การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
แนวคิดเกี่ยวกับการจัดการเรียนรู้ เพื่อพัฒนากระบวนการคิดตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ครูผู้สอนสามารถออกแบบการสอนโดยใช้วิธีและเทคนิคการสอนกระบวนการคิดได้หลากหลายวิธีโดยคำนึงถึงกระบวนการคิดแต่ละวิธี เช่น กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กระบวนการแก้ปัญหา กระบวนการคิดตัดสินใจ การบวนคิดริเริ่มสร้างสรรค์ กระบวนการคิดไตร่ตรอง เป็นต้นทั้งนี้ผู้สอนสามารถเลือกใช้ กระบวนการคิด ที่เหมาะสมกับการเรียนรู้ นั้นๆ ดังนั้นการจัดการเรียนการสอนโดยใช้กระบวนการพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์จึงมีหลากหลายวิธี ขึ้นอยู่กับลักษณะเหตุและปัจจัยตามธรรมชาติของเนื้อหาสาระเหตุการณ์ วิธีการ ที่ครูผู้สอนสามารถเลือกใช้กระบวนการคิดที่มีความเหมาะสมในการจัดการเรียนการสอนดังกล่าวได้จึงขอเสนอแนวคิดการจัดการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ ดังนี้
Gagne (อ้างใน ทิศนา แขมมณี และคณะ 2544 : 16) กล่าวถึง การเรียนรู้ที่เป็นทักษะทางปัญญาประกอบด้วย 4 ทักษะย่อยซึ่งแต่ละระดับเป็นพื้นฐานของกันและกันตามลำดับซึ่งเป็นพื้นฐานของการเรียนรู้ที่เป็นการเชื่อมโยงสิ่งเร้ากับการตอบสนองและความต่อเนื่องของการเรียนรู้ต่าง ๆ เป็นลูกโซ่ (association and chaining) ทักษะย่อยแต่ละระดับ ได้แก่
1. การจำแนกแยกแยะ (discriminations) หมายถึง ความสามารถในการแยกแยะคุณสมบัติทางกายภาพของวัตถุต่าง ๆ ที่รับรู้เข้ามาว่าเหมือนหรือไม่เหมือนกัน
2. การสร้างความคิดรวบยอด (concepts) หมายถึง ความสามารถในการจัดกลุ่มวัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ โดยระบุคุณสมบัติร่วมกันของวัตถุสิ่งนั้น ๆ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้กลุ่มวัตถุหรือสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นต่างจากกลุ่มวัตถุหรือสิ่งอื่น ๆ แบ่งเป็น 2 ระดับย่อย ๆ คือ
ก. ความคิดรวบยอดระดับรูปธรรม (concrete concepts)
ข. ความคิดรวบยอดระดับนามธรรมที่กำหนดขึ้นในสังคมหรือวัฒนธรรมต่าง ๆ (defined concepts)
3. การสร้างกฎ (rules) หมายถึง ความสามารถในการนำความคิดรวบยอดต่าง ๆ มารวมเป็นกลุ่ม ตั้งเป็นกฎเกณฑ์ขึ้น เพื่อให้สามารถสรุปอ้างอิง และตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
4. การสร้างกระบวนการหรือกฎขั้นสูง (procedures of higher order rules) หมายถึง ความสามารถในการนำกฎหลาย ๆ ข้อที่สัมพันธ์กันมาประมวลเข้าด้วยกัน ซึ่งนำไปสู่ความรู้ความเข้าใจที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ประเวศ วะสี (อ้างใน ทิศนา แขมมณี.2548 : 301-302) ได้กล่าวว่า ในการเรียนรู้ต้องให้นักเรียนได้มีโอกาสฝึกคิด ฝึกตั้งคำถาม เพราะคำถามเป็นเครื่องมือในการได้มาซึ่งความรู้ ควรให้ผู้เรียนฝึกการ ถาม-ตอบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดความแจ่มแจ้งในเรื่องที่ศึกษารวมทั้งได้ฝึกการใช้เหตุผล การวิเคราะห์และการสังเคราะห์ ที่ฝึกให้ผู้เรียนได้ฝึกค้นหาคำตอบจากเรื่องที่เรียนได้
การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย (Inductive Method)
การจัดการเรียนรู้แบบอุปนัย คือ กระบวนการที่ผู้สอนจากรายละเอียดปลีกย่อยหรือจากส่วนย่อยไปหาส่วนใหญ่ หรือกฎเกณฑ์ หลักการ ข้อเท็จจริงหรือข้อสรุป โดยการนำเอาตัวอย่าง ข้อมูล เหตุการณ์ สถานการณ์ หรือปรากฏการณ์ที่มีหลักการแฝงอยู่มาให้ผู้เรียนศึกษาสังเกต ทดลอง เปรียบเทียบ หรือวิเคราะห์จนสามารถสรุปหลักการ หรือกฎเกณฑ์ได้ด้วยตนเอง (สุวิทย์ มูลคำ. 2546 : 15-18) องค์ประกอบสำคัญของการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยมีดังนี้ คือ
1. ตัวอย่างข้อมูล สถานการณ์ เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ที่เป็นลักษณะย่อย ๆ ของหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ต้องการให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้
2. การวิเคราะห์ตัวอย่างข้อมูล สถานการณ์ เหตุการณ์หรือปรากฏการณ์ เพื่อสรุปเป็นหลักการ แนวคิด ทฤษฎีร่วมกัน
3. การสรุปหลักการ แนวคิด ทฤษฎีที่ได้จากการวิเคราะห์
ขั้นตอนการจัดการเรียนรู้แบบอุปนัยสามารถสรุปเป็นขั้นตอน 5 ขั้นตอน ดังนี้
1. ขั้นเตรียมการ
2. ขั้นเสนอตัวอย่าง
3. ขั้นเปรียบเทียบ
4. ขั้นสรุปกฎเกณฑ์
5. ขั้นนำไปใช้
ตามมาอ่านครับ
ขอบคุณคะ
อยากได้แบบฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ให้นักเรียนทำค่ะ
ขอบคุณค่ะเป็นประโยชน์มากๆๆๆๆๆๆๆ
ขอบคุณค่ะเป็นประโยชน์มากๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านไม่ค่อยรู้เรื่อง
การออกข้อสอบเพื่อประเมินการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนสื่อความ
สวัสดีท่านดร.ผู้น่ารัก
เข้ามาอ่าน แล้วยังไม่เข้าใจเรื่องการคิดวิเคราะห์ มีอะไรที่มันง่ายกว่านี้ไหม ลงตัวอย่างการสอนให้ดูหน่อย นะจ๊ะ
ขอบคุณมากๆ มีประโยชน์มากเลยค่ะ
ไม่เข้าใจเเต่พอได้
เข้าใจมากครับเเถมง่ายด้วยครับ
เรียน ท่านดร.ธารทิพย์
ขอบคุณมากค่ะที่นำทักษะการคิดมาแลกเปลี่ยน...ขออนุญาตอีเมล์ไปสอบถามเพิ่มเติมได้หรือเปล่าค่ะ กำลังทำเรื่องกระบวนการคิดขั้นสูงสำหรับนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นนะค่ะ