ประยงค์
ร้อยตรี ประยงค์ ธรรมมะธะโร

หลวงปู่ตอบปัญหา(ตอบยาวนานไปเรื่อยๆ เท่าที่มีคำถาม)


ถามปัญหา ตอบปัญญา

หลวงปู่อโคจร ตอบปัญหา
คำตอบแต่ละครั้งทำให้อดทึ่งไม่ได้ว่า เออ...! ท่านคิดได้อย่างไร ? ผมก็เลยแอบบันทึกรวบรวมแล้วถอดคำนำมาเขียนบันทึกไว้ให้ได้อ่านกันไปเรื่อยๆ เผื่อเปิดโลกทัศน์ซึ่งไม่ค่อยจะมีใครกล้าพูด ลองอ่านดูครับว่า เท็จ จริงอย่างไร น่าคิดไหม?

1. ถาม : หลวงปู่ครับผมฝันเห็นผีบ่อย ๆ ครั้ง น่ากลัวจะมีผีอยู่ใกล้ๆ แน่ ๆ เลย หลวงปู่มีของดีแจกบ้างหรือเปล่าครับ เผื่อไว้กันผี เป็นใบหนาดก็ได้เขาว่าผีมันกลัวใบหนาด ผมจะได้เลิกฝันเสียที ?

ตอบ : คนมีร่างกาย จิตใจ มีมือมีเท้า เคลื่อนไหวได้ มีกำลังวังชา ยังกันผีไม่ได้ แล้วต้นไม้ใบไม้ ซึ่งอยู่กับที่ มีความสามารถน้อยกว่าคน มีข้อกำจัดหลายๆ อย่าง มันจะกันผีได้ยังไงหละโยม คุณงามความดี บุญกุศลที่โยมลงมือทำตามเหตุตามปัจจัยต่างหากเล่าที่จะเป็นเกราะป้องกันภัยร้ายทั้งภูตผีปีศาจที่ดีที่สุด อาตมามีให้แต่พระรัตนตรัยเท่านั้นแหละ โยมลองกลับไปคิดดู

2. ถาม : หลวงปู่ครับ ผมอยากอายุยืน ต้องทำอย่างไร เขาว่าต้องกินน้ำผึ้งถึงจะดี เป็นยาอายุวัฒนะ กินแล้วอายุยืน หลวงปู่ว่าจริงไหมครับ ?

ตอบ: ถ้ากินน้ำผึ้งแล้วอายุยืน ผึ้งมันก็โง่จริงๆ ปล่อยให้คนมาเอาน้ำผึ้งไปกินอยู่ได้ หรือคุณโยมว่าไง ลองคิดดูให้ดี ผึ้งไปหาและรวบรวมเอาน้ำผึ้งมาเลี้ยงมาป้อนลูกผึ้งให้เจริญเติบโตตั้งแต่โบราณนานมาแล้ว แต่พอผึ้งโตมาก็เห็นมันตายตามอายุขัยทุกที ไม่เห็นมีผึ้งตัวไหนอายุยืนเท่าคนเลย คุณโยม... เวลาเราฟังหรือคิดอะไรก็ตาม...ควรตั้งปัญญาไว้ข้างหน้า ลองคิดใคร่ครวญให้ถ้วนถี่ หรือพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลแล้ว จะทำให้เราเป็นคนไม่หลงงมงาย หรือเชื่อไปหมดทุกอย่าง หรือทำไปโดยขาดสติ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีวงจรชีวิตของมัน มีช่วงอายุขัยที่แตกต่างกันไป ไม่มีใครฝืนกฏเกณฑ์ของธรรมชาติไปได้หรอกโยม แล้วโยมลองคิดดูการที่เราจะได้น้ำผึ้งมากินแต่ละครั้งง่ายไหม อย่างน้อยก็ต้องตีผึ้งด้วยวิธีต่างๆ เช่น รมควันไฟ ตัดกิ่งไม้ สุมกองไฟไล่ผึ้ง ครั้นได้มาก็มีตัวอ่อนๆ ของผึ้งอยู่ในรวง บางทีเขาก็บีบรวงผึ้งเอาแต่น้ำผึ้งใส่ขวดมาขาย ตัวอ่อนๆ ของผึ้งก็ตายคารวง บางทีก็ขายแบบเป็นรวงวางขายในกระจาด คนซื้อเอาไปกินก็ต้องกินตัวอ่อนของผึ้งด้วยแล้วโยมคิดว่าวิธีนี้เป็นการเบียดเบียนสัตว์ไหม ? แล้วทำอย่างนี้คิดว่าทำให้อายุยืนได้หรือ ? ส่วนน้ำผึ้งจากการทำฟาร์มเลี้ยงก็พออนุโลม แต่อย่างไงๆ อายุก็เท่าเดิมแหละโยม อย่ามัวแต่กังวลเรื่องอย่างนี้ เสียเวลาเปล่า กินอะไรให้สุก สะอาด ปลอดภัย ก็พอแล้ว พระพุทธเจ้าของเราก็มีพระชนม์แค่ 80 พรรษา มิใช่หรือโยม

3. ถาม : หลวงปู่คะ ลูกสาวดิฉันตอนนี้ รู้สึกผิดปกติไป ชอบคุยโทรศัพท์นานๆ เริ่มแต่งตัวเก่ง มักจะขอออกไปข้างนอกบ่อยๆ แต่ ดิฉันพยายามทัดทานเอาไว้ หางานในบ้านให้เขาทำ ดูเขาจะหงุดหงิดใจน่าดู มองดูว่าน่าจะแอบมีคนรักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ? ดิฉันกลุ้มใจจังเลย กลัวเขาหักห้ามใจไม่ได้ กลัวพลาดพลั้งมาดิฉันไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ? หลวงปู่คิดว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ?

ตอบ : คุณโยม......คนเราเกิดมามีเพศชายเพศหญิง ซึ่งเป็นของคู่กัน การที่เราจะห้ามปรามหรือขัดขวาง บางครั้งก็ก่อให้เกิดปัญหา หากเขาเป็นเนื้อคู่กัน อย่างไรเสีย เขาก็ต้องพบรักกัน ครองคู่กันไป หากไม่ใช่เนื้อคู่ ยังไงยังไงเขาก็ต้องพรากจากกันไปอยู่ดี โยมอย่ามัวไปกังวลเลย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "ไม่มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสใดๆ ที่จะรึงรัดใจบุรุษเท่ากับสตรี ไม่มีรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสใดๆ ที่จะรึงรัดใจสตรีเท่ากับบุรุษ " ดังนั้นเราควรที่จะทำความเข้าใจ เห็นใจ อธิบาย บอกวิธีการวางตัว การคบเพื่อนต่างเพศ การรักนวลสงวนตัว ข้อดีข้อเสียของการชิงสุกก่อนห่าม ฐานะทางสังคมระหว่างบุรุษกับสตรี พยายามเอาใจใส่ดูแล ให้ความอบอุ่น ทำตัวให้เข้ากับลูก พยายามอย่าให้เขาอยู่คนเดียว หากิจกรรมที่ผสมผสานระหว่างครอบครัวเพื่อให้เขาเกิดความเพลิดเพลิน เช่น เล่นกีฬา ร้องเพลง ทำกับข้าวกินด้วยกัน ใช้จิตวิทยาเข้าช่วย ความอึดอัดขัดเคืองก็จะบรรเทาเบาบางลงไป และถึงแม้เราพยายามเต็มที่แล้วก็ยังเกิดเหตุขึ้น ก็ต้องทำใจยอมรับและช่วยแก้ปัญหากันไปถือเสียว่าเป็นเวรกรรมแต่ปางก่อนก็แล้วกันโยม อย่าลืมว่าขนาดพระญาติของพระพุทธเจ้าเองพระองค์ก็ห้ามได้เพียงแค่ 3 ครั้ง แต่เวรกรรมที่มีต่อกันมา สุดท้ายพระญาติก็ยังทำสงครามฆ่าฟันกันเลย คิดอย่างนี้ได้ความสบายใจก็จะเกิดขึ้น

4. ถาม : หลวงปู่ครับ ที่บ้านผม แม่เขาเริ่มจู้จี้ขี้บ่น น่ารำคาญ บางทีเรื่องไม่เป็นเรื่องก็เอามาเป็นเรื่อง ไม่ค่อยมีเหตุผล อยากจะทำอะไรก็ทำเลยไม่ค่อยจะเข้าใจลูกหลาน นึกแต่เรื่องไม่มีเหตุผล ผมไม่เข้าใจจริงๆ ไม่ค่อยยอมฟังเหตุผลเลยเชื่อใหมครับบางทีฝันไม่ดีก็ต้องพาไปทำบุญแก้กรรม ชอบไปหาหมอดูให้ดูดวงให้ ชอบให้ลูกหลานทำตามโดยไม่มีเหตุผล ผมจะทำอย่างไรดีครับ ?

หลวงปู่ :ผู้มีพระคุณย่อมมีเหตุผลเสมอ เพียงแต่ว่าเหตุผลนั้นมองคนละมุม เหมือนหน้ามือกับหลังมือ โยมลองมองดูซิ อย่าไปคิดอะไรให้ทุกข์ใจ หากเราทำให้ท่านแล้วท่านมีความสุข สบายใจ อารมณ์ผ่องใสก็ควรจะทำให้ท่านเถิด ท่านก็เปรียบเสมือนไม้ใกล้ฝั่ง ความสุขเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นกำลังใจให้คนแก่ได้พออิ่มกายอิ่มใจบ้าง อย่าคิดให้เสียเวลาเปล่า คนเราในแต่ละยุคสมัย แต่ละช่วงชั้นของวัย จะให้คิดหรือมีเหตุผลเหมือนกันย่อมเป็นไปได้ยาก เหตุผลของคนๆ หนึ่งย่อมดีเพียงพอสำหรับคนๆ นั้น เหมือนเราไม่สูบบุหรี่ย่อมเหม็นไม่อยากเข้าใกล้บุหรี่หรือเหม็นบุหรี่แถมเรายังคิดไปอีกได้ว่าเสียเงินไปซื้อบุหรี่มาสูบยังไม่พอแถมทำร้ายร่างกายของตนเองอีกด้วย ส่วนคนที่เขาสูบบุหรี่ก็ย่อมมีเหตุผลในตัวของเขาเองที่จำเป็นต้องสูบ และอีกอย่างมันก็เป็นสิทธิ์ของเขามิใช่หรือที่จะสูบ หรือโยมว่าไม่จริง.

5. ถาม : หลวงปู่เจ้าคะดิฉันมีเรื่องกลุ้มใจมากเลยค่ะ คือว่าครอบครัวดิฉันมีแต่ลูกผู้หญิงตั้ง 3 คน ไม่มีผู้ชายเลย แม่สามีก็บ่นว่าไม่มีวาสนา สามีก็บ่นว่าชาตินี้ไม่ได้บวชลูกชาย โชคไม่ดีเลยไม่รู้ทำเวรทำกรรมอะไรไว้จึงไม่มีลูกชายกับเขาสักคน ดิฉันล่ะกลุ้มๆ ไม่รู้จะทำอย่างไร เวลานี้คิดมากกลัวสามีจะไปมีคนใหม่เพื่อให้ได้ลูกชายกับเขาสักคน หลวงปู่ว่าดิฉันควรจะทำอย่างไรดีคะ ?

หลวงปู่ : นานาจิตตังลูกเอ๊ย... ทำไมเราจึงคิดอย่างนั้นเล่าถ้าเป็นอย่างที่เราคิดกันว่า ถ้าไม่มีลูกชายแล้ว ครอบครัวนั้นไม่มีวาสนา บางคนคิดหนักไปอีกว่าตกนรกขุมปุตตะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ครอบครัวที่มีแต่ลูกหญิงก็คงไม่ได้กลับมาเกิดอีกแน่ ซึ่งอันที่จริงแล้ว ครอบครัวที่มีแต่ลูกหญิงนั้นเป็นเพียงแค่ค่อนข้างไม่สะดวกในการครองชีวิตเท่านั้น เนื่องจากไม่มีลูกชายเป็นแรงงานหรือเสาหลักในการประกอบอาชีพเพราะมีเรี่ยวแรงมากกว่า อาตมาว่าลูกชายลูกหญิงเป็นเพียงแค่รูปภายนอก ส่วนการทำความดีการเข้าถึง สวรรค์ นิพพานสมบัตินั้นมันคนละเรื่องกัน ลูกชายเป็นนักเลงหัวไม้เที่ยวไล่ตีต่อยชาวบ้าน บางทีไล่ทุบตีพ่อแม่ก็ถมเถไป เป็นโจรเป็นขโมย กินเหล้าเมามาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเขาก็มีตั้งมากมาย บางคนเสพสารเสพย์ติดบ้าจนคลุ้มคลั่งทำร้ายคนรอบข้างก็มีเยอะแยะ ครอบครัวเหล่านั้นโชคดีเหรอ คิดดูให้ดี ลูกผู้หญิงที่ทำความดีเป็นหลักเป็นฐานสร้างสรรค์ประโยชน์ก็มีเยอะ ความคิดที่ว่าลูกชายดีกว่าลูกหญิงนั้นเป็นความคิดเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ยกย่องฝ่ายตนให้สูงส่ง โดยกดอีกฝ่ายให้ตกต่ำกว่าตนไม่ใช่สิ่งที่ถูก เพศเป็นเพียงรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ควรใส่ใจให้มาก บุคคลใดก็ตามทำประโยชน์ให้สังคม สร้างคุณงามความดีให้ปรากฏ เลี้ยงดูผู้มีพระคุณ กตัญญูกตเวที รักษาชื่อเสียงวงศ์ตระกูลไว้ ไม่ทำตนให้ไปสู่ที่เสื่อมเสีย นั่นต่างหากเล่าคือลูกที่ประเสริฐ จงปรับเปลี่ยนทัศนคติใหม่ในการคิดให้ถูกต้องเถอะโยม

6. ถาม : หลวงปู่คะ หนูคิดว่าหนูเป็นคนค่อนข้างขยัน เพราะมีความรู้สึกว่า เมื่อมีหน้าที่หรือได้รับมอบหมายให้ทำอะไรๆ ก็พยายามทำสุดความสามารถทุ่มเทเวลาในที่ทำงาน มาระยะหลังๆ รุ้สึกเพื่อนๆ จะตีตนออกห่างไม่ค่อยเข้าใกล้หรือไม่ค่อยมีคนอยากพูดคุยด้วย เคยมีคนสนิทกันมาแอบกระซิบว่าเริ่มมีคนหมั่นไส้ หาว่าทำดีเกินหน้า(มีคำหยาบคายด้วย) ตอนนี้เริ่มไม่ค่อยสบายใจ ทำงานก็ต้องพยายามไม่ให้เกินเวลา พยายามกลับพร้อมๆ กัน ไม่ทุ่มเวลาเหมือนแต่ก่อน อึดอัดใจจริงๆ ค่ะ หนูควรจะปฏิบัติตัวอย่างไรคะ ?

ตอบ : เป็นเรื่องปกติวิสัยของโลกเรานะหนูเอ้ย...ในที่ทำงาน สำนักงาน บริษัทห้างร้านก็มีคนแบบนี้แหล่ะ มีคนขยัน ขี้เกียจ จู้จี้ขี้บ่น ประจบสอพลอ ทับถมคนอื่น ยกตนข่มท่าน มันมีมานานแล้วไม่ใช่เพิ่งจะมี ปู่มีกลอนบทหนึ่งจะเล่าให้ฟัง

คนรักเรา เท่าผืนหนัง ฟังเอาไว้ คนชังไซร้ เท่าผืนเสื่อ น่าเบื่อไหม

คนจะรัก คนจะชัง ช่างปะไร จงตั้งใจ ทำความดี นี่คนจริง...

และสุดท้ายหนูอย่าลืมน่ะว่า ขนาดพระพุทธเจ้าของเรา ก็ยังมีพระเทวทัต ชิงชังถึงขนาดจะลอบปลงพระชนม์ชีพมาแล้วนะ จงทำความดีต่อไปเถิดหลวงปู่เป็นกำลังใจให้และขออวยพรให้ประสบผลสำเร็จๆ เทอญ.

7. ถาม : หลวงปู่เจ้าคะ... ดิฉันอยากจะทำบุญบ้านใหม่ นิมนต์หลวงปู่เป็นประธานฝ่ายพระสงฆ์ด้วยเจ้าค่ะ..แล้วดิฉันควรจะทำบุญวันไหนเจ้าคะ จะได้เป็นเกียรติเป็นศรีแก่บ้าน เดี๋ยวไปตรงกับวันไม่ดีจะทำให้บ้านไม่เป็นสุข นิมนต์หลวงปู่ดูฤกษ์ดูยามให้หน่อยเจ้าค่ะ..

ตอบ : ฤกษ์ยามมันดีอยู่ในตัวของมันแล้วโยม...ใครหล่ะที่บอกโยมว่าวันไหนมันไม่ดี เพราะทุกคนต่างเกิดมาเป็นมนุษย์ทุกคนก็เกิดภายใน 7 วันนี้เหมือนกัน ไม่มีใครเกิดเกินนี้ไปได้ วันแต่ละวันต่างก็มีดีทุกๆ วัน ไม่มีวันไหนเป็นวันไม่ดี ที่วันไหนมันไม่ดีก็เพราะมนุษย์เราเอาวันนั้นๆ ไปทำไม่ดีต่างหากเล่าโยม อาตมามีกลอนหนึ่งบทจะกล่าวให้ฟัง ตั้งใจฟังให้ดี แล้วโยมจะได้รู้ว่าวันไหนเป็นวันที่ดีที่สุดที่โยมจะขึ้นบ้านใหม่ ถ้าโยมสะดวก ไม่ติดกิจธุระใดๆ มีความพร้อมทั้งบ้าน มีอุปกรณ์ครบ มีญาติพี่น้องเพื่อนฝูงมาร่วมงานกันครบ มีคนมาอวยพรพร้อมหน้าพร้อมตา มีคนร่วมอนุโมทนา พระสงฆ์มาครบ ทำพิธีไม่ขาดตกบกพร่อง วันนั้นแหละเป็นวันดีที่สุด เหมาะสมที่สุด ฤกษ์ดีที่สุดโยม โยมอย่ากังวลถือฤกษ์ถือยามให้มันไม่สบายใจอยู่เลย ความพร้อมต่างหากที่ทำให้วันนั้นๆ เป็นวันดีงาม เพราะถ้าคิดอย่างโยมว่า คนไหนเกิดวันที่เขาว่าฤกษ์ไม่ดีก็กลายเป็นคนไม่ดีซิ คนไหนเกิดวันที่เขาว่าฤกษ์ดีก็กลายเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ คนจะดีไม่ดีไม่ใช่ดูที่วันเกิด จะทำมาค้าขายไม่ใช่มัวแต่ดูฤกษ์ยาม จะออกจากบ้านก็ต้องคอยดูว่าจิ้งจกมาทักหรือเปล่า... เออ...ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องทำมาหากินอะไรกัน คอยนั่งดูฤกษ์ยามอยู่อย่างนั้น นี่แหละคนไทยเราถึงไปไหนได้ไม่ไกลไม่ก้าวหน้า เอ้า...อาตมามีกลอนมาฝากบทหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องการทำบุญ ลองฟังดูนะ...

ทำวันจันทร์ เจือจานบุญ หนุนสูงส่ง

วันอังคาร จิตมั่นคง ไม่หวั่นไหว

ทำวันพุธ พิสุทธิ์ล้ำ จิตอำไพ

วันพฤหัสฯ วันครูไซร้ ได้กุศลแรง

ทำวันศุกร์ สุขสวัสดิ์ จรัสศรี

ทำวันเสาร์ จิตเปรมปรีดิ์ มิหน่ายแหนง

วันอาทิตย์ จิตแจ่มใส ไร้ระแวง

อย่าคลางแคลง ทำบุญไว้ ไม่อับจน...

ฟังแล้วก็ไปคิดดูเอาเอง เชื่อไม่เชื่อสุดแท้แต่โยม...

ถาม : หลวงปู่ครับ ผมก็เข้าวัดมานานแล้ว ผมมีความสงสัยอย่างหนึ่ง ขอเรียนถามหลวงปู่หน่อยครับ บางทีผมไปวัดแต่ละวัด หลวงพ่อหลวงปู่แต่ละรูปก็เทศน์ไม่เหมือนกัน แม้แต่บทสวดมนต์ ญาติโยมก็สับสนปฏิบัติแตกต่างกัน หลวงปู่พอจะแนะนำผมได้ไหมครับว่าแบบไหนดีที่สุด ผมจะได้ทำตามครับ

ตอบ : คำถามนี้ดีนะโยม ก่อนอื่นขอตอบก่อนง่ายๆ ว่า ไปวัดไหนแล้วมองเห็นวัดสะอาดร่มรื่น เสนาสนะเป็นระเบียบเรียบร้อย หมู่พระสงฆ์มีอาการสำรวม เหล่าผู้ปฏิบัติธรรมฝึกปฏิบัติไม่ระคนด้วยหมู่คณะ บำเพ็ญกิจตามฐานะ ร่วมกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ เชิญชวนญาติโยมประพฤติปฏิบัติธรรมสมควรแก่เพศ วัย เวลา เผยแผ่ธรรมะหลากหลายรูปแบบ แล้วตัวเราเองมาทำความรู้จักเข้าใจลองปฏิบัติธรรมและรู้เห็นตามเป็นจริง เกิดปัญญารู้แจ้งไม่งมงายหรือถือวัตรแบบผิวเผิน นั่นแหละคือผู้เข้าวัดถูกต้อง
ส่วนต่อไปนี้เป็นการให้ความรู้เรื่องวัดนะโยม ตั้งใจฟังให้ดี

1. วัดเสก วัดแบบนี้ก็จะมีกิจกรรมคือเสกโน่นเสกนี่สารพัดเสก เช่น เสกข้าวสาร(รวมเสกอย่างอื่นด้วยนะ..แต่ไม่พูดเพราะเดี๋ยวจะไปขัดกับบางวัดที่กำลังทำกิจกรรมอยู่) ให้เป็นขวัญถุงเพื่อเรียกคนเข้าร้าน ขายของได้มากขึ้น หรือทำให้ทำมาค้าขายร่ำๆ รวยๆ ญาติโยมมาหาก็เสกกระหม่อมบ้างให้คู่ยงคงกระพัน...น่าให้ท่านไปเสกแถวภาคใต้บ้าง เจ้าหน้าที่จะได้ไม่ตายกันขนาดนี้ วัดแบบนี้ก็จะทำให้ญาติโยมงมงายอยู่แค่นี้ เกิดความประมาทได้นะโยม
2. วัดสวด วัดแบบนี้สวดทั้งปี ไม่เคยแนะนำญาติโยมเลยว่า บทสวดที่สวดกันมานั้น มีความหมายว่าอย่างไร? สวดทำไม? เอาไปใช้ประโยชน์อย่างไร? แถมบางวัดสวดเป็นทำนองเหมือนกับเล่นลิเกเข้าไปโน่น... ญาติโยมก็ไม่เกิดปัญญาสักที นึกว่าสวดแล้วได้บุญมหาศาล หารู้ไม่ว่า ทุกบทสวดมนต์นั้นๆ พระพุทธเจ้าและเหล่าพระสาวกได้ให้คติ ข้อคิด ข้อเตือนใจ แนวปฏิบัติต่างๆ ไว้แล้ว ผู้ฟังที่มีปัญญาก็สามารถนำไปประพฤติปฏิบัติได้ประโยชน์อย่างเต็มที่นะโยม
3. วัดสร้าง วัดแนวนี้ก็สร้างทั้งปี เดี๋ยวเชิญชวนญาติโยมสร้างไอ้โน่นสร้างไอ้นี่อยู่ร่ำไป บางวัดสร้างจนเต็มไปหมดแต่ใช้ประโยชน์ได้แค่นิดเดียว ไปๆมาๆ ก็สึกหรอไปตามกาลเวลา ขาดการดูแลรักษา พระภิกษุก็มีน้อย กลายเป็นเกินความจำเป็นไปเสียอีก ญาติโยมเองก็ไม่เกิดปัญญาพาตัวเองให้รอดจากกองทุกข์สักที
4. วัดสอน สอนทั้งปี เข้าค่ายตลอด นำญาติโยมฝึกสมาธิเอาเป็นเอาตาย นั่งเป็นชั่วโมง เดินจนปวดขา หารู้ไม่ว่า โยมไม่ได้เป็นพระสงฆ์ ที่มุ่งจะหลุดพ้นเข่นฆ่ากิเลสให้หมดสิ้น โยมยังทำมาหากินกันอยู่ พอมาเจอหลักสูตรพระเข้าเข็ดไปเลยไม่เข้าวัดอีกแล้ว ก็ไปดูๆเอาว่ามีที่ไหนบ้าง ชาวบ้านนะไม่ใช่พระจะได้อดทนอดกลั้นได้ขนาดนั้น

5. วัดเสริม เสริมทั้งปี เสริมนั่นเสริมนี่ เสริมมงคลชีวิต เสริมดวงชีวิต เสริมบารมี
6. วัดเสีย ผ่านประตูวัดเข้ามาก็เจอซุ้มต่างๆ พระประจำวันเกิด เสี่ยงทายวันเดือนปีเกิด หยอดเหรียญฟังพระเจริญพระพุทธมนต์ ถังสังฆทาน ทำบุญค่าธูปเทียนดอกไม้ ไม้เสียบใบเงินใบทองฯลฯ สรุปทุกด่านผ่านบุญด้วยปัจจัยครับ
7. วัดสว่าง สะอาด สงบ ฟังแค่ชื่อก็น่าเคารพศรัทธาเลื่อมใสแล้ว เข้ามาพบแต่ธรรมชาติที่ร่มรื่น มีเส้นทางสะอาด ชัดเจน หมู่กุฎีเป็นระเบียบเรียบร้อย เขตพระภิกษุสงฆ์ เขตสมณชีพราหมณ์ เขตอภัยทาน เขตสงบเสียง เขตปฏิบัติธรรม เขตขบฉันฯลฯ
เข้ามาแล้วเย็นกายเย็นใจ ได้ฟังเสียงหัวใจตนเอง พิจารณาธรรมเป็นธรรม

(ยังมีต่อครับ...................)

หมายเลขบันทึก: 257115เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2009 16:36 น. ()แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม 2015 14:41 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท