เทคนิคการตาย ตายอย่างมีความสุข (ตอนที่ 1)


"...คำแนะนำนี้ถ้าทำได้ก็นับว่าเป็นบุคคลที่มีปัญญาล้ำเลิศ ท่านอาจฟังดูง่ายๆ แต่ในขณะใกล้ตาย คนที่จะคิดแบบนี้ได้ต้องฝึกฝนมาอย่างดี แล้วจริงๆ อย่านึกว่าตนเองเก่งตลอดเวลานะครับ ถึงเวลานั้นทุกๆคนจะไม่ต่างกันเลย ต่อให้มีเงินแสนล้านก็ไม่ต่างจากชาวนาที่ยากจน ผมขอพรจากพระว่าขอให้ผมตายอย่างมีความสุข..." นพ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา

             ผมเองเคยได้ยินและได้ฟังผู้เฒ่าผู้แก่รวมทั้งปู่ย่าตายายที่ได้เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องของคนขณะใกล้ตาย ซึ่งทุกท่านสรุปมีความเห็นตรงกันว่า "ทุกคนกลัวตายจะมีแต่ความกระวนกระวาย" และเคยได้ฟังพระเทศน์เกี่ยวกับการเตรียมตัวก่อนตายว่าก่อนตายถ้าผู้ตายนึกถึงเรื่องอะไรก็จะไปเกิดเป็นสิ่งนั้น (ยังคงต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่) จริงหรือไม่ก็ไม่ทราบเหมือนกัน แต่ก็เป็นสิ่งน่าคิดนะครับว่า แล้วถ้าเราจะตายนั้นควรจะต้องทำตัวอย่างไร

             "เทคนิคการตาย" นี้ผมได้อ่านหนังสือชีวจิตเล่มปัจจุบัน(เดือนมีนาคม 52) บทความของท่าน นพ.วิวัฒน์ วิริยกิจจา หน้า 50-51 ซึ่งได้แจ้งไว้ก่อนแล้วว่าท่านไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้แต่อยากเล่าประสบการณ์ส่วนตัวให้ผู้อ่านได้ทราบกัน โดยท่านได้สรุปพฤติกรรมของคนใกล้ตาย ความรู้ทางการแพทย์ กรณีตัวอย่าง และ สรุปเทคนิคการตาย ผมขออนุญาตคัดลอกเฉพาะ 2 เรื่องก่อนนะครับ ส่วนท่านที่มีเวลาในการอ่านจากหนังสือชีวจิตโดยตรงก็จะได้ข้อมูลที่ครบถ้วนนะครับ

              ส่วนท่านใดมีประสบการณ์ทางด้านนี้ ก็ขอได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อเป็นความรู้ไว้ในการพิจารณา (แต่ไม่หลงเชื่อโดยขาดสติ) และเป็นข้อคิดในการนำปฏิบัติต่อไปได้นะครับ

 

พฤติกรรมของคนใกล้ตาย

1. พูดละเมอถึงเหตุการณ์ปัจจุบันและย้อนกลับไปอดีตอันยาวไกล บางครั้งถ้าเป็นคนแก่จะพูดไปถึงช่วงเด็กๆ ก็มี

2. เห็นอะไรที่คนอื่นไม่เห็น เช่น มีใครยืนอยู่ที่ประตู มีใครมารับ หรือมีคนจะมาเอาตัวไป

3. พูดถึงคนที่ตายไปแล้วบ่อยครั้ง บางครั้งคล้ายพูดกับคนที่ตายไปแล้ว

 

ความรู้ด้านการแพทย์

1. สมองคนเราจะตายเมื่อใด ต้องตรวจดูโดยเครืื่องตรวจคลื่นสมอง

2. ประสาทที่จะหยุดทำงานหลังสุดคือ หู ส่วนระบบส่วนแรกที่เริ่มเสียคือ การเคลื่อนไหว ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อของตนเองได้ ประสาทสัมผัสหลักจึงย้ายมาที่ตา การสัมผัส และสุดท้ายคือหู ผู้ป่วยหลายคนที่อยู่ในห้องผู้ป่วยหนักบอกว่าเขาได้ยินหมอคุยกันทุกอย่าง

3. การวินิจฉัยว่าเสียชีวิตแน่นอน หมอจะดูที่ม่านตา โดยใช้ไฟฉายมาส่องที่ตาเพื่อดูปฏิกิริยาตอบสนองต่อแสงไฟ ถ้าตายแน่นอนม่านตาจะขยายและไม่ตอบสนองต่อแสงไฟ

อันนี้กระผมก็ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยที่แฟนของเพื่อนตกจากหลังคาและสมองตาย เมื่อเพื่อนที่เป็นแพทย์ทางด้านสมองมาตรวจก็จะเปิดตาและดูม่านตาพร้อมกับสรุปว่าเพื่อนได้เสียชีวิตไปนานแล้ว หายใจอยู่แต่สมองไม่สั่งการ จึงยอมที่จะปลดเครื่องช่วยหายใจและปล่อยให้เพื่อนไปสู่สุคติ

ส่วนเทคนิคการตายคงเว้นไว้สักนิดนะครับ ....

 

 

คำสำคัญ (Tags): #เทคนิคการตาย
หมายเลขบันทึก: 246112เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2009 20:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 10:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ศึกษาไว้ไม่เสียหลายครับ จะบอกให้ผู้ใหญ่รับทราบด้วยครับ เด็กชายโมซาชิ K1 โรงเรียนฮาโล คร้าบผม

สวัสดีครับอาจารย์

เทคนิคการตายที่ว่าแถวบ้านผมไม่เรียกเป็นเทคนิคหรอกครับ

ตั้งแต่ปู่ยาตายายของผมจะเรียกกันว่าเตรียมตัวก่อนตายครับผม

ผมเล่าไว้ในบล็อกของผมนิดหน่อยครับ

ก่อนตายควรทำจิตให้สงบค่ะ ตัดความกังวลค่ะ

  • หนีไม่พ้น
  • แต่...ยังไม่อยากเจอ
  • ขอบคุณค่ะ

เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากค่ะ

เคยเห็นและได้ยินมาว่า แม้แต่ท่านเกจิอาจารย์ ยังต้องมีผู้บอกจิต ก่อนตาย  แสดงว่า การตายทำให้คนที่ตาย ได้มีการเดินทางไกลอีกครั้งจริงๆ หรือ.....

และที่ใบไม้ทำอยู่คือ ก่อนนอน จะต้องทำใจให้ว่างไว้ค่ะ  เผื่อหลับไปจริงๆ ไม่ตื่น จะได้ไปสุขคติ   อิ อิ  

เทคนิคการตาย ตายอย่างมีความสุข (ตอนที่ 1)  แสดงว่า ยังมีอีกหลายตอนใช่มั๊ยคะ  จะได้คอยติดตาม  กำลังเกิดความอยากรู้อยากเห็นค่ะ 

 

 

สวัสดีครับ...

ใจนึงก็กลัวตาย กลัวเจ็บ

แต่อีกใจนึงก็อยากรู้อยากเห็นน่ะครับ

ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่

ที่ผ่านมาก็ได้แต่เชื่อตามที่ได้ยินได้ฟังมา

นรกนั้นแท้จริงจะเหมือนในจินตนาการหรือเปล่าหนอ

สวรรค์ล่ะสวยงามอย่างเขาว่าจริงหรือ

พระเจ้าล่ะ ท่านใจดีและมีเมตตากับทุกคนหรือไม่

ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย

หรือตายแล้วไม่เกิด

หรือไม่มีเกิดไม่มีตาย

ถึงเวลานั้นก็คงรู้เองเห็นเอง

หรืออาจ ไม่มีสิ่งใดให้รู้ให้เห็น

คงจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะเป็นผู้ไขปริศนาลี้ลับแห่งจักรวาล...

สวัสดีครับ...

ใจนึงก็กลัวตาย กลัวเจ็บ

แต่อีกใจนึงก็อยากรู้อยากเห็นน่ะครับ

ว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่

ที่ผ่านมาก็ได้แต่เชื่อตามที่ได้ยินได้ฟังมา

นรกนั้นแท้จริงจะเหมือนในจินตนาการหรือเปล่าหนอ

สวรรค์ล่ะสวยงามอย่างเขาว่าจริงหรือ

พระเจ้าล่ะ ท่านใจดีและมีเมตตากับทุกคนหรือไม่

ตายแล้วเกิด เกิดแล้วตาย

หรือตายแล้วไม่เกิด

หรือไม่มีเกิดไม่มีตาย

ถึงเวลานั้นก็คงรู้เองเห็นเอง

หรืออาจ ไม่มีสิ่งใดให้รู้ให้เห็น

คงจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะเป็นผู้ไขปริศนาลี้ลับแห่งจักรวาล...

จิตก่อนตายนั้นสำคัญ เพราะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกจิตขึ้นมาเป็นกุศล หากเป็นอกุศลอยู่

จิตก่อนตายสำคัญ จิตรู้คือจิตเกิด จิตรู้อะไรก่อนตาย แล้วเราแสดงเจตนาอะไรเข้าไปในสภาวจิตนั้นๆ เจตนานั้นแหละครับ จะส่งเราไป

ไปไหน

...

นั่นสิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท