โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ธาตุพนม
ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่ชีวิตมนุษย์ใยจะหลีกหนี เกิด แก่ เจ็บตาย ไปไหนพ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่รอคอยความตายอย่างทุกข์ทรมานและสิ้นหวัง เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นที่ ไอซียู ขนาดเล็กของ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ซึ่งเป็นโรงพยาบาลของรัฐอยู่ในความดูแลของกระทรวงสาธารณสุข
เมื่อประมาณกลางปี 2551 มีเรื่องประทับใจเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมงานในตึก ไอซียู เกิดขึ้น ก่อนที่คุณตาท่านหนึ่งจะขอกลับไปสิ้นลมที่บ้าน มีคนเคยให้ความหมายของ การดูแลคนไข้ระยะสุดท้าย คือ การดูแลผู้ป่วยที่รอคอยความตายอย่างสิ้นหวัง และทุกข์ทรมาน อย่างสมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ให้ปล่อยวางและจากไปอย่างสงบ เต็มความรู้ความสามารถ ของทีมผู้ดูแล ทั้งแพทย์เจ้าของไข้ พยาบาล รวมทั้งเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายในองค์กร ญาติ และตัวผู้ป่วย ร่วมด้วย คุณตาท่านนี้ เป็นที่คุ้นเคยของเหล่าเจ้าหน้าที่อุบัติเหตุ ฉุกเฉิน หอผู้ป่วยหนัก หอผู้ป่วยในชาย ว่ากันว่าคุณตาเข้ารับการรักษาครั้งใด ไม่มีสักครั้งที่จะไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจ( ET – tube )และจับจองพื้นที่เล็กๆที่ไอซียู 1 เตียง และ 1 เครื่องช่วยหายใจ คุณตาเป็นคนไข้ที่น่ารักปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์เจ้าของไข้ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ อย่างดี ประมาณ 1-2 วันของการใส่เครื่องช่วยหายใจ คุณตาก็จะสามารถหย่าเครื่องช่วยหายใจ และสามารถหายใจเองได้ และย้ายไปรักษาที่หอผู้ป่วยชายตามลำดับ ตลอดระยะเวลา 3 ปี กับการถือกำเนิด หอผู้ป่วยหนักของเรา จำได้ว่าคุณตาน่าจะนอนครบทุกเตียง และใช้เครื่องช่วยหายใจครบทุกเครื่องก็ว่าได้ คุณตาเข้าออกโรงพยาบาลด้วยอาการของระบบทางเดินหายใจเป็นระยะเวลาหลายปี จนครั้งล่าสุด แพทย์เจ้าของไข้วินิจฉัยว่าคุณตาเป็นไตวายเรื้อรัง ต้องรับการรักษาด้วยการฟอกไต ญาติซึ่งประกอบด้วย ภรรยาคู่ชีวิต ลูกสาว ลูกชาย รวมทั้งตัวคุณตารับฟังแผนการรักษาจากแพทย์เจ้าของไข้ ภรรยาคู่ชีวิต และผู้สืบสายโลหิต ยินยอมพร้อมใจที่จะฟอกไตเพื่อซื้อ และยื้อ ชีวิต คุณตาไว้ เพราะการHemodialysisหรือการฟอกไตนั้นเป็นการรักษาที่ เป็นค่าใช้จ่ายที่นอกเหนือสิทธิบัตรทอง บัตรผู้สูงอายุ นัยว่าคือค่ารักษาที่ต้องจ่ายเอง ทั้งหมด แม้ปัจจุบันจะมีหน่วยงานของรัฐมาช่วยลดค่ารักษาลงบ้าง แต่เพียงน้อยนิด คุณตาตัดสินใจไม่ฟอก ปฏิเสธการรักษาด้วยการฟอกไต หากถอดเครื่องช่วยหายใจไม่ได้ครั้งนี้ก็ขอกลับไปตายที่บ้าน ด้วยให้เหตุผลว่า “ เก็บเงินไว้ เก็บนาไว้ ให้ลูกหลาน เฮา แม่บักหำ”
จากการที่คุณตาตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะไม่ฟอกไต แพทย์เจ้าของไข้ก็ได้ทำการรักษาคุณตาตามอาการ คือการขับของเสียออกมาทางปัสสาวะ และอุจจาระ เพื่อพยุงอาการคุณตาไปเรื่อยๆแต่ก็ไม่สามารถขับของเสียออกมาได้มากพอ ถ้าชีวิตคือการเดินทาง ทุกคนมีข้อจำกัดของการเดินทางเหมือนกันคือ เวลาและสังขาร เมื่อเป็นเช่นนั้นเราไม่อาจเปลี่ยนใจคุณตา ซึ่งเป็นคนไข้ได้ว่าควรจะทำการฟอกไต ทีมเจ้าหน้าที่ซึ่งใช้คำแทนตัวว่าผู้หญิงส่องสว่าง นางผู้ถือตะเกียงตามรอยมิสฟอร์เรนส์ไนติงเกล เริ่มเตรียมความพร้อมญาติ และตัวคูณตา โดยให้ข้อมูลญาติ ถึงอาการ และข้อมูลการรักษาที่ให้ ด้วยความเต็มใจ และเอื้ออาทร ต่อหัวใจที่บอบบางตามความเป็นจริง พยาบาลเจ้าของไข้ น้องผู้ช่วยเหลือคนไข้ น้องคนงาน เริ่มพาคุณตาสวดมนต์ พาคุณตาแผ่เมตตา ตั้งสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ รวมถึงเมื่อคุณยายภรรยาคู่ชีวิตเข้ามาเยี่ยมก็จะเปิดโอกาสให้คุณยายได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณตาให้มากที่สุด ให้คุณยายอ่านหนังสือธรรมะ พาคุณตาแผ่เมตตา รวมทั้งบรรดาลูกหลานที่ทยอยกันมาเยี่ยมไม่ขาดสาย ในวินาทีเป็นนาทีตายที่คาบเกี่ยว ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้ขอความร่วมมือและพูดคุยกับญาติ ก่อนเยี่ยมว่า ให้พูดคุยกับคุณตาถึงเรื่องที่สร้างความจรรโลงใจความสบายใจและไม่ร้องไห้ให้คุณตาเห็น เพราะมันจะทำให้คูณตาทุกข์และกังวลใจ มีคนเคยบอกไว้ว่า งานที่ทำด้วยหัวใจที่อ่อนโยนต่อความเป็นมนุษย์เป็นมากกว่าภารกิจที่ทำตามหน้าที่ แต่เป็นความดีที่หล่อเลี้ยงชีวิต คงจะจริงดั่งว่า คุณตาใส่เครื่องช่วยหายใจในการรักษาครั้งสุดท้ายเป็นเวลา 7 วันเต็ม เช้าวันที่ 8 ของการรักษา ซึ่งตัวผู้เขียนเองขึ้นเวรเช้า คุณตาขอปากกากับกระดาษ เพื่อสื่อสารกับพยาบาลกับน้องผู้ช่วยเหลือคนไข้ ว่าขอถ่ายรูปกับคุณหมอคุณพยาบาล คุณตาเป็นคนไข้คนแรกที่ขอถ่ายรูปในขณะที่ตัวเองยังใส่เครื่องช่วยหายใจ ยกมือขึ้น2 นิ้วว่าสู้โว๊ย หรือพร้อมแล้ว ก็มิอาจรู้ได้ หลังจากถ่ายรูปเสร็จคุณตาสื่อสารว่าต้องการกลับบ้าน ซึ่งแพทย์เจ้าของไข้อนุญาต และให้เซ็นต์คำยินยอมของผู้ป่วยและญาติ ว่าขอกลับบ้าน
อ้อมกอดของความตายรออยู่ ที่นั่นมีอะไรนะ มีบ้าน มีความรัก ซึ่งหมายถึงคนที่รักเราและคนที่เรารักรอเราอยู่ แอบคิดได้วูบเดียวก็ยกตาขึ้นเปลนอนรถส่งคนไข้ของโรงพยาบาล คุณตายกมือขึ้นไหว้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคน หลังจากนั้นอีก 2 วันคุณตาก็จากโลกนี้และโรคไตวายเรื่อรังไปอย่างสงบ รูปภาพอันแสนประทับใจ ใบนั้นภรรยาคู่ชีวิตยังเก็บไว้ และยังแวะเวียนเอาข้าวของเล็กๆน้อยที่แสดงน้ำใจ มาให้เจ้าหน้าที่ไอซียูมิได้ขาด
มะขามหวานหอบมาฝากช่วงหน้าหนาว
หอบข้าวเม่ามาให้ปลายหน้าฝน
ปลาน้ำโขงเขตน้ำก่ำ ปุ่นมาให้ได้กินกันทุกคน
เหตุที่ขนมาฝากเจ้า เพราะความดี
นี่คือ สายใย อ้อมกอดของความตายของคุณตาท่านนี้ค่ะ
ผู้หญิงส่องสว่าง งานหอผู้ป่วยหนัก
รุ่นบุกเบิกโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ธาตุพนม
บรรยายถ้อยคำอักษร
บ้าน อบอุ่นที่สุด ท่ามกลางคนที่เรารัก ผูกพันค่ะ
ซึ้งจังเลย น่าสงสารคุณตาจังเลยนะ แต่ก็ทำดีแล้งคนเราเกิดมาตายกันทุกคน จริงไม
น่ารักจังคนจนก็ทำได้แค่นี้แหละ คุณตาจงภูมิใจ คุณตาก็น่ารักดีนะ
ประทับใจมากค่ะ ดูแลด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์จริงๆ