช ทรงปรับปรุงการปกครองบ้านเมืองให้เจริญ จัดระเบียบและสร้างกองทัพให้มีความเข้มแข็ง
การปกครองส่วนท้องถิ่น ใช้การปรกครองแบบกระจายอำนาจ มณฑล เมือง หมู่บ้าน และจังหวัด
กฎหมายและการศาล มีการจัดทำประมวลกฎหมายศาสนา มีการเรียกเก็บภาษีที่ดินทั่วราชอาณาจักร มีการใช้กฎหมายที่ดิน
ด้านสังคมเศรษฐกิจ มีการแบ่งชนชั้นทางสังคม กษัตริย์เป็นชนชั้นสูงสุด รองลงมาเป็นพระและขุนนาง ชนชั้นต่ำสุดได้แก่ลูกจ้าง ช่างฝีมือ ทาสติดที่อิน และเชลยศึก ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม มีการทำนาแบบเปิดโล่ง และการทำนาแบบ 3 แปลง
อังกฤษภายใต้การปกครองของพวกนอร์มัน
พระเจ้าวิลเลี่ยมที่ 1 ได้นำระบบฟิวดัลมาใช้ คือระบบการเมืองการปกครอง เศรษฐกิจและสังคมที่มีข้อผูกพันระหว่าง Lord กับ Vassal โดยมีที่ Flef เป็นพันธะ
การปกครองส่วนท้องถิ่น แบบกระจายอำนาจ แต่มีการแต่งตั่ง Sheriff ไปควบคุมขุนนางท้องถิ่นอีกทอดหนึ่ง
กฎหมายและการศาล พระราชบัญญัติมีความสำคัญสูงสุด พระราชกำหนดมีผลบังคับได้แต่ล้มเลิกพระราชบัญญัติไม่ได้ ศาลมี 4 ประเภท ศาลท้องถิ่น ศาลฟิวดัล ศาลหลวง และศาลศาสนา
ด้านสังคมและเศรษฐกิจ มีการสำรวจสำมะโนครัว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเก็บภาษี มีการแบ่งที่ดิน ให้กับทุกชนชั้น
อังกฤษภายใต้การปกครองของราชวงศ์เพลนทาจิเน็ท
พระเจ้าเฮนรีที่ 2 ครอบครองที่ดินอย่างกว้างขวาง รวมถึงบางส่วนในฝรั่งเศส เรียกว่าจักรวรรดิเพลนทาจิเน็ท พระองค์มีฐานเป็น Vassal ของกษัตริย์ฝรั่งเศส
พระเจ้าริชาร์ดที่ 1 ทรงนำทัพสงครามครูเสดครั้งที่ 3 อำนาจการบริหารประเทศส่วนใหญ่เป็นของเจ้าชายจอห์น พระอนุชา ทำให้ประชาชนและขุนนางไม่พอใจ ต่อต้านรัฐบาลของเจ้าชายจอห์น
พระเจ้าจอห์น อังกฤษต้องเสียจักรวรรดิเพลนทาจิเน็ทในสมัยนี้ พระองศ์มีเรื่องวิวาทกับสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 3 พระสันตะปาปาจึงประกาศให้อังกฤษเป็นดินแดนนอกศาสนา ขับไล่พระองค์ออกจากศาสนาและถูกถอดจากการเป็นกษัตริย์ แต่พระองค์ก็เสด็จไปขอโทษสันตะปาปา เหตุการณ์จึงคลี่คลาย ต่อมาได้ประกาศสงครามกับฝรั่งเศสเพื่อต้องการได้ดินแดนที่เสียไปคืนมา จึงต้องการเงินจำนวนมากโดยเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เป็นเหตุให้พวกขุนนางร่วมมือจับพระองค์และบังคับให้เซ็นต์สัญญา กฎบัตรแมคนา คาตา ใน ค.ศ. 1215 ซึ่งเป็นรากฐานของประชาธิปไตยในอังกฤษ
พระเจ้าเฮนรี่ที่ 3 มีเรื่องพัวพันกับสงครามต่างประเทศและมีปัญหากับศาสนา จึงต้องพึ่งขุนนางเพื่อขอเก็บภาษี ทำให้ขุนนางท้องถิ่นมีอำนาจต่อรองบางอย่างทางการเมือง
พระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 มีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นคือ
สงครามร้อยปี เป็นสงครามระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส เนื่องมาจากพระเจ้าเอ็ดวาร์ดที่ 3 เรียกร้องสิทธิในราชบัลลังก์ฝรั่งเศส โดยอ้างสิทธิทางพระราชมารดา และไม่พอใจที่ฝรั่งเศสช่วยเหลือสก๊อตแลนด์รบกับอังกฤษ
สงครามในครั้งนี้ได้สร้างวีรสตรี โจน ออฟ อาร์ก ซึ่งอาสานำทัพฝรั่งเศสขับไล่อังกฤษออกจากฝรั่งเศส และชนะหลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ถูกอังกฤษจับเผาทั้งเป็นในข้อหานอกรีต (แม่มด) เหตุการณ์ครั้งนี้ก่อให้เกิดลัทธิชาตินิยมในฝรั่งเศส ทำให้ฝรั่งเศสชนะสงคราม
ผลของสงครามร้อยปีคือ
- เป็นการสิ้นสุดของระบบฟิวดัล กษัตริย์มีอำนาจมากขึ้น
- เกิดความรู้สึกรักชาติ สงผลให้ทั้งอังกฤษรวมชาติได้
- อังกฤษเลิกใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาราชการ
สงครามดอกกุหลาบ เป็นสงครามกลางเมืองเกิดจากการแย้งชิงพระราชบัลลังก์ระหว่างตระกูลยอร์ช ใช้กุหลาบสีขาวเป็นสัญลักษณ์ กับตระกูลแลงคาสเตอร์ ใช้กุหลาบสีแดงเป็นสัญลักษณ์ สงครามยุติเมื่อ เฮนรี่ ทิวดอร์ ผู้นำแห่งแลงคาสเตอร์ได้ครองราชสมบัติ และได้สถาปนาราชวงศ์ทิวดอร์ขึ้นปกครองอังกฤษ ทรงพระนามว่า พระเจ้าเฮนรี่ที่ 7
สงครามดอกกุหลาบทำให้อังกฤษดึงอำนาจสู่ศูนย์รวมได้ เป็นผู้ปกครองที่มีความสามารถ และมีอำนาจในการบริหารท้องถิ่นทั้งหมดโดยได้รับการสนับสนุนจากชาวประชาชน นับว่าเป็นการสถาปนาระบบราชาธิปไตยยุคใหม่ให้อังกฤษเข้มแข็งขึ้น
วาทิน ศานติ์ สันติ : เรียบเรียง
ภาคสรุป ฉบับนักเรียน
วีรสตรี โจน ออฟ อาร์ก
เคยไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์ และชมประวัติของท่านที่ฝรั่งเศสค่ะ ชื่นชมท่านมาก