จากบันทึก เล่าเรื่องต่อ..สุขที่ใจในการทำงาน ผม Get ได้อะไรบางอย่าง อย่างที่ได้ฝันไว้ ว่ามีที่ไหนบ้างนะ เมื่อได้นำเกณฑ์ หรือตัวชี้วัดมาใช้ในหน่วยงานเพื่อเป็นเครื่องมือในการบรรลุสู่วิสัยทัศน์ของหน่วยงานแล้วไม่หลงประเด็นอยู่ที่เกณฑ์ คือทำทุกอย่างเพื่อให้ผ่านเกณฑ์/ตัวชี้วัด หากแต่ได้หลงลืมความเป็นเนื้องานไปเสีย ขาดความนุ่มละไม ขาดความเป็นวิญญาณในการทำงาน ร้าย ๆ ไปกว่านั้นก็คือการทำทุกอย่างให้ตัวเลขที่วัดออกมา (เชิงคณิตศาสตร์) แลดูสวยงาม แต่กลับตอบคำถามไม่ได้เลยว่า “ประชาชนได้อะไร”
เกณฑ์หรือตัวชี้วัด จะเป็นรูปธรรมของการวัดประเมิน แต่ควรอย่างยิ่งที่จะได้รู้ถึงฐานที่มาของแนวคิดในการวัด ประเด็นนี้สำคัญมากในระดับปฏิบัติ เพราะจะคอยถามว่าวัดทำไม วัดไปแล้วได้อะไร หมายถึงอะไร หรือคำถามอื่น ๆ สุดท้ายก็จะมุ่งอยู่แต่ตัวเลขเพื่อให้ผ่านการวัดประเมิน โดยไม่สนใจที่มาที่ไป หากไม่ยกตัวอย่างก็น่าจะพอนึกออกนะครับว่ามีอะไรบ้าง ที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ดูอย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้เรื่องสถิติการเกิดอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ 10 วันอันตราย เป็นต้น แต่ไม่ใช่จะไม่เห็นด้วยกับการที่ต้องมีเกณฑ์/ตัวชี้วัดนะครับ เพียงแต่อยากนำเสนอว่าต้องเข้าใจที่มาที่ไปอย่างแท้จริงด้วย
ที่เขียนบันทึกนี้เพราะชอบใจที่ Dr.Ka-poom ได้บันทึกเรื่อง “เล่าเรื่องต่อ..สุขที่ใจในการทำงาน” เพราะเป็นธรรมชาติที่ผู้ปฏิบัติหากเข้าใจที่มาที่ไปของการสร้างเกณฑ์/ตัวชี้วัด ก็จะทำงานได้อย่างมีความสุข ไม่กังวล แต่เชื่อไหมครับคนเหล่านี้ต้องต่อสู้กับพลังเชิงลบอีกมากมายภายในองค์กร กว่าจะผ่านมาได้ จึงอยากจะชื่นชมไว้ ณ ที่นี้...ด้วยครับ
คุณ"ชายขอบ"
ขอบคุณมากนะคะ...ที่นำมาเล่าต่อในสิ่งที่ท่าน get
อ่านซ้ำไปมาหลายรอบซาบซึ้งใจมาก ไม่เคยมีใครมองเห็นงานที่เราทำ มีแต่ "เราๆ" ในที่ทำงานที่มองเห็นและคอยให้กำลังใจกันและกันให้เชื่อมั่นในจุดยืนของตนเอง
Dr.Ka-poom
ไม่มีใครเห็นก็ไม่เป็นไรนี่ครับ ตัวตนของเราย่อมเห็นเราเองแน่นอน ขอให้เชื่อมั่นในจุดยืนของตนเองนะครับ
อาจารย์ Handy
อ้าวมีด้วยเหรอครับ (ชาวคุรุ) คิดว่ามีแต่เรา (ชาวสา'สุข) แล้วตอนนี้ตื่นจากหลับหรือยังครับ...ยิ้มๆ
คุณวันเพ็ญ
ลปรร.กันนะครับ ผมเห็นด้วยกับการมีเกณฑ์หรือตัวชี้วัด เพราะเหมือนเป็นเครื่องบังคับทิศทาง แต่ควรจะให้ผู้ปฏิบัติต้องรู้ลึก และเข้าใจอย่างถ่องแท้ด้วยว่ามีฐานคิดมาจากอะไร เพื่อเป้าหมาย และเป้าประสงค์อันใด ไม่งั้นเราก็จะติดอยู่เพียงแต่เกณฑ์ หรือตัวชี้วัดนั้น หากร้ายไปกว่านั้นคือการยึดถือเอาเกณฑ์หรือตัวชี้วัดนั้นเป็นเป้าหมาย และเป้าประสงค์ อันนี้ครับที่ยุ่ง และตอบยากว่าสุดท้าย "ประชาชนได้อะไร"
คุณวีรยุทธ
เห็นสอดคล้องกันครับ และเป็นไปตามประเด็นที่ผมตอบเพิ่มแก่คุณวันเพ็ญ แต่ขอเพิ่มอีกนิดนะครับ "การมีส่วนร่วมจากประชาชน" วัดจากจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม...(คน), ครั้ง/ปี ลักษณะอย่างนี้ผมมองไม่เห็น (ไม่สามารถรับรองได้) ว่าประชาชนมีส่วนร่วมจริง ๆ และค่าที่วัดได้ของตัวชี้วัดนี้นั่งเขียนเอาเองที่ สนง.ก็ได้แล้ว ไม่ใช่เหรอครับ แล้วหากยังเป็นเช่นนี้อยู่คุณวีรยุทธ คิดยังไงครับ