การศึกษาพระปริยัติธรรม หรือที่เรียกกันว่า “นักธรรม” เกิดขึ้นตามพระดำริของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส เป็นการศึกษาพระธรรมวินัยในภาษาไทย (การศึกษาพระปริยัติธรรมของพระสงฆ์ไทยแต่โบราณนิยมศึกษาเป็นภาษาบาลี) เพื่อให้ภิกษุสามเณรผู้เป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนาสามารถศึกษาพระธรรมวินัยได้สะดวกและทั่วถึง อันจะเป็นพื้นฐานนำไปสู่สัมมาปฏิบัติ ตลอดจนเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้กว้างออกไป
ต่อมาพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า ทรงพิจารณาเห็นว่า การศึกษานักธรรมมิได้เป็นประโยชน์ต่อภิกษุสามเณรเท่านั้น แม้ผู้ที่ยังครองฆราวาสวิสัยก็จะได้รับประโยชน์จากการศึกษานักธรรมด้วย โดยเฉพาะสำหรับเหล่าข้าราชการครู จึงทรงตั้งหลักสูตรนักธรรมสำหรับฆราวาสขึ้น เรียกว่า “ธรรมศึกษา” มีครบทั้ง ๓ ชั้น คือ ชั้นตรี ชั้นโท ชั้นเอก ซึ่งมีเนื้อหาเช่นเดียวกันกับหลักสูตรนักธรรมของภิกษุสามเณร เว้นแต่วินัยบัญญัติที่ทรงกำหนดใช้เบญจศีลเบญจธรรมและอุโบสถศีลแทน หลักสูตรธรรมศึกษาได้เปิดสอนและสอนครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๗๒ และเปิดสอนครบทุกชั้นในเวลาต่อมา มีฆราวาสทั้งหญิงและชายเข้าสอบเป็นจำนวนมาก นับเป็นการส่งเสริมการศึกษาพระพุทธศาสนาให้กว้างขวางยิ่งขึ้น
ปี พ.ศ. ๒๕๔๖ สนามหลวงแผนกธรรมได้ปรับเนื้อหาหลักสูตรธรรมศึกษาให้น้อยลง ทั้งนี้เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพเหตุการณ์ในปัจจุบัน เพราะผู้เรียนส่วนใหญ่เป็นนักเรียนนักศึกษาซึ่งมีหลักสูตรที่ต้องเรียนต้องศึกษาในสถาบันการศึกษาอยู่แล้วเป็นปกติ การเรียนธรรมศึกษาที่มีเนื้อหาวิชามากเกินไปอาจเป็นภาระที่หนักสำหรับผู้เรียน สำหรับธรรมศึกษาชั้นตรีนี้ เนื้อหาวิชาที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้เป็นเนื้อหาวิชาที่ได้ปรับลดแล้วจากหลักสูตรเดิม
๑. เพื่อให้ผู้เรียนเกิดศรัทธาและสำนึกในความสำคัญของพระพุทธศาสนา
๒. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจ และซาบซึ้งในคุณของพระรัตนตรัย
๓. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาและหลักธรรม
อย่างถูกต้อง
๔. เพื่อให้ผู้เรียนมีทักษะในการคิดและการปฏิบัติตนอย่างถูกต้องตาม
หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา
๕. เพื่อให้ผู้เรียนรู้หน้าที่ของชาวพุทธและสามารถปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม
๑. วิชาเรียงความแก้กระทู้ธรรม
หลักสูตร ใช้หนังสือพุทธศาสนสุภาษิต เล่ม ๑ มี ๕ หมวด คือ
๑) ทานวรรค ๒) ปาปวรรค
๓) ปุญญวรรค ๔) สติวรรค ๕) สีลวรรค
๒. วิชาธรรม
หลักสูตร ใช้หนังสือนวโกวาทแผนกธรรมวิภาคและคิหิปฏิบัติ มีหมวดธรรม ดังนี้
ทุกะ หมวด ๒ |
|
- ธรรมมีอุปการะมาก ๒ - ธรรมเป็นโลกบาล ๒ |
- ธรรมอันทำให้งาม ๒ - บุคคลหาได้ยาก ๒ |
ติกะ หมวด ๓ |
|
- รตนะ ๓ - คุณของรตนะ ๓ - โอวาทของพระพุทธเจ้า ๓ - ทุจริต ๓ - สุจริต ๓ |
- อกุศลมูล ๓ - กุศลมูล ๓ - สัปปุริสบัญญัติ ๓ - บุญกิริยาวัตถุ ๓ |
จตุกกะ หมวด ๔ |
|
- วุฑฒิ ๔ - จักร ๔ - อคติ ๔ - ปธาน ๔ - อธิษฐานธรรม ๔ |
- อิทธิบาท ๔ - ควรทำความไม่ประมาท- ในที่ ๔ สถาน - พรหมวิหาร ๔ - อริยสัจ ๔ |
ปัญจกะ หมวด ๕ |
|
- อนันตริยกรรม ๕ - อภิณหปัจจเวกขณ์ ๕ - ธัมมัสสวนานิสงส์ ๕ |
- พละ ๕ - ขันธ์ ๕ |
ฉักกะ หมวด ๖ |
|
- คารวะ ๖ |
- สาราณียธรรม ๖ |
สัตตกะ หมวด ๗ |
|
- อริยทรัพย์ ๗ |
- สัปปุริสธรรม ๗ |
อัฏฐกะ หมวด ๘ |
|
- โลกธรรม ๘ |
|
ทสกะ หมวด ๑๐ |
|
- บุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ |
คิหิปฏิบัติ
จตุกกะ |
|
- ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ ๔ - สัมปรายิกัตถประโยชน์ ๔ - มิตตปฏิรูป ๔ |
- มิตรแท้ ๔ - สังคหวัตถุ ๔ - ธรรมของฆราวาส ๔ |
ปัญจกะ |
|
- มิจฉาวณิชชา ๕ |
- สมบัติของอุบาสก ๕ |
ฉักกะ |
|
- ทิศ ๖ |
- อบายมุข ๖ |
๓. วิชาพุทธประวัติ
หลักสูตร ใช้หนังสือพุทธประวัติ เล่ม ๑-๒-๓ปฐมสมโพธิ พระนิพนธ์ สมเด็จพระสังฆราช (สา ปุสฺสเทวมหาเถร) และศาสนพิธี เล่ม ๑ ขององค์การศึกษา
๔. วิชาวินัย (เบญจศีล-เบญจธรรม)
หลักสูตร ใช้หนังสือเบญจศีลเบญจธรรม ของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (เจริญ ญาณวรมหาเถร)
๑. ศึกษาเนื้อหาไปตามลำดับ และทำแบบทดสอบในแต่ละตอน เสร็จแล้วตรวจคำตอบจากเฉลยท้ายบทเรียน
๒. ฟังการบรรยาย – สอบถาม พระอาจารย์ หรือท่านผู้รู้
๓. ค้นคว้าเพิ่มเติมจากหนังสืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
๑. ทำแบบทดสอบก่อนและหลังเรียน
๒. เข้าฟังบรรยายในชั้นเรียน (กรณีที่มีการเรียนการสอน)
๓. สังเกตจากพฤติกรรม ตลอดถึงทัศนคติของผู้เรียน
๔. เข้าสอบธรรมสนามหลวง
๕. ผู้เรียนนำหลักธรรมคำสอนไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน