การมาทำงานที่โรงพยาบาลที่ห่างไกล และมีผู้คนหลากหลายวัฒนธรรม ซึ่งยังมีความเชื่อและพิธีกรรมแบบเดิมอยู่ ซึ่งเป็นพิธีอันเกี่ยวกับการรักษา เป็นเวลาสองปีแล้วที่รู้สึกว่าจะกลายเป็นเรื่องที่ธรรมดา และเป็นสิ่งที่พึงกระทำถ้าสามารถทำได้(พิจารณาแล้วไม่เป็นอันตรายใดๆ)
บ่อยครั้งที่ญาติ เช่นพ่อ แม่ พี่น้อง มาขอหมอว่าขอลากลับไปบ้านเพื่อทำพิธีกรรม ตามความเชื่อของตนเพื่อให้หายจากการเจ็บป่วย ทั้งๆที่การดูแลตามแนวทางการแพทย์แผนปัจจุบันก็ได้รับอยู่และก็มั่นใจในมาตรฐานการดูแล
แต่เมื่อพิจารณาแล้วไม่ใช่สิ่งที่เสียหาย แต่อาจะเกิดผลดีกับญาติพี่น้อง หรือกำลังใจต่อผู้ป่วยเอง ดังเช่นเรื่องของน้องผู้หญิงอายุ 10 ขอบ เป็นไตอักเสบ(AGN) มารดามาขอหมอว่าจะกลับไปทำบุญหนึ่งคืน ได้เตรียมหมู 3 ตัว และหมอผีสามหมู่บ้านและบอกญาติๆทุคนไว้แล้ว และเมื่อทำเสร็จจะรีบกลับมาให้หมอดูแลต่อไป เมื่อพิจารณาแล้วช่วงนี้อาการดีขึ้นมาก แต่มีปัญหาเรื่องความดันเล็กน้อย(ยังสูงนิดๆ) ตอนแรกก็คิดหนักเหมือนกัน แต่ก็ได้อธิบายสิ่งที่อาจเกิดขึ้น และให้ญาติเขียนรับทราบและเข้าใจคำอธิบายแล้ว
แต่เมื่อหมอบอกว่าทำได้ แต่ว่ารีบกลับมาเพราะว่าหมอจะได้ดูแลต่อ สีหน้าและแววตาทุกคนก็รู้สึกดีใจ และเป็นมิตรกันมากยิ่งขึ้น
มีอีกกรณีที่ลูกชายวัย15 กิน พาราควอท เพราะน้อยใจพ่อที่ด่าว่า กินในปริมาณที่มาก ซึ่งเป็นระดับที่ไม่สามารถรักษาได้ ขณะที่รอการจากไปอยู่นั้น(การรักษาแบบปัจจุบันก็เต็มที่อยู่) ญาติก็ขออนุญาตหมอว่า ขอให้ผู้ป่วยกินสมุนไพรที่ได้มาจากต่างจังหวัด เพราะมีคนบอกว่าเคยมีคนกินแล้วรอดได้ ครั้งแรกที่ฟังก็เกิดความรู้สึกขัดแย้ง และด้วยความที่เป็นนักการรักษาแผนปัจจุบันจังตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยเกรงใจความรู้สึกญาติ แต่เมื่อมองไปรอบๆเตียงที่มีญาติล้อมรอบมาก หลายคนเหมือนมีความหวัง ก็เลยมองในมุมความรู้สึกของผู้เป็นญาติ ให้สามารถทำได้
จริงๆแล้วในส่วนตัวก็เคยมีประสบการณ์ ในการทำพิธีเมื่อยามเจ็บป่วย เช่นการเล่นแถนของแม่ ซึ่งเป็นพิธีกรรรมของคนอีสานใต้ การไปดูกับหมอ(หมอดูทางใน) ว่าที่เราเจ็บป่วยนี้ ใคร ผีตนได้ที่ไม่พอใจเรา ส่วนมากก็เป็นผีญาติพี่น้อง หรือบรรพบุรุษ ที่อาจไม่พอใจเราในบางเรื่อง เช่น ผึปู่ที่ล่วงลับไป อาจไม่พอใจเรา ที่เราทะเลาะกับพ่อ เมื่อรู้ก็รำแถนแก้บนต่อไป ก็เชื่อว่าจะหาย
ดังนั้นเมื่อมาเป็นผู้รักษาโดยวิชาแพทย์แผนปัจจุบัน จึงไม่รู้สึกแปลกแยกเท่าใดนักกับสิ่งที่ชาวบ้านกระทำหรือต้องการ แต่ต้องอยู่ในดุลพินิจและสภาวะขณะนั้นๆ ว่าเหมาะสม และทำได้หรือไม่
ดังนั้นจึงคิดว่าเรื่องเหล่านี้อาจจะไม่พบแล้วในสังคมที่ความเจริญได้เข้ามา แล่พื้นที่ห่างไกลยังคงมีอยู่ครับ
อันนี้หรอกนะคะ บันทึกแรก ๆ
สวัสดีค่ะ