เครียดนัก...หยุดพักก่อน
1. รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง
จริง ๆ แล้วสุภาษิตหรือคำพังเพย “รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง” มีความหมายในเชิงลบหมายถึงคนที่หลบเลี่ยงงานอยู่เสมอ แต่สำหรับการแก้ไขปัญหาความเครียดต้องใช้เคล็ดลับนี้ คือ หากรู้สึกว่าตัวเองเครียดสุด ๆ จนทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ให้ “หลบ-เลี่ยง-หนี” จากสถานการณ์ตรงนั้นทันที หายดีเมื่อไหร่ค่อยกลับมากว่ากันใหม่ เพราะถ้าอยู่ต่อไป อาจจะเสียมากกว่าได้อาจจะถึงขั้นมีปากเสียงหรือทำงานต่อไปก็ยิ่งผิดพลาด ยิ่งหนักหนาสาหัสมากกว่าเดิม
2. ปรึกษาผู้รู้ใจ
จะไปหาหรือโทร.หาก็ได้ไม่ว่ากัน เพราะในยามที่เราเครียด เราไม่ควรเก็บความขุ่นข้องหมองใจไว้คนเดียว ต้องหาที่ระบายออก โดยการหาเพื่อนสักคนที่รู้ใจและเข้าใจอยู่เคียงข้าง เป็นคู่คิด เป็นที่ปรึกษา คอยรับฟังปัญหาและช่วยกันหาหนทางแก้ไข
3. สร้างกำลังใจให้ตนเอง
เราอาจจะได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างมากมาย หรือไม่ได้รับกำลังใจจากใครเลย แต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับกำลังใจที่เรามีให้ตัวเอง ดังนั้นเวลามีปัญหาอย่างเพิ่งเครียด ต้องคิดว่า ปัญหามา ปัญญามี เพราะปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ให้กลุ้ม และทุกปัญหาย่อมมีทางออกเสมอ บางครั้งเราก็ต้องทำตัวเหมือนต้นไผ่ที่ลู่ตามลม ยอมงอเพราะจะได้ไม่หัก ยอมหลบ เพราะจะได้ไม่ชน ยอมถอยเพื่อรอคอยโอกาส และยอมอ่อนข้อให้ เพื่อชัยชนะที่แท้จริง
4. คิดในเชิงบวก
อย่าวิตกจริตหรือกังวลใจไปในทางลบ ต้องมองโลกในแง่ดี และคิดบวกไว้เสมอ เพราะบางครั้งปัญหาที่เราได้ประสบพบเจอ ก็ไม่ใช่ปัญหาของเราคนเดียว มันเกี่ยวร้อยและโยงใยกันเป็นลูกโซ่ บางครั้งการแก้ไขปัญหาในส่วนอื่น ๆ ก็อาจจะส่งผลให้ปัญหาของเราได้รับการแก้ไขไปด้วย และหลาย ๆ ครั้งที่วันเวลาก็ช่วยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ให้คลี่คลายลงไป โดยที่เราแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย
5. จินตนาการถึงอนาคตอันงดงาม
จะเหนี่ยล้าหรือท้อแท้อย่างไร แต่พรุ่งนี้ต้องเป็นวันของเรา หากเบื่องาน เบื่อสิ่งแวดล้อม ให้คิดถึงอนาคตอันสดใสของเรา ดังนั้นอะไรหากพอจะทนได้ ก็ต้องทนต่อไป เพราะไม่มีใครหรอกที่ทำงานแล้วไม่มีปัญหา ใครที่คิดร้ายกับเรา ทำไม่ดีกับเราไว้ ยังไงก็ต้องแพ้ภัยตัวเอง เพราะเวรกรรมมีจริง ใครทำอะไรไว้ก็มักจะได้อย่างที่ทำ ทำความดีไว้นั่นแหละดีที่สุด ทั้งสดใส สดชื่น รื่นรมย์และไม่เครียด
สำหรับผู้เขียนก็ทำได้บ้างเป็นบางข้อ โดยเฉพาะข้อปรึกษาผู้รู้ใจ อ๊ะ อย่าคิดมาก เพื่อนร่วมห้องพักของข้าพเจ้านั่นเอง ก็อยากให้ผู้ที่มาเยี่ยมชมบันทึกเรื่องนี้ลองไปทำดูแล้วกัน เผื่อจะหายเครียด
ที่มา : นิตยสารกุลสตรี