เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 ได้ไปร่วมพิธีเปิดโรงเรียนกวดวิชา Phuket Academic Center ณ บ้านเลขที่ 55/775 หมู่บ้านภูเก็ตวิลล่าดาวรุ่ง ถนนเจ้าฟ้า ตำบลวิชิต อ.เมือง จังหวัดภูเก็ต และได้ร่วมเสวนา เรื่อง “การกำหนดทิศทางอนาคตสำหรับลูกหลาน” เป็นการเสวนาร่วมกับวิทยากรหลายท่าน คือดร.ประเสริฐ บัณฑิศักดิ์(จากมอ.ปัตตานี) ดร.ธงพล พรมสาขา ณ สกลนคร(มข.) ทพ.สุรชาติ วรวุฒิพุทธพงศ์ โดยมี อ.สำเริง โภชานาธาร ผู้อำนวยการกองการศึกษา เทศบาลเมืองป่าตอง จังหวัดภูเก็ต เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย
จากการเสวนาครั้งนี้ มีประเด็นที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับพ่อ แม่ หรือนักการศึกษาทั่วไป หลายประเด็น ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1) พ่อ แม่ ควรส่งเสริมให้ลูกได้เลือกอาชีพ หรือรู้จักอาชีพต่าง ๆ เชิงลึก ตั้งแต่เยาว์วัย เช่น ตั้งแต่เรียนในระดับชั้น ม.1 โดยอาจให้เลือกอาชีพที่สนใจสัก 5-6 อาชีพ ตลอดเวลา 1 ปี ต้องส่งเสริมให้ค้นคว้า หรือพบปะกับผู้ประกอบอาชีพต่าง ๆที่เลือก ให้มากที่สุด เมื่อขึ้น ม.2 ให้ตัดทิ้งไป 1 อาชีพ(ที่สนใจน้อยที่สุด) แล้วทำเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึง ม. 6 ก็จะเหลือเพียงอาชีพที่สนใจที่สุดเพียงอาชีพเดียว..โดยเด็กจะสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในสาขาที่ตรงกับความต้องการ(ดูเพิ่มเติมที่ http://gotoknow.org/blog/sup001/177772 )
2) พ่อ แม่ และลูกควรร่วมกันศึกษาทิศทางของอาชีพต่าง ๆ ที่จะเลือกเรียนในระดับสูงขึ้น หรือในระดับปริญญา จะต้องคำนึงถึงการเลือกสาขาวิชาที่มีงานทำ ไมใช่เลือกตามค่านิยมของสังคมเพียงอย่างเดียว..... “ต้องมั่นใจว่าเป็นอาชีพที่มีงานทำ”
3) พ่อ-แม่ ควรให้อิสระแก่ลูกในการตัดสินใจ หรือกำหนดเส้นทางชีวิต หรือเลือกสาขาที่สนใจเรียนด้วยตนเอง(โดยอาจซักถามหรือร่วมกันจัดหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจที่มากพอ เกี่ยวกับสาขาวิชา หรืออาชีพนั้น ๆ) ...พ่อ แม่ ควรทำหน้าที่เสริมแรง หรือให้กำลังใจมากกว่าการเลือกและกำหนดเส้นทางอนาคตลูกด้วยความต้องการของตนเองเป็นหลัก..อย่ากำหนดอนาคตลูกด้วยความต้องการของพ่อแม่เอง
4) การให้กำลังใจลูกเป็นสิ่งสำคัญ ตลอดชีวิตของลูก การโอบ กอด มีค่ามากกว่าคำพูดใด ๆ ในการเสริมแรงหรือให้กำลังใจ
5) การเลือกสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับลูกเป็นสิ่งที่จำเป็น ในการนี้การเลือกที่เรียนก็เช่นเดียวกัน ให้เลือกโรงเรียนที่เห็นว่ามีสิ่งแวดล้อมที่ดี คือ มีเพื่อนที่ดี บรรยากาศที่ดี...โดยสรุป จะต้องเลือกให้ดีที่สุดตามศักยภาพของครอบครัว
6) ต้องสร้างคุณสมบัติสำคัญในตัวลูก ในการสร้างอนาคตแก่ลูก นอกจากคุณสมบัติทั่วไป หรือการเป็นคนดีของสังคมแล้ว คุณสมบัติสำคัญประการหนึ่งที่ต้องสร้างให้เกิดในตัวลูก คือ นิสัยใฝ่รู้ ใฝ่เรียน(ต้องฝึกให้เป็นนักอ่าน/นักบริโภคความรู้ โดยอาจส่งเสริมให้ลูกฝึกฝนตัวเอง กำหนดเป้าหมายที่จะอ่านวันละกี่หน้า แล้วเพิ่มเรื่อย ๆ จนเป็นนิสัย) และอีกคุณสมบัติหนึ่ง คือ การมีนิสัยเป็นคนวางแผนชีวิต หรือ เป็นนักวางแผน ..เด็กต้องมีปฏิทินงานในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือน ต้องฝึกให้กำหนดเส้นทางชีวิตด้วยตนเอง จนเป็นนิสัย เมื่อจบการศึกษา เด็กจะรู้จักการตั้งเป้าหมายชีวิตและวางแผนเส้นทางชีวิตได้ด้วยตนเอง
7) “การทำกิจกรรมในขณะเรียน มีผลต่อการสร้างความเป็นคนที่สมบูรณ์ในตัวลูก” ในการสร้างอนาคตของลูก “การทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโรงเรียน หรือในสถาบัน” ถือเป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่จะช่วยสร้างคุณลักษณะที่สำคัญในตัวเด็กหลายประการ การเรียนวิชาการเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะสร้างลูกหลานให้เป็นคนที่สมบูรณ์ได้ “คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตที่พบเห็นในปัจจุบัน/ทั่วโลก มักจะเป็นผู้ที่ผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในขณะเรียน ซึ่งช่วยให้มีทักษะการจัดการ การทำงานเป็นทีม เป็นหมู่คณะ ซึ่งในที่สุด ช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิต”
มีรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ อีกหลายประการที่วิทยากรแต่ละท่านได้นำเสนอในที่เสวนา แต่ผมคิดว่าในเวลา 1 ชั่วโมงครึ่ง...ถ้าผู้ปกครองคนใดจับประเด็นเหล่านี้ได้ครบถ้วนและนำไปเป็นแนวทางในการสร้างอนาคตแก่ลูก ..ผมคิดว่า “จะคุ้มค่ากับเวลาที่นั่งฟังการเสวนาเป็นอย่างยิ่ง”
หลักพื้นฐานเบื้องต้น ก่อนที่จะไปถึงการกำหนดทิศทางอนาคตสำหรับลูกหลาน ผมว่าอยู่ที่พิ้นฐานการเข้าใจในตัวลูกก่อนครับ
พ่อแม่ต้องเข้าใจในอารมณ์ เหตุผล และ ความรู้สึกของลูก
จากการที่ผมทำค่ายเครือข่ายต้นแบบครอบครัวสัมพันธ์ ปัญหาในครอบครัวส่วนหนึ่งเกิดจาก
พ่อแม่ไม่เข้าใจลูกครับ ไม่ฟังเหตุผลของลูก เอาความคิดของตัวเองมาเป็นเกณฑ์ในการตัดสินลูก โดยอ้างว่า "รักลูก"
ขอบคุณมาก ท่าน Small man ดีมากเลยครับ
ที่พบจากนศ.ในวิทยาลัยฯ สาเหตุการลาออกกลางคันของนศ.บ่อยที่สุด ได้แก่
1. ค่านิยมของพ่อแม่ ที่อยากให้ลูกเรียน
2. แม้จะจบแล้ว มีงานทำจริง แต่ขัดกับความถนัด ความชอบ หรือความต้องการของผู้เรียนค่ะ
พ่อแม่ทุกคนต้องเลือก ระหว่าง
ก.ความสำเร็จในอนาคตของลูก ที่ลูกทำงานอย่างมีความสุข(ประมาณ 60 ปี หลังจบปริญญาตรี)...(เป็นผลเนื่องมาจากพ่อแม่ได้ส่งเสริมและทำเพื่อลูกมาเป็นเวลา 21-22 ปี)
ข.ความสำเร็จในอนาคตของพ่อแม่ ที่ลูกเลือกอนาคตตามที่เรากำหนด(พ่อแม่มีความสุขประมาณ 30 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิต โดยลูกไม่มีความสุขเลย ประมาณ 60 ปี)....(เป็นผลเนื่องมาจาก "ลูกได้ทำเพื่อพ่อแม่" มาเป็นระยะเวาลา 21-22 ปี)
ให้ความสนใจของลูกเป็นตัวชี้วัดเป็นสิ่งที่ดี
แต่ถ้าลูกที่สนใจ ใฝ่ ในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
ควรแก้ตรงไหนครับ
สวัสดีครับ
พ่อแม่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ของการศึกษาของลูก ขอบคุณสำหรับแนวทางที่สรุปมาให้ ครับ
คุณปิยพันธ์
-เชื่อว่า ถ้าเราพยายามทำอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เยาว์วัยตามแนวทาง 7-8 ประการข้างต้น ...ไม่น่าจะเกิดปัญหาที่ว่า "ลูกสนใจ ในสิ่งที่ไม่พึงประสงค์"
ขอขอบคุณที่ได้ แชร์ความรู้ เข้ามาอ่านแล้วได้ข้อคิด ปฏิบัติในฐานะผู้ปกครอง แม่ของลูก ป.1
สวัสดีค่ะดร.สุพักตร์
สวัสดีค่ะ พี่สุพักตร์
บทความนี้ตาชอบมากอีกอันหนึ่ง
ได้นำเล่าให้ผู้ปกครองนักเรียนฟัง
หลายครั้ง โดยเฉพาะส่วนนี้.......
พ่อแม่ทุกคนต้องเลือก ระหว่าง
ก.ความสำเร็จในอนาคตของลูก ที่ลูกทำงานอย่างมีความสุข(ประมาณ 60 ปี หลังจบปริญญาตรี)...(เป็นผลเนื่องมาจากพ่อแม่ได้ส่งเสริมและทำเพื่อลูกมาเป็นเวลา 21-22 ปี)
ข.ความสำเร็จในอนาคตของพ่อแม่ ที่ลูกเลือกอนาคตตามที่เรากำหนด(พ่อแม่มีความสุขประมาณ 30 ปี ก่อนที่จะเสียชีวิต โดยลูกไม่มีความสุขเลย ประมาณ 60 ปี)....(เป็นผลเนื่องมาจาก "ลูกได้ทำเพื่อพ่อแม่" มาเป็นระยะเวาลา 21-22 ปี)
สุขภาพพี่เป็นอย่างไรบ้าง อยากให้สังเกตตอนทานของมันว่า
เป็นอย่างที่ตาบอกไหมว่าปวดท้อง หากเป็นแบบนั้นจะได้บอกคุณหมอได้
และรักษาได้ง่าย ด้วยความเป็นห่วง อยากให้มีสุขภาพดีค่ะ
น้องตา