อันเนื่องมาจาก การขอรับเงินอุดหนุนของ อปท.

ขอบคุณเพื่อนพ้องน้องพี่หลาย ๆ  อปท.ต่าง ๆ ที่โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเพื่อขอหนังสือกระทรวงมหาดไทย ที่ มท 0893.3/ว 0020 ลงวันที่ 6 มกราคม 2552 แสดงว่าท่านขอประสบปัญหาที่เหมือน ๆ กันทุก อปท.

ทางที่ดี กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นกับ สพฐ.ควรจะทำความเข้าใจกัน  และ สพฐ. เองก็ต้องชี้แจงให้ สพท.ทั่วประเทศได้รับทราบ และปฏิบัติตามขั้นตอน  จะได้ไม่โทษกันไปโทษกันมา  เกิดความขัดแย้งกันในระดับท้องถิ่นเปล่า ๆ  มาจับมือกันทำเพื่อเด็กของชาติจะเป็นอะไรเป็น  ลดอีโก้ลงบ้างเถอะเจ้านาย  การศึกษาของชาติจะล่มสลายอยู่แล้ว  เพราะไม่ลดความเป็นตัวกูของกู  อย่างไหนที่ทำไม่ได้ก็ให้ท้องถิ่นเขาทำไปบ้าง  อย่างไหนทำได้ก็ทำไป  ประโยชน์มันจะตกที่เด็กและเยาวชนของชาติ

มองดูไปให้รอบ ๆ ชายขอบประเทศไทย โรงเรียน สพท.ทั่วประเทศได้รับการดูแลขนาดไหน  ทำไมไม่ถ่ายโอนให้ท้องถิ่นเขาไปทำลูกหลานของเขาจะได้การศึกษาที่ดีกว่านี้  หวงไว้ทำไม  กฎกระทรวงเรื่องการถ่ายโอนใครกำหนด  ทุกอย่างในประเทศนี้แก้ไขได้หมด  ถ้าจริงใจที่จะทำ แม้แต่รัฐธรรมนูญยังแก้ได้  ประสาอะไรกับกฎกระทรวงแค่นี้ 

ผู้เขียนไม่ต้องการโทษใครทั้งสิ้น  ใครก็ตามที่เข้ามาดูแลการศึกษาถือว่าต้องดูทั้งหมด ทั้งประเทศไม่ว่าสังกัดกระทรวงใดที่จัดการศึกษา  ต้องแก้ปัญหาที่มันรื้อรังให้ทุเลาเบาบางลงบ้าง  บางครั้งผู้เขียนอยากหัวเราะในความไร้เดียงสา หรือแกล้งไร้เดียงสาของ สพฐ.  ที่เอาเกณฑ์การประเมินความพร้อมของ อปท. เพื่อถ่ายโอนสถานศึกษา   ตัวชี้วัดเห็น ๆ ว่ามันพร้อมกว่า สพท.จัดเป็นไหน ๆ  แต่เข้ามาประเมินทำเหมือนว่าข้าพเจ้านี้แหละคือผู้เชียวชาญเรื่องการจัดการศึกษา  อภิโถ อภิถัง  !  แล้วทำไมผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายจึงไม่ทำให้การศึกษาของประเทศนี้ดีขึ้น  ไม่ต้องเอาทั้งประเทศก็ได้... เอาแค่ในเขตพื้นที่ที่ท่านดูแลอยู่นั้นให้ดีขึ้นสักโรงสองโรงก็ได้  พอทำอะไรไม่ได้  ก็โทษใส่นโยบาย  ขาดงบประมาณ ขาดครู   เมื่อ อปท.เข้าไปของโอนมาดูแลเองก็สร้างเงื่อนไขปิดหนทางหมดทุกทาง  ถามจริง ๆ เถอะว่าสงสารเด็กประเทศนี้กันบ้างไหม  ที่พวกผู้ใหญ่นำมาเป็นเครื่องต่อรองทางการเมือง  ยื้อกันไปยื้อกันมา...

บ่นให้ใครฟังหนอเรา...เผื่อว่า รมต.ศึกษาฯ เข้ามาอ่าน...อิ..อิ