สิ้นสุดเสียที ฝันร้ายกลางเมือง
ในที่สุดการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือม็อบคนเสื้อแดง ที่ปักหลักยึดข้างทำเนียบรัฐบาลชุมนุมกดดันรัฐบาลมาตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน แล้วส่งดาวกระจายไปปิดถนนชั้นใน เผารถ ก่อการจลาจลในกรุงเทพฯ ก็ถึงเวลายุติลง หลังนายวีระ มุสิกพงศ์ แกนนำคนสำคัญประกาศยุติการชุมนุมเมื่อก่อนเที่ยงวันที่ 14 เมษายน รวมเวลาการชุมนุมนาน 7 วัน ที่ปิดล้อมทำเนียบรัฐบาลอย่างเข้มข้นพร้อมการโฟนอินของอดีตนายกรัฐมนตรีเข้ามาปลุกระดมถี่ยิบ
ผลล้มเหลวของกลุ่มคนเสื้อแดง หลังยุทธวิธีดาวกระจายก่อจลาจล "ปิดถนน-เผาเมือง" ไม่สัมฤทธิผล การประกาศบังคับใช้ พรก.ฉุกเฉินร้ายแรง และการปฏิบัติเชิงรุกของรัฐบาลและกองทัพ ทำให้กลุ่มคนเสื้อแดงตั้งหลักไม่ทันโดยเฉพาะการแก้เกมวันต่อวันชั่วโมงต่อชั่วโมงของรัฐบาลและกองทัพ เห็นได้จากยุทธศาสตร์ "ดาวกระจาย" ของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่กระจายตามพื้นที่ต่างๆ ก็ถูกกองกำลังของทหารกดดัน จนสุดท้ายต้องเปิดเกมส์แรงเข้าใส่ทหาร จนทหารต้องส่งกำลังเข้ากดดันอย่างหนักในเช้าวันที่ 14 เมษายน 2552 แถมยังถูกคนกรุงเทพฯ จำนวนไม่น้อยรวมตัวต่อต้านอย่างหนัก และยิ่งนับวันยิ่งแสดงความเกลียดชังต่อคนเสื้อแดงอย่างเห็นได้ชัด
ความพ่ายแพ้ของกลุ่มคนเสื้อแดง ฉายแววเด่นชัดเมื่อใกล้พลบค่ำคืนวันที่ 12 เมษายน การปิดเส้นทางการจราจรหลายจุดทั่วกรุงเทพฯ กลับทวีความเกลียดชังให้กับประชาชนชาวกรุงอย่างหนักที่ไม่สามารถใช้เส้นทางสัญจรได้ การปิดเส้นทางหลายด่านถูกทหารทลายด่านกั้นได้สำเร็จ
ขณะเดียวกันประชาชนรอบข้างใกล้เคียงหลายพื้นที่มีการรวมพลังจัดตั้งกลุ่มต่อต้านม็อบเสื้อแดง เช่น
นางเลิ้ง ยมราช เพชรบุรี ซอย 5 ซอย 7 และแฟลตดินแดง ที่เห็นเด่นชัดสุดคงจะเป็นชุมชนนางเลิ้ง ถึงขนาดเปิดฉากปะทะกับกลุ่มเสื้อแดงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน บาดเจ็บเกือบ 10 คน
ระหว่างนั้นแกนนำ นปช.มีการประชุมประเมินสถานการณ์เป็นระยะ โดยบรรยากาศการประชุมเต็มไปด้วยความตึงเครียด อีกทั้ง พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส.ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน แถลงข่าวผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ประกาศ ทหารจำเป็นต้องสลายการชุมนุมโดยจะใช้ความละมุนละม่อมแต่สงวนสิทธิ์ที่จะใช้อาวุธเพื่อป้องกันตัว หลังการออกโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจของ ผบ.สส. ทหารจำนวนมากเข้าโอบล้อมทำเนียบรัฐบาลทุกด้าน ปิดกั้นเส้นทางไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปบริเวณการชุมนุมของกลุ่มคน เสื้อแดง แต่อนุญาตให้บุคคลที่อยู่ภายในออกจากพื้นที่ได้เท่านั้น แถมยังตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของกลุ่มผู้ชุมนุมด้วย
วินาทีวิกฤตินี้ทำเอานายวีระและแกนนำคนอื่นๆ เคร่งเครียดและอยู่ในอาการกระสับกระส่าย เหมือนคนจนตรอก อีกทั้งในเวลาต่อมาไม่นานมีการเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนต่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่มีลักษณะเพลี่ยงพล้ำให้แก่นายอภิสิทธิ์นายกรัฐมนตรี ก็ยิ่งเร่งเร้าให้บรรดาแกนนำหมดแรงถอดใจอย่างอาลัยตายอยาก
อีกทั้งกระแสข่าวดังลั่นสนั่นม็อบตลอดค่ำคืนของวันที่ 13 เมษายน ว่าทหารพร้อมสำหรับการบุกสลายการชุมนุมได้ทุกเวลา ขณะที่ชาวบ้านยิ่งทวีความโกรธแค้น คนเสื้อแดง ถึงกับรวมตัวกันต่อต้านอย่างหนัก วินาทีนั้นนายวีระรู้ดีว่า ในม็อบมีอาวุธโดยเฉพาะระเบิดเพลิง หากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุมจริง กลุ่มผู้ชุมนุมอาจนำอาวุธเหล่านี้มาใช้ตอบโต้ทหาร อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายลงจำนวนมาก นายวีระ ไม่อยากได้ชื่อว่า "พาคนไปตาย" จึงตัดสินใจประกาศยุติการชุมนุม
นายวีระพร้อมด้วยนายสุพร อัตถาวงศ์ ติดต่อขอมอบตัวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ขณะที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนพ.เหวง โตจิราการ เข้ามอบตัวสมทบภายหลัง ส่วนนายจักรภพ เพ็ญแข และนายจตุพร พรหมพันธุ์ รวมถึงแกนนำอีกหลายคนหายหน้าไปโดยไม่มีใครทราบว่าหายไปไหน
แกนนำ นปช. ที่เข้ามอบตัว ถูกตำรวจแจ้งข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยเป็นหัวหน้าหรือผู้ที่มีหน้าที่สั่งการ และร่วมกันกระทำการให้เป็นที่ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา และร่วมกระทำการปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาอันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และ 215 โดยในมาตรา 116 มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 7 ปี ขณะที่มาตรา 215 จำคุกไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ บุคคลที่ตำรวจออกหมายจับ ได้แก่ 1.พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2.นายวีระ มุสิกพงศ์ (มอบตัวแล้ว)
3.นายจตุพร พรหมพันธุ์ 4.นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ (มอบตัวแล้ว) 5.นายจักรภพ เพ็ญแข 6.นายอดิศร เพียงเกษ 7.นพ.เหวง โตจิราการ (มอบตัวแล้ว) 8.นายสิรวิชญ์ พิมพ์กลาง 9.นายพีระ พริ้งกลาง 10.นายณรงค์ศักดิ์ มณี 11.นายณัฐพงศ์ อินทนาง 12.นายชินวัฒน์ หาบุญพาด และ 13.ชายไม่ทราบชื่อ
บรรดาคนไทยต่างติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองด้วยใจจดจ่อในที่สุดก็หายใจโล่งอกพร้อมๆกันเมื่อเห็นภาพแกนนำส่วนหนึ่งกำลังมอบตัวทางโทรทัศน์
ท่านและคิดอย่างไรกับเหตุการณ์บ้านเมืองที่เพิ่งผ่านไปกลิ่นควันยังไม่ทันจางหาย
เมื่อ พ. 15 เม.ย. 2552 @ 21:02
1241505 [ลบ] [แจ้งลบ]
ดูๆแล้วเขายังไม่จบนะครับ
ต้องยอมรับ ว่า เสื้อแดง เขามีความสามารถในการปลุกปั่นมวลชนได้ดี ปูพื้นความคิดอย่างเป็นระบบ รู้จักเรียบเรียงตัวละครอย่างดี
คนที่เชื่อนี้เชื่อขาดใจเลยนะครับ
อมาตยาธิปไตยบ้าง ประชาธิปไตยเต็มใบบ้าง
สองมาตรฐานบ้าง กรอกหูกันทุกวันครับ
นี่ถ้าไม่ได้ พี่น้องสื่อมวลชนที่วิ่งตามและวิ่งนำทหาร เพื่อเก็บภาพ
ทุกช็อต รวมถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เก็บภาพเผยแพร่ภาพ ที่รวดเร็วเป็นหลักฐานประกอบการวิเคราะห์ผ่านสื่อต่าง
รับรองว่า ปลุกปั่นกันไปไกลกว่านี้อีก
สังเกตุดูสิครับ ภาพที่กลุ่มเสื้อแดงนำเสนอ มีอยู่ชุดเดียวแหละครับ
แ ต่พูดกันไปซะ
ถ้ามองว่านี่เป็นสงครามข่าวสาร ก็ต้องยอมรับว่า นายกและทีมที่ปรึกษาทำการบ้านดีมากครับ เอาคนที่เก่งเทคโนโลยี อย่างทักษิณ อยู่หมัดเลย แถมยังตามไปปิดเกมที่สื่อต่างประเทศ แบบชัดเจนเลยครับ
แต่อย่าลืมนะครับ คนที่มีความสุขกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็เป็น
คนที่เข้าถึงข้อมูลรอบด้านนะครับ ชาวบ้านอื่นๆที่อยู่ห่างไกล
ยังถูกปลุกปั่นด้วยคำพูด และ ภาพอยู่นะครับ
น่าจะเป็นกรณีศึกษา ให้นักสื่อสารมวลชนลองดูนะครับ