วันพุธที่ 29 เมษายน 2552 วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ได้กลับมาฝึกงานที่หอผู้ป่วย เช้านี้ เวลา 09.00-09.15 น. ดิฉันและเพื่อนอีก 1 คน ได้สอนสุขศึกษาเรื่องกำลังใจเอาชนะความเศร้า ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้รับฟังมีความสนใจ และร่วมมือในการตอบคำถาม และร่วมแสดงความคิดเห็นกันเป็นอย่างดี ทำให้ดิฉัน มีความปลื้มใจ ดีใจมากค่ะ ที่ทุกคนให้ความสนใจรับฟัง มีความรู้ ความเข้าใจ เป็นการฝึกให้ดิฉันได้กล้าแสดงออก ได้เผยแพร่ความรู้สู่ทุกคน และดิฉันกได้รับความรู้มากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งวันนี้ดิฉันจะมาแนะนำ วิธีป้องกันไมเกรนหน้าร้อน ให้ทุกคนได้รับความรู้ ความเข้าใจกันค่ะ
อากาศที่ร้อนจัด ๆ อาจทำให้รู้สึกปวดศีรษะบ่อย ๆ และอาจจะเป็นไมเกรนได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีป้องกันไมเกรนในหน้าร้อนมาฝากกัน...ไมเกรนเป็นอาการของการปวดศีรษะอย่างรุนแรง มักปวดบริเวณขมับข้างใดข้างหนึ่ง และมักจะมีอาการเตือนล่วงหน้า เช่น เหนื่อย อ่อนเพลีย หาวบ่อย ตาพร่ามัว แสบตา เห็นภาพซ้อนหรือเห็นแสงจ้าเป็นจุด อาจเป็นอยู่ประมาณ 10-30 นาที ก่อนปวดศีรษะหรือมีอาการวิงเวียน คลื่นไส้และอาเจียน
วิธีป้องกันตนเองจากไมเกรน มีดังนี้
- หลีกเลี่ยงสถานที่ที่ร้อนและแออัด โดยเฉพาะงานนิทรรศการต่าง ๆ ที่ผู้คนหนาแน่น อากาศหายใจไม่เพียงพอ ทำให้วิงเวียนศีรษะได้ง่าย หรือหลังจากการเผชิญกับอากาศร้อนภายนอก และเดินเข้าภายในอาคารที่อากาศเย็นทันที อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวแปลบขึ้นมา ในกรณีที่ต้องขับรถในช่วงแดดส่องจัด ควรสวมแว่นตากันแดด ป้องกันแสงสะท้อนเข้าตา และหากรู้สึกว่าไมเกรนกำลังคุกคาม รีบหาที่นั่งพักหลับตาสักครู่ ใช้ผ้าเย็นประคบหน้าผากหรือต้นคอ จะบรรเทาอาการได้
- รับประทานอาหารครบทุกมื้อ โดยเฉพาะอาหารมื้อเช้าซึ่งร่างกายต้องการมากที่สุด หลังจากท้องว่างเป็นระยะเวลากว่า 7-8 ชั่วโมง หากปล่อยให้ท้องว่าง น้ำตาลในเลือดจะลดต่ำลง อาจทำให้อาการไมเกรนกำเริบได้
- นอนพักผ่อนให้เพียงพอหรือประยุกต์ท่าโยคะที่เรียกว่า ท่าศพ เพื่อการผ่อนคลายกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ เริ่มจากการปิดไฟในห้องให้มืดและเงียบสนิท นอนหงายบนฟูกหรือพื้นราบ หงายมือวางข้างลำตัว หายใจเข้าและออกลึก ๆ อย่างสม่ำเสมอ หากทำได้ 10 นาที ร่างกายจะรู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้น
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ช่วยให้อาการปวดไมเกรนดีขึ้น เพราะร่างกายจะหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน ช่วยบรรเทาความเครียดและปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ แต่ถ้าหากมีอาการไมเกรนอยู่ก่อนก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงมากขึ้น
รู้อย่างนี้แล้ว ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้ จะได้ห่างไกลจากไมเกรน.
โละ 5 พฤติกรรมบั่นทอนสุขภาพ
วันนี้มาดูกันนะค๊ะว่า พฤติกรรมอย่างไรที่ทำแล้วบั่นทอนต่อสุขภาพของเรามาดูกันเลยค่ะ
1. ไม่สนอาหารมื้อเช้า
”เช้าๆ กาแฟสักแก้ว แค่นี้ก็อยู่ท้อง” หากมื้อเช้าของคุณเป็นรูปแบบประมาณนี้ เปลี่ยนโดยด่วนค่ะ พึ่งอาหารสำเร็จรูปนานๆครั้งก็พอไหว แต่ถ้าทุกเช้าสารอาหารและพลังงานที่จำเป็นล่ะ หรือถ้าคิดรวบยอดกับมื้อเที่ยงก็โปรดอย่าลืมว่า อาหารเช้าเป็นมื้อที่ให้พลังงานเพื่อให้เราสู้งานไม่ถอย ไอเดียกระฉูด ถ้าตื่นเช้าอีกหน่อยหาเมนูง่ายๆจากร้านแถวออฟฟิศทาน อย่างนี้เวิร์คสุด ที่สำคัญมื้อเช้าไม่จำเป็นต้องเป็นข้าวเสมอไปหรอกค่ะ
2. เครียด...เป็นนิจ
แหม! คุณขา ชีวิตนี้ไม่มีใครเพอร์เฟกต์ไปซะทุกย่าง ขืนมัวคาดหวัง คิดเล็ก คิดน้อยไปซะทุกเรื่อง มันพานทำให้จิตใจท้อแท้ หดหู่ หมดแรงสู้ปัญหาที่คุณต้องเผชิญทั้งงานในบ้านและที่ทำงาน เครียดจนลืมกิน หรือยิ่งเครียดยิ่งกิน โรคอื่นๆก็เข้ามาก่อกวนสุขภาพคุณอีก ลองจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลัง สื่อสารกับคนใกล้ตัวให้รับฟัง ช่วยกันคลี่คลายปัญหาอย่างน้อยๆ ก็ปลดล็อกชีวิตคุณให้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น
3. ชอบนอนหงาย
จริงอยู่ว่าการนอนคือการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่บางทีก็ทำลายสุขภาพของคุณได้เหมือนกัน โดยเฉพาะคนที่ชอบนอนหงายเป็นประจำหรือชอบนอนคว่ำยิ่งไปกันใหญ่ ทำให้กระดูกสันหลังแอ่น นี่แหละคือสาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกปวดหลังทุกครั้งที่ลุกจากเตียง ทางที่ดีเวลานอนให้ใช้หมอนข้างหนุนใต้โคนขา ช่วยรักษาทรวดทรงกระดูก ถ้าเปลี่ยนเป็นนอนตะแคงได้ก็จะดีที่สุดแต่ขาล่างควรเหยียดตรง ส่วนขาบนและสะโพกให้ก่ายหมอนข้างไว้
4. ติดฟัง MP3 – iPod
การฟังเพลงในโลกส่วนตัวด้วย MP3 หรือ iPod ติดต่อกันนานๆ เป็นกิจวัตรที่ไม่ดีต่อสุขภาพการฟัง ระดับเสียงของเครื่องเล่นเหล่านี้จะดังกว่าระดับเสียงมาตรฐานที่พอเหมาะกับหู แถมยังตั้งระดับความดังไว้เกินกว่ามาตรฐานอีก อย่างนี้โรคหูตึงอาจมาเยือนง่ายๆแบบไม่ต้องรอแก่เลยแหละ
5. สวยด้วยส้นสูง
รองเท้าส้นสูงเป็นคู่ใจสำหรับสาวทำงานไปเสียแล้ว จนลืมใส่ใจเท้าในฐานะอวัยวะที่ถูกใช้งานหนักตลอดวัน ใส่รองเท้าส้นสูงเป็นนิจพึงระวังโรคข้ออักเสบมาเยือนยามแก่ตัว ปรับลดความสูงของส้นลงมาบ้างสลับเปลี่ยนส้นสูงบ้างเตี้ยบ้างก็ดีค่ะ
http://my.dek-d.com/Writer/story/viewlongc.php?id=434928&chapter=326
หวังว่าทุกคนคงจะได้รับความรู้ไปไม่มากก็น้อยนะคะ แล้วเจอกันคราวหน้าค่ะ เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นกันมกๆนะคะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ..........................
เป็นวิธีที่ดีนะ จะพยายามลองปฏิบัติดู