การรณรงค์การออกกำลังกายไม่ใช่เพียงแค่ในกลุ่มคนทั่วไปเท่านั้น ในคุณแม่ตั้งครรภ์แต่ละคนเราก็พยายามรณรงค์การออกกำลังกายด้วย เนื่องจากเห็นประโยชน์จากการที่กรมอนามัยได้ศึกษาวิจัยท่าออกกำลังกายที่เรียบง่าย เหมาะสม สอดคล้องกับวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของหญิงไทยในการออกกำลังกาย และรวบรวมข้อมูลจากทั่วประเทศไทย เป็นพันๆคน ก็เห็นประโยชน์ว่าจะนำมาใช้ในงานโรงเรียนพ่อแม่
แล้วทดลองเก็ข้อมูลดูว่าในกลุ่มที่มาออกกำลังกายกับเราแล้วนี้ได้กลับไปทำต่อกันกี่มากน้อย ปีนี้เราก็เลยใช้การสุ่มถามธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เก็บเป็นวิจัยอะไรนะคะ ผลปรากฏว่ามีคุณแม่ที่กลับไปออกกำลังกายตามที่เราสอนถึง 27 % เชียวนะ อันนี้พูดแบบไม่ได้ประชดนะค่ะ เราว่าน่าดีใจนะที่คนที่พุงป่องๆ เหนื่อยง่าย เดินโยกเยกแบบนกเพนกวินที่น่ารักของเรายังสนใจกลับไปทำได้ถึงขนาดนี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะทำไม่ครบ 3 วัน/สัปดาห์ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้...เพราะถ้าเทียบกับตัวเองที่ปกติดีแถมตั้งใจว่าจะทำโยคะทุกวัน ยังผิดสัญญากับตัวเองบ่อยๆเลย ด้วยเหตุผลส่วนตัวน่านับประการ ที่แปลง่ายๆ เลยว่า " ขี้เกียจจ้า"
ซึ่งไม่ต่างกันเลยกับคุณแม่ที่เราถามหาเหตุผลที่ไม่ได้ทำ ทั้งที่เราทั้งแจกและแถม โปสเตอร์ท่าการออกกำลังกาย แผ่นละ 10 บาทที่เราทำไว้ให้หยิบติดมือ ก่อนกลับบ้านตามความสมัครใจของแต่ละคนแล้ว คำตอบที่ได้คือกัน "ขี้เกียจ ..ทำงานบ้านแล้ว เหนื่อยแล้ว"
แต่เรื่องที่อยากเล่านอกเหนือจากนี้คือ ...การออกกำลังกายในหญิงตั้งครรภ์แม้ว่าจะมีรูปแบบสำเร็จรูปมาจากกรมอนามัยแล้ว แต่เราก็ต้องนำมาปรับให้เข้ากับภาคปฏิบัติของเราอีกทีนึงคะ
ทฤษฎี คู่มือของกรมอนามัยกำหนดไว้ว่า
หญิงตั้งครรภ์ที่ไม่ควรออกกำลังกาย
1. มีน้ำเดิน 2. ปากมดลูกเปิด 3. ภาวะรกเกะผิดที่ 4. ครรภ์เป็นพิษ 5. เป็นโรคหัวใจ หรือโรคความดันโลหิตสูง
หญิงตั้งครรภ์ที่ต้องออกกำลังกายภายใต้การดูแลของแพทย์
1. เลือดจาง 2. เส้นเลือดขอด 3. ติดเชื้อในเลือด 4. เหนื่อยล้ามากเกินไป 5 .ตั้งครรภ์มาหลายครั้งแล้ว 6.หน้าท้องแตกลายและปริแยก7.มดลูกหดตัวมากหลังออกกำลังกาย 8. ปวดหลัง และปวดกระดูกข้อต่อส่วนอื่นๆ 9. มีเหงื่อออกมากผิดปกติ หลังออกกำลังกาย
แต่ทางปฏิบัติเราเจอ หลากหลายมาก
1. งดน้ำและอาหารมาจากบ้านเตรียมเจาะเลือด ..เบาหวาน 4 เข็มห่างกันเข็มละ 1 ชม.
2. ท้องแข็งบ่อยจากบ้าน
3. เป็นไทรอยด์
4. มีโรคประจำตัวที่หมอห้ามออกกำลังกาย ที่เคยเจอก็ เป็น นิ่วในถุงน้ำดี หมอสูติก็ไม่รู้ พยาบาลก็ไม่รู้ เพราะห้ามกันเป็นส่วนตัวไม่ลงบันทึกประวัติไว้
5. เป็นโรคติดต่อในวันเข้ากลุ่ม ก็ไม่โรครุนแรงหรอกค่ะ ก็ประเภท ตาแดงที่ให้ทุกคนมาแลบลิ้นใส่กันคงไม่ไหวแน่ , เป็นคุณสุกใส
เราก็เลยมาจัดงดออกกำลังกายเพิ่มเติมในกลุ่มแม่ๆกลุ่มนี้ด้วยค่ะ เพราะที่เราบอกมาเราเจอมาหมดแล้ว..ว่าคุณแม่ทั้งหลายมานั่งออกกำลังกายกับเราป้อเลย..ก็เอ้! ตาแดงก็มาเพราะไม่บอกเราว่าเป็น เราก็หลุดสังเกต พวกงดน้ำงดอาหารยิ่งแล้วใหญ่เลย เพราะเดี๋ยวจะมาเป็นลมกัน สงสารเจ้าตัวเล็กในพุงใหญ่ๆ ค่ะ
เย้ ๆ
จะได้แข็งแรง
ทั้งแม่และลูก
เรื่องนี้เราได้หยิบมาทำ CQI ในหน่วยงานเพราะถ้าเกิดปัญหาก็ไม่งามนักทั้งแม่และลูก..เลยคิดเป็น
1.แนวทางการคัดกรองในกรณีที่พยาบาลไม่อยู่ประจำคลินิค
2.ออกกำลังกายอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่ลูก
แรกเลยเราก็คุยกันกับมานพ ..เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์การกีฬาว่าท่าในการออกกำลังกายที่ได้มาจากกรมฯนั้น ทำไม มีบางท่าไม่ให้หญิงตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์เกิน 6 เดือนไปแล้วทำ ทั้งๆที่ท่าก็ดูง่ายๆ กว่าบางท่าที่ให้ทำด้วย...แล้วก็ปรึกษาต่อว่าการ cool down ซึ่งในซีดีไม่ได้สาธิตแต่ให้คำแนะนำว่าให้ใช้การเกร็งคลายกล้ามเนื้อแต่ละส่วน ซึ่งพอคุยกับสาวๆแผนกฝากครรภ์บอกว่าในหญิงตั้งครรภ์นั้นไม่ควรมีการเกร็งบ่อยๆ เพราะขณะเกร็งจะกลั้นหายใจ...มานพก็เลยแนะนำให้ว่า"ขณะเกร็งให้หญิงตั้งครรภ์ออกเสียงนับ 1-5 ไปด้วย จะได้ไม่กลั้นหายใจ "
เจอปัญหาจากกระบวนการคัดกรอง เพราะคนคัดกรองจริงๆแล้วไม่ใช่พยาบาล เป็นน้องพี่เลี้ยงเด็ก น้องจำไม่ได้ว่าใครควรงดออกกำลังกายบ้าง...เลยตกลงกันว่า งานฝากครรภ์จะเขียนระบุไว้ให้ในใบนัดว่า "งดออกกำลังกาย" แถมอีกที่คือในใบตรวจครรภ์ก็จะเขียนไว้ด้วยเช่นกัน แล้วทำโปสเตอร์ให้ทบทวน 8 ข้อหลักที่งดออกกำลังกายให้เห็นชัดเจน.......ก็ดีขึ้นคะ แต่ยังบางรายที่หลุดมา เพราะภาวะเร่งรีบของเจ้าหน้าที่ที่ไปคัดกรอง ก็ใช้ระบบตรวจสอบอีก 1 รอบก่อนเริ่มกิจกรรม ..อ่านทวน 8 ข้อข้างต้น...ก็ไม่พบปัยหาอีก
แต่เราไม่อยากให้พลาดหลุดมาถึงต้องคัดกรอง 2 รอบแบบนี้อีก จะทำอย่างไร...เพราะทุกอย่างอยู่ที่ตัวคน...ยากเหมือนกันคะ
อยากทราบวิธีออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์และอยากได้ตัวอย่างการออกกำลังกายขณะตั้งครรภ์ เช่น รูปภาพ
อ่อ
ตอนนี้ท้องได้ 8 เดือนกว่าๆแล้วค่ะ
ควรปฏิบัติตัวอย่างไรบ้างค่ะ
แล้วควรออกกำลังกายด้วยวิธีใดบ้าง
อยากให้มีข้อมูลมาแนะนำ
อาจจะเป็นรุปภาหรือบทความ
อ่าค่ะ