ไม่ได้เขียนบล็อกเสียนาน มาถึงปุ๊บก็เริ่มกดแป้นเขียนเรื่องการเมืองซะละ ชื่อ title ของผมได้แรงบันดาลใจมาจากการอ่านการ์ตูนนารูโตะ ซึ่งในเวอร์ชันภาษาอังกฤษเขามีการใช้คำว่า Chain of Hatred (ห่วงโซ่แห่งความเกลียดชัง) ผมว่าคำนี้บรรยายสถานการณ์บ้านเมืองเราได้ดีเหลือเกิน
ในการ์ตูนใช้คำนี้เพื่อสื่อถึงวงจรอุบาทว์ (Vicious cycle) ที่ต่อเนื่องกันมาเนื่องจากความเกลียดชังไม่สิ้นสุด นาย A เกลียดนาย B จึงไปแก้แค้น ลูกของนาย B จึงเกลียดนาย A ไปด้วยเพราะพ่อถูกกระทำ จึงกลับมาแก้แค้นนาย A อีก หลังจากนั้นภาระความแค้นก็ตกไปที่ลูกของนาย A อีก ต่อเนื่องไปเรื่อยๆแบบไม่มีที่ิสิ้นสุด ก็อาจจะเรียกได้ว่าเป็น infinite chain of hatred
ทีนี้ หากเราคิดจะแก้ปัญหานี้ควรจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดวงจรอุบาทว์แบบนี้ขึ้น ไม่ว่าถามใครก็ตามคงตอบ(ทุบโต๊ะก่อนตอบ) ว่า คำตอบที่ง่ายที่สุด ก็คือ ลองมองไปที่จุดเริ่มต้นของ chain ว่าปัญหาเกิดที่ไหน แล้วแก้ตรงนั้น ก็จบ .... นั่นเป็นคำตอบที่ฉาบฉวยมาก ....
คำถามของผมก็คือ มันจบจริงหรือ? ปัญหานี้ไม่ง่ายแบบนั้นหรอกครับ
ลองคิดง่ายๆ ตอนนี้บ้านเมืองเราแตกออกเป็นหลายๆก๊กอย่างน้อยสามก๊ก
1. เหลือง -- ในมุมมองของเสื้อเหลืองคงบอกว่า chain เป็นประมาณนี้
ทักษิณโกงชาติ --> ต่อต้านทักษิณ --> รัฐประหาร --> พปช.ซื้อเสียง --> ปิดสนามบิน --> แดงออกมา
ดังนั้นเสื้อเหลืองคงกล่าวว่า จัดการทักษิณได้ก็คือจบ เพราะทักษิณเป็นต้นเหตุของปัญหา
2. แดง -- ลองมาดูมุมมองของแดงกันบ้าง
รัฐประหาร (ทำลายสิทธิคนจน) --> ทนไป --> ปิดสนามบินพลิกขั้วรัฐบาล (ทำลายสิทธิซ้ำสอง) --> ไม่ทนแล้ว
3. สำหรับคนที่ยังไม่เลือกข้าง บางคนอาจจะมองเห็น chain แบบแรก บางคนอาจจะมองเห็นเป็นแบบที่สอง แต่เนื่องจากยังไม่ชอบการกระทำของทั้งสองฝ่าย จึงไม่เข้ากับฝ่ายใด โอเค ไม่เลือก ไม่ว่ากัน
คนที่กำลังคิดอยู่ว่า กลับไปที่ต้นเหตุแล้วจบ ลองคิดดูดีๆนะครับ หากทั้งสองฝ่ายยังมองเห็นภาพของต้นเหตุไม่ตรงกันอยู่ แล้วมันจะจบได้อย่างไร? การกลับไปที่ต้นเหตุของฝ่ายหนึ่ง กลับกลายเป็นการต่อห่วงโซ่ของอีกฝ่ายหนึ่งให้ยาวขึ้นไปอีก แล้วอีกอย่างเหลืองกับแดงต่างฝ่ายไม่ใช่กลุ่มเล็กๆ แต่ใหญ่พอที่จะสั่นคลอนประเทศได้ การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของอีกฝ่าย โดยการทำลายความเชื่อที่เป็น ground ของอีกฝ่าย ผมว่าไม่น่าจะใช่ทางออก ตราบใดก็ตามที่เรายังไม่ได้มองที่จุดยืนของอีกฝ่ายหนึ่งแล้วร่วมมือกันแก้ปัญหา ห่วงโซ่แห่งความเกลียดชังก็จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
ลองคิดดูสักหน่อยนะครับ หากสีแดงชนะรัฐบาลยุบสภาแล้ว ชาติจะสงบหรือ? ก็คงเหมือนเดิม วงจรอุบาทว์เดิมๆ อาจจะได้เห็นการปิดสนามบินรอบสองกันอีก สีแดงไม่ควรคิดว่าการยุบสภาเพื่อให้ได้อำนาจคืนเป็นจุดจบของทุกอย่าง จะทำอย่างไรกับเสื้อเหลืองที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกันอยู่หรือครับ? ผมว่าเสื้อแดงน่าจะตอบคำถามนี้ให้ได้ก่อนที่จะดำเนินการขั้นถัดไปนะครับ
แล้วคิดอีกทางล่ะ หากรัฐบาลมองไปแต่ว่าต้นเหตุของปัญหาคือทักษิณโดยที่ไม่ได้มองความสำคัญของเสียงชาวไร่ชาวนาที่เขาเข้ามาเรียกร้องกันอยู่ (แถมเอาแต่ด่าพวกเขาว่ารับเงินทักษิณ) แม้จะจับตัวทักษิณมาลงโทษได้? แล้วไงครับ? ถ้าไม่ไขข้อกังขาให้พวกเขา อย่าคิดว่าประเทศจะสงบได้ง่ายๆหรอกนะครับ? หรือคิดจะแบ่งแยกประเทศกัน จึงไม่ต้องแคร์พวกเขา?
infinite chain of hatred ......
ขอบคุณมากค่ะ ในความชัดเจน
ขอบคุณมากครับ อาจารย์ปริญญา :)
ชอบวิธีคิดของบันทึกนี้มากครับ ... ผมว่า ... ปัญหาทุกอย่างมีทางแก้ไข แต่ใส่รายละเอียดในคนทุกระดับ ... เพื่อความเข้าใจร่วมกัน
infinite chain of hatred ... ไม่ใช่มองที่ต้นตอเสียทีเดียวจริง ๆ ครับ
สวัสดีครับครูอ้อย
ขอบคุณครับที่เข้ามาเยี่ยม
สวัสดีครับ
สวัสดีครับคุณ Wasawat,
ผมก็เชื่อว่าปัญหามีทางออกเสมอเช่นกันครับ แต่เหมือนกับว่าแต่ละฝ่ายมักจะเลือกการกระทำที่ไม่คำนึงถึงอีกฝ่ายอยู่ตลอดเวลาเลยนะครับ ทั้งแดงทั้งเหลือง วันหนึ่งต้องแยกประเทศจริงๆเผลอๆยังไม่รู้สาเหตุเสียด้วยซ้ำ (เพราะมัวแต่โทษอีกฝ่ายอยู่)
สวัสดีครับคุณเด็กข้างบ้าน,
หากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป การแยกประเทศแค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นแหละครับ อาจจะไม่นานเกินรอครับ
สวัสดีครับคุณพันคำ,
ไม่อยากให้ตอบ ทักทายแทนนะครับ :-)
จิตใจมันเศร้าจริงๆ พอมาอ่านแนวคิดของหลายๆท่านก็เออ... ค่อยคลายความเศร้าไปมั่ง
สวัสดีครับคุณ saard2552
:-)