วันหนึ่งในขณะที่แม่ต้อยกำลังวุ่นวายกับภารกิจประจำวันดังเช่นเคย ก็มีเสียงโทรศัพท์ กรีดร้อง ดังเข้าเครื่องระรัวแบบถี่ยิบ
เมื่อมองดูชื่อผุ้เรียกสายที่หน้าจอก็ปรากกว่าเป็นชื่อของเพื่อนแม่ต้อยคนหนึ่ง เธอเป็นรองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แม่ต้อยกับเพื่อนคนนี้ เราสนิทกันมาก เนื่องด้วยในการเข้าอบรมหลักสูตร วปอ. เราทั้งคู่เป็นเหมือนคู่แฝดเพราะนอนห้องเดียวกันตลอดการดูงานเลยทีเดียว หลายครั้งหลายครา และอาจจะถึงบัดนี้มีใครต่อใครยังคิดว่าแม่ต้อยทำงานที่การท่องเที่ยวด้วยซ้ำไป( ตัวจริงก็ชอบท่องเที่ยวด้วยคะ .. ได้ไปทำงานก็ดีนะสิคะ)
“ นี่ พี่.. หนู เห็นหนังสือฉบับหนึ่งเขาลงเรื่องที่พี่ให้สัมภาษณ์ ด้วยนะ โอ้โฮ เดี๋ยวนี้ดังน่าดู”
“ หนังสือ อะไร ๆๆๆ ? แม่ต้อยชักตื่นเต้นตาม แหม นานๆ จะมีโอกาสได้ลงข่าว จริงหรือนี่. คุณพระช่วย”
เพื่อนแม่ต้อยคนนี้เธอทำงานด้านการท่องเที่ยวดังนั้นพวกเราจะคุ้นเคยกับบทบาทเธอให้การให้สัมภาษณ์หน้าจอทีวี หรือตามข่าวในหนังสือพิมพ์ นิตยสารต่างๆเป็นประจำ แต่สำหรับคนทำงานแบบแม่ต้อย การที่ใครๆได้เจอเรื่องราวในหน้าหนังสือแมกกาซีนจึงย่อมเป็นของแปลกแน่ๆ
เธอคงตื่นเต้นกับการออกงานครั้งแรกของแม่ต้อยกระมัง จนต้องโทรมาหาเลยทีเดียว อิ อิ ขอบคุณนะคะ
แม่ต้อยไม่รอช้ารีบบึ่งไปที่ร้านหนังสือทันที หนังสือฉบับนี้ไม่ได้มีขายทุกที่นะคะ ขอบอก เพราะว่าร้านเล็กๆเขาไม่เอามาขาย เพราะเป็นนิตยสารออกใหม่( กลัวขายไม่ได้ ) เป็นนิตยสาร สำหรับผู้หญิงคะ แม่ต้อยเองก็ไม่เคยอ่านเช่นกัน ( ไม่เคยเห็นด้วยคะ แถมอีกดอกหนึ่ง )
เมื่อเห็นรูปและคำสัมภาษณ์ที่เขาเขียนไว้ จึงถึงบางอ้อคะ ระลึกได้ว่าในคราวที่ทางสถาบันฯ จัดประกวดภาพวาดเด็กนักเรียนในหัวชื่อเรื่อง” โรงพยาบาลในฝัน” เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กได้แสดงความคิด ความต้องการผ่านภาพวาดอันเป็นจินตนาการและศิลปะอันละเอียดอ่อนนั้น ในวันแถลงข่าว เราได้เชิญคนดังๆ ที่มีความสนใจด้านการวาดภาพมาด้วย เช่นคุณครู สังคม ทองมี คุณ น้าผึ้ง ณัฐริกา ดาราภาพยนตร์คนสวย รวมทั้งดาราเด้กๆ เช่นน้องพลอย มากระทบไหล่แม่ต้อย และอาจารย์ อนุวัฒน์ ด้วย
และเนื่องจากมีคนดังมามากมาย จึงมีสื่อมวลชนให้ความสนใจ ตามไปด้วย
เมื่องานแถลงข่าวเสร็จ ทุกคนกลับหมด เหลือเพียงแม่ต้อยนั่งรอรถกลับบ้าน ( น่าสงสาร) และก็เหลือนักข่าวผู้หญิงคนหนึ่ง น้องเขารอเพื่อนที่นัดกันไว้มารับเหมือนกัน วันนั้นเป็นเย็นวันศุกร์ รถยนต์ บนท้องถนน ติดมาก เราทั้งสองจึงมานั่งคุยกัน คล้ายๆฆ่าเวลาอะไรทำนองนั้น
เรานั่งคุยกันเรื่อยๆ สบายๆ ไม่เร่งรีบ เพราะต่างคนต่างรอเวลากลับบ้าน
น่าแปลกใจที่เมื่อแม่ต้อยมาอ่านในหนังสือฉบับนี้ การเกริ่นนำ หรือประโยคสำคัญ ทำให้เจ้าของเรื่องเช่นแม่ต้อยเอง ยังอยากอ่าน ว้าววว ทำไมเก่งอย่างนี้นะ (55555)
นี่เป็นประโยคสำคัญที่เขาเขียน
“ การที่ผู้หญิงจะดำรงตำแหน่งในองค์กร ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..ในโลกการทำงานยุคปัจจุบัน...เพียงแต่ผุ้หญิงเหล่านั้นจะอยู่บนเส้นทางที่เลือกได้ ต้องมีจุดมุ่งหมาย ความมุ่งมั่น และไม่ไขว้เขวไปทางอื่น ซึ่งนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย...แต่สำหรับเธอคนนี้ ชีวิตการทำงานของเธอเลือกบนเส้นทางที่เกี่ยวกับงานสาธารณสุขมาตลอด.. ตั้งแต่เป็นนักวิชาการ ผู้อำนวยการกองแผนงานและวิชาการที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จนกระทั่งปัจจุบัน เธอดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล ซึ่งเป็นองค์กรหนึ่งที่สำคัญในงานด้านสาธารณสุข”
ลองอ่านบางส่วนที่แม่ต้อยเอามาเล่าต่อนะคะ
เสน่ห์ หรือความประทับใจในการทำงานคืออะไร?
“ สิ่งที่ประทับใจ ในการทำงานที่นี่( ที่พรพ.) คล้ายกับการปิดทองหลังพระ แม้เราจะไม่โดดเด่นอะไรมากมาย แต่สิ่งที่ทำลงไปเป็นประโยชน์ ต่อประชาชน ต่อระบบคุณภาพ ทำให้โรงพยาบาลทำงานมีคุณภาพขึ้น.. ประชาชนได้รับสิ่งที่มีประโยชน์มากขึ้น..มีความปลอดภัย... เราก็มีความภาคภูมิใจว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้มาอยู่เบื้องหลังการทำงานตรงนี้...”
“ความภาคภูมิใจตั้งแต่ตั้งต้นการทำงานคืออะไรคะ?
“ความภาคภูมิใจในชีวิตการทำงาน เพราะว่าได้ทำในสิ่งที่ชอบ เพราะเราทำงานเกี่ยวกับโรงพยาบาลมาตลอดตั้งแต่จบมาใหม่ๆ ได้เห็นวิวัฒนาการของโรงพยาบาลตั้งแต่ ๓๐ ปีที่แล้ว..จนถึง ปัจจุบันนี้ซึ่งมีความแตกต่างกันมาก..ตรงนี้เป็นความภูมิใจอย่างเงียบๆๆ.. เคยเห็นตั้งแต่โรงพยาบาลเป็นเรือนไม้ หลังเล็กๆ จนกระทั่งปัจจุบันมีความทันสมัย มีมาตรฐานการทำงาน และยังมีการทำงานที่ผสมผสานด้วยความรักอีก จึงเป็นความภาคภูมิใจ..
“ อีกสิ่งหนึ่งคือ ไม่ว่าจะทำงานที่ไหน จะได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาและผู้ร่วมงานทุกคน.ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน.”
มีอุปสรรคในการทำงานบ้างไหมคะ?
“ อุปสรรค ในการทำงาน ที่นี่นับว่าค่อนข้างมีมากในระยะเริ่มต้น เพราะที่เรามาทำงานตรงจุดนี้ เราเริ่มจากคนที่มีไม่ถึง ๑๐ คน เป็นองค์กรที่พัฒนามาจากโครงการวิจัย ระยะแรกที่มาทำงานไม่มีงบประมาณที่ไหนมารองรับอย่างชัดเจน เราจึงต้องใช้ศักยภาพของคนที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่..พยายามให้หน่วยงาน อื่นๆ ยอมรับในผลงานของเรา... ซึ่งโชคดีที่หน่วยงานต่างๆได้เห็นคุณค่าการทำงานตรงนี้ และช่วยสนับสนุนกันมา...”
“ ท้อกับการทำงานไหม?”
“ เหนื่อยแต่ไม่ท้อ เพราะเป็นคนชอบทำงาน แต่ถ้าเหนื่อยมากจะพักสักนิดให้รู้สึกดีขึ้น หรือถ้าทำงานแล้วมันติดขัด มีปัญหาเราก็จะตั้งสติ เมื่อตั้งสติแล้วก้จะให้กำลังใจตัวเอง..
ส่วนเรื่องสุขภาพ ตอนนี้สุขภาพเริ่มไม่ค่อยดี ต้องไปตรวจร่างกายทุก ๒เดือน..พยายามออกกำลังกายและดุแลเรื่องอาหารการกินให้สอดคล้องกับอายุ..
เรื่องจิตใจก็สำคัญ การไหว้พระสวดมนตร์ช่วยทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน และมีความสุขกับสิ่งที่เรามีอยู่ มันก็ช่วยได้มาก..และคิดดี ..ทำดี ..ก็จะทำให้สุขภาพดีขึ้นด้วยคะ”
“ คิดอย่างไรกับผู้หญิงทำงานในยุคปัจจุบันคะ?”
“ การเป็นผู้หญิงไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถทำงานได้เท่าเทียมกัน และคิดว่าผู้หญิงอาจจะต้องทำงานมากกว่าผู้ชายจึงจะได้รับการยอมรับ แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ผู้หญิงเก่งขึ้นมาก สามารถทำอะไรที่ละเอียดรอบคอบกว่า งานบางอย่างจะไม่แข็งกระด้างจนเกินไป.. มีความอ่อนโยนอยู่ในตัว กับความแข็งแกร่งอยู่ภายใน..และทำให้ความแข็งแกร่งภายในนั้นเกิดเป้นความงามออกมา....”
“ จะฝากถึงคนที่จะเข้ามาทำงานเกี่ยวกับระบบสุขภาพหรือโรงพยาบาลอย่างไรคะ?”
“ ต้องมีความรักในงานนั้น..ให้ใจกับงาน..มีเป้าหมายว่าเราทำงานนี่เพื่ออะไร..ในช่วงแรกๆที่มาทำงานที่นี่จะบอกกับน้องๆว่า..ค่าตอบแทนการทำงาน เงินตัวเดียวคงไม่ใช่คำตอบ..แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านั้นคือ.. ความรัก.”
“ การที่มีคน เห็นคุณค่าในงานที่เราทำนั้น.. เป็นสิ่งที่งดงาม..เขาศรัทธาเรา.. อันนั้นเป็นผลตอบแทนที่หาค่าไม่ได้ จึงอยากจะฝากทุกคนที่ทำงานในโรงพยาบาลว่า .. จะต้องมีใจรัก..มีใจให้กับงานและ... เห็นคุณค่าของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน...”
อืม... เมื่อแม่ต้อยอ่านเสร็จก็นึกย้อนในการคุยอีกครั้งหนึ่ง จำไม่ได้ว่าเมื่อเราคุยกัน เขาจะตั้งคำถามแบบนี้หรือไม่ แต่ก็คุยต่อเนื่องกันไป วกกลับไปกลับมา..เรียกได้ว่าคุยจนหมดเรื่องคุย..ทีเดียว
แต่นี่ก็อาจจะเป็น” ความในใจของผู้หญิง”คนหนึ่ง ที่ได้มามีโอกาสทำงานร่วมกับผู้ชายที่เก่งๆ หลายๆคน..
เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดา ( nata~ mai ~dee) ที่ชอบทำงานคนหนึ่งเท่านั้น
เอาเป็นว่าวันนี้แม่ต้อยขอถือโอกาส ถ่ายทอดความในใจให้ฟังก็แล้วกันนะคะ แบบสนุกๆ กันเอง...กันเอง..
“ อ้อ ..ท่านใดที่คิดว่าอยากซื้อหนังสือฉบับนี้มาอ่านต้องขอแสดงความเสียใจนะคะ .. เพราะขายเกลี้ยงแล้วคะ อิอิ..”
สวัสดีคะ
วันนี้อย่าลืมช่วยกันรณรงค์ ลดโลกร้อนนะคะ เวลาสองทุ่มคะ ปิดประตุบ้าน หน้าต่างดีดี ด้วยคะ
“ ต้องมีความรักในงานนั้น..ให้ใจกับงาน..มีเป้าหมายว่าเราทำงานนี่เพื่ออะไร..ในช่วงแรกๆที่มาทำงานที่นี่จะบอกกับน้องๆว่า..ค่าตอบแทนการทำงาน เงินตัวเดียวคงไม่ใช่คำตอบ..แต่สิ่งที่มีคุณค่ามากกว่านั้นคือ.. ความรัก.”
หัวใจในการทำงานเลยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
แวะมาให้กำลังใจแม้ตอย..ผู้หญิงแกร่งและเก่งคะ
อยากเป็นเพียงเสี้ยวของแม่ต้อยก็คงดี..นะคะคงแกร่งขึ้นเยอะ..
ขอบคุณแง่คิดที่ดีดีค่ะ
2. add
ครูแอ้ดคะ ที่จริงแม่ต้อยแอบชื่นชม แนวคิดการทำงานของคณุแอ้ดมาตั้งแต่ได้เข้ามาเรียนรู้ในบล้อกนี้คะ
เป็นความหวังของเด้กๆของบ้านเราคะ
แม่ต้อยเป็นเพียงผุ้หญิงที่ชอบทำงานเท่านั้นคะ ใช้แรงกาย บวกกับแรงใจคะ
นอกจากนั้นไม่ค่อยจะมีอะไรคะ
สวัสดีคะแม่ต้อย
แม่ต้อยเก่งจริง ๆ คะ
น้องขอชื่นชมและภูมิใจมากคะ ที่ครั้งหนึ่งได้คุยกับแม่ต้อย
และได้ทำงานในโรงพยาบาลที่แม่ต้อยจะมาประเมินคุณภาพ
สวัสดีคะ แม่ต้อย อิอิ
มาบันทึกตอนไหนคะ
คิดถึงๆๆ ค่ะ มีเรื่องปรึกษา อิอิ ผู้หญิงทำงานจริงๆ นะคะ
สวัสดีค่ะ ทักทายยามฝนหยุดตก
แบบว่าเมื่อกี้ฝนตกหนักมากค่ะที่กทม.
สบายดีไหมค่ะแม่ต้อย