เรื่องนี้คงเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะเขียนในช่วงนี้ครับ หลังจากนี้คงไม่เข้ามาเขียนอีกนาน ส่วนหนึ่งเพราะงานเยอะ อีกส่วนหนึ่งเพราะว่ากลุ่มผู้ชุมนุมก็สลายแล้ว ก็ไม่ได้มี Point อะไรที่จะเข้ามาเขียนเท่าไหร่ จริงๆแล้วยังมีสิ่งที่อยากแสดงความคิดและมุมมองส่วนตัวอยู่ แต่ว่าไม่มีเวลามากนัก แต่อยากทิ้งคำถามไว้ให้ผู้อ่านทุกท่านครับ ให้ลองกลับไปคิดกันดู ว่าอะไรคือต้นเหตุึความขัดแย้งในมุมมองของท่าน? และทำอย่างไรความขัดแย้งนั้นจึงจะไม่เกิดอีกในอนาคต? ...ขอผมทิ้งท้ายไว้ด้วยความคิดเห็นของผมนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่อ่านบันทึกของผมเสมอ ลาก่อนชั่วคราวครับ :)
ในครั้งนี้ เนื่องจากมีปรากฏการณ์ของอดีตนายกฯทักษิณ จึงเกิดการแตกแยกของผู้ึคนในประเทศเป็นหลายกลุ่ม ถามว่า ในอนาคตอันไกลโพ้น ทำอย่างไรปรากฏการณ์นี้จึงไม่เกิด? ครั้งนี้มันผ่านไปแล้ว กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมจึงคงต้องพูดว่า ปล่อยให้มันแล้วไป แต่ครั้งหน้า ลองฟังเรื่องสมมตินี้ดูนะครับ (เป็นเรื่องสมมตินะครับ)
นาย A เป็นนายกรัฐมนตรีที่ชนะการเลือกตั้ง ครองใจประชาชนประมาณ 60% ของประเทศ นาย B ที่อยู่พรรคฝ่ายตรงข้าม สร้างข่าวเสียหายเกี่ยวกับนาย A ขึ้นมา และพยายามปลุกระดมมวลชนให้เกลียดนาย A ผลก็คือ คนประมาณ 40% ของประเทศ เกลียดนาย A แต่คนประมาณ 60% รักนาย A ซึ่งคน 40% นั้น ก็คิดจะทำแบบเดียวกับสิ่งที่เกิดขึ้นมากับประเทศเราในครั้งนี้ คือ พยายามขับไล่นาย A ออกไปโดยวิธีการนอกระบบ คำถามก็คือ ทำไมเราจึงควรเชื่อคน 40% ของประเทศว่านาย A corrupt? ทำไมเราจึงไม่เชื่อคน 60% ที่เหลือ ที่ยืนยันว่าเขาไม่ corrupt?
ความขัดแย้งของประเทศเกิดจากความไม่แฟร์ที่อีกฝ่ายเขารู้สึก ดังที่ผมกล่าวมาในข้างต้น ตัวผมเองมีความเชื่อของผมว่าใครโกงใครไม่โกง แต่ผมเคารพในสิทธิของคนที่เหลือ ผมเชื่อในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ หากเขาเป็นส่วนใหญ่ เขายังเชื่ออย่างนั้นอยู่ สิ่งที่ผมจะทำคือ ผมจะพยายามพูดกับเขา พยายามอธิบายความเชื่อของผมให้เขาฟัง ว่าทำไมผมจึงเชื่อว่าทักษิณเป็นแบบนั้น ไม่ใช่พยายามไปปิดสนามบินบีบบังคับให้เขาเชื่อ (แน่นอนว่าการประท้วงธรรมดาย่อมทำได้) การใช้กำลังบังคับให้คนคิดแบบเรา ท้ายสุดมีแต่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่แฟร์ กำลังของอีกฝ่ายจะถูกก่อตั้งขึ้นมาต่อต้าน ไม่มีที่สิ้นสุด บางท่านถึงกับโจมตีว่าพวกเขาไร้การศึกษา ด่าเสียผู้เสียคน ทำไมไม่คิดบ้าง ว่าคนที่เขามีการศึกษาและอยู่ฝ่ายนั้น เขาก็อาจจะกำลังด่าว่าพวกท่านโง่อยู่เช่นกัน เพียงแต่เขาไม่มีสื่อเป็นเครื่องมือในการโจมตีเท่านั้น
ผมอยากให้เหตุการณ์นี้เป็นบทเรียนสำหรับพวกเราทุกคน การสร้างความไม่ชอบธรรมให้พวกเขา การคอยโจมตีว่าพวกเขาไร้การศึกษา หลงผิด รังแต่จะเพิ่มความโกรธแค้นเท่านั้น นอกจากจะไม่ได้แก้ปัญหาแล้วยังเพิ่มความเกลียดชัง ย้ำให้พวกเขาเชื่อในความไม่เท่าเทียมกันของบุคคล
นอกจากนี้ เรื่องนี้ยังไปไกลถึงขนาดที่ฝ่าย 40% สร้างข้ออ้างที่ว่า "ประชาธิปไตยไม่ใช่มีแต่การเลือกตั้ง" นำมาโจมตีเสียงส่วนใหญ่ ถูกของคุณครับ ประชาธิปไตยไม่ได้มีแค่นั้น ประชาธิปไตยที่ดีประชาชนควรตามข่าวสารและมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง ไม่ตกเป็นเหยื่อของสื่อ ซึ่งหากคุณเชื่อแบบนั้น คุณควรค่อยๆ educate พวกเขาว่าประชาธิปไตยของคุณเป็นอย่างไร ไม่ใช่บังคับจนกระทั่งเสียง 40% ขึ้นมาครองประเทศได้ และเอาเรื่องของศีลธรรมโจมตีอย่างต่อเนื่อง
จบครับ ยินดีรับฟังความเห็นที่กระตุ้นให้ก่อเกิดปัญญา
ปล. ผมรับเงินทักษิณมาโพสต์ครับ ถ้าคิดจะด่าเรื่องนี้ ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมรับเองแล้ว
เอาอีกแล้วอาจารย์
ปล. อีกแล้ว เฮ้อ
จะปล.กันทำไมค่ะเนี๊ยะ
พูดเหมือนลุงผอ.เลย
อะไรคือต้นเหตุความขัดแย้ง
กอก็คิดมาสี่เดือนแล้ว
ยังตอบลุงผอ.ไม่ได้
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีครับกอ
ผมแค่บ่นๆน่ะครับ หลังๆผมไม่ค่อยพอใจกับสื่อที่พยายามทำเหมือนผู้ชุมนุมเป็นผู้ก่อการร้าย และพยายามมองข้ามพวกเขาน่ะครับ อย่าคิดอะไรมากเลยครับ สบายๆ :-)
คิดว่าอยากสื่อสารเรื่องของสื่อทุกวันนี้ที่ค่อนข้างจะไร้จรรยาบรรณเป็นส่วนหนึ่ง ไม่สื่อให้คนเห็นความเป็นจริง แต่กลับเป็นเครื่องมือให้กลุ่มที่มีอำนาจในขณะนั้น ยกตัวอย่างง่ายๆ กับสีหนึ่งใช้คำว่า "พันธมิตรฯ" กับสีหนึ่งใช้คำ"กลุ่มคนเสื้อ..." น่าคิดไหมครับว่าอะไรคือบรรทัดฐานของสื่อในการเรียกกลุ่มผู้ชุมนุม(แค่ยกตัวอย่างนะครับอย่าคิดมาก)
ปล.เงินทักษิณไม่เคยได้ครับ อยากได้อยู่เหมือนกัน
"เชื่อ" กับ "ไม่เชื่อ" เกิดขึ้นในความคิด ^^ เชื่อทั้งสองฝ่ายในบางเรื่อง และไม่เชื่อทั้งสองฝ่ายในหลายๆ เรื่อง มีเอกสารอ้างอิงเกี่ยวกับการโจมตีฝ่ายตรงข้ามเยอะมากที่เคยผ่านตา คิด(เอาเอง)ว่า..ฝ่ายไหนก็ตามย่อมมีข้อมูลโจมตีอีกฝ่าย และเมื่อเชื่อสนิทใจก็จะไม่ยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายโต้ตอบกลับมา
ดูข่าวจากทีวี แล้วก็รู้สึกว่า..มันอยุติธรรมไปหรือเปล่าที่ออกข่าวบิดเบือนไปจากความเป็นจริง
จริงๆ แล้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อสีไหนก็คนไทยด้วยกันเนอะ ^^
ป.ล.กินเงินเดือนจากรัฐสภา ไม่ว่าจะเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง เรืองอำนาจ อิอิ
สวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณพันคำ
ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยมครับ ผมก็กังวลอยู่เหมือนกันครับว่าคำพูดผมจะ offend คุณหรือเปล่า แต่ดูแล้วเหมือนคุณจะไม่ืถือ :)
คุณเหรียญชัยน่าจะอ่านที่ผมโพสต์สักหน่อยก่อนตอบนะครับ
คุณต้อยติ่งครับ,
พอคุณทักขึ้นมาผมก็รู้สึกแล้วเหมือนกันครับ นั่นสินะครับ สมัยเสื้อเหลืองปฏิบัติการ สื่อไม่ได้เรียกพวกเขาว่าเสื้อเหลือง
สวัสดีครับคุณเนปาลี,
ข่าวในช่วงหลายวันมานี้ ยิ่งดูยิ่งไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งคิดยิ่งเจอจุดน่าสงสัย อยากจะเอามาวิเคราะห์ให้ฟังกันบนนี้ แต่ก็กลัวผิดกฏหมายความมั่นคงอีก
ไม่เข้าใจว่าทำกรรมอะไรไว้นะครับ ผมไมได้เชียร์ทักษิณอยู่แล้ว ก็กลายเป็นว่าตัวผมต้องถูกจำักัดเสรีภาพเพราะสิ่งที่สร้างขึ้นมาจัดการกับทักษิณอีก คิดถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วประสาทจะเสื่อมครับ
สวัสดีครับคุณเด็กข้างบ้าน
ผมว่าประเทศชาติตอนนี้ก็ใกล้จะล่มจมแล้วนะครับ
ที่่บ้านเราหาข้อตกลงกันไม่ได้ซักทีก็เพราะว่ามีคนจำพวก self-centric อยู่เยอะน่ะครับ เขามีภาพของสิ่งที่เขามองว่าอุดมคติอยู่ แล้วไม่ยอมให้เป็นอย่างอื่นนอกจากแบบนั้นเท่านั้นโดยไม่แคร์ว่าคนอื่นเขาต้องการแบบไหน
ตราบใดที่คนยังไม่คิดจะสื่อสาร ก็ยังต้องรบกันต่อไปเรื่อยๆน่ะครับ
ผมว่าเป็นมุมมองอีกแบบ สำหรับคนที่รับรู้ข่าวสารจากเมืองนอกซึ่งแตกต่างไปจากเมืองไทย... และ เข้าใจความคิดผู้เขียน ส่วนลึกๆ ไม่ได้มีเจตนาในการแบ่งฝัก แบ่งฝ่ายอะไร เผอิญผมอ่านแล้วแยกแยะออกครับ ถ้าทำใจเป็นกลางก็อ่านได้..และให้ความรู้อีกแบบ สังคมไทยวันนี้ ..ถ้าถ้าวิจารณ์ฝ่ายใด ต้องวิจารณ์เท่าๆ กันทั้ง 2 ฝ่าย เกือบจะเป็นกฏตายตัวไปแล้ว ..มิฉนั้นจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นพวกอีกฝ่ายทันที ถูกจำกัดสิทธิในการแสดงความคิดเห็นที่เป็นของตนเอง ..ผมว่า รับฟังความคิดคนหนุ่ม คนรุ่นใหม่ดูบ้าง คารมการเขียนอาจจะตรงๆ ไม่ปรุงแต่ง.. ก็เป็นแบบเฉพาะ ไม่อยากให้น้องเสียกำลังใจ .. แต่สิ่งที่ผมชอบคือ.. เปิดดูประวัติน้องผู้เขียน สิ่งที่คุณเกลียด ..ค่อนข้างเหมือนกันเลย ครับ
สวัสดีครับ BBy,
ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยม ผมมักจะเขียนตรงๆตามที่ผมคิดตลอดน่ะครับ แล้วก็ไม่ได้ใช้เวลากับการปรุงแต่งภาษา อาจจะอ่านติดขัดบ้างนะครับ :)
สวัสดีครับคุณมนัญญา
ผมเชื่อว่า การบังคับให้คิดตาม นอกจากจะไม่ทำให้คนเชื่อแล้ว ยังทำให้คนต่อต้านยิ่งขึ้นนะครับ
อ่านบันทึกนี้แล้ว ได้ข้อสรุปท่อนสุดท้ายนี่เองว่า
เงินทักษิณ = ประชาธิปไตย
ไม่น่าอธิบายให้ยืดยาว
ฉลาดมากครับ!