สืบเนื่องจากบันทึกครั้งที่แล้ว ขอขอบคุณ คุณ ขจิต ฝอยทอง ที่ได้กรุณาแจ้งให้ทราบว่าไม่สามารถอ่านบันทึกได้ค่ะ วันนี้เลยปรับปรุงบันทึกใหม่ค่ะ และขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
หลายๆท่านคงเคยได้ยินชื่อของน้ำปลาลดโซเดียมกันมาบ้างแล้วนะคะ น้ำปลาชนิดนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไปว่าใช้สำหรับผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง วันนี้เรามาดูกันว่า น้ำปลาลดโซเดียมที่เค้าว่ากันว่าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ บวกกับราคาที่ค่อนข้างจะแพงกว่าน้ำปลาปกติทั่วไป จะช่วยถนอมสุขภาพของเราได้จริงหรือเปล่า
เริ่มจากน้ำปลาปกติโดยทั่วไปก่อนเลยค่ะ
- น้ำปลาปกติ 1 ช้อนชา จะมีปริมาณโซเดียม 1,000 – 1,200 มิลลิกรัม (ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำปลาค่ะ)
- ในคนปกติต้องการโซเดียม 2-2.5 กรัม/วัน (2000-2500 มิลลิกรัม)
ถ้าเราปรุงอาหาร เช่นว่า เราทำต้มจืด แล้วใส่น้ำปลาลงไป 1 ช้อนชา (5 ml.) แล้วเราทานต้มจืดนั้นคนเดียวหมดเลย ซดไม่ให้เหลือน้ำเลย ย้ำนะคะ ว่าทานคนเดียว ไม่ได้แบ่งให้ใคร แปลว่าอาหารมื้อนี้ เราอาจจะได้รับโซเดียมมากถึง 1,200 มิลลิกรัม แต่ก็อย่าลืมว่าใน 1 วัน เราไม่ได้รับประทานแค่มื้อนี้มือเดียวเท่านั้น รวมถึงปริมาณโซเดียมที่ได้รับนั้น ไม่ได้มาจากน้ำปลาหรือเกลือเพียงเท่านั้น
- ในไข่ 1 ฟองมีโซเดียมประมาณ 60 มิลลิกรัม
- นมสด 1 แก้ว ประกอบมีโซเดียมอยู่ประมาณ 120 มิลลิกรัม
โดยสรุปแล้วส่วนใหญ่เรามีปัญหาเรื่องการรับประทานโซเดียมมากเกินไปค่ะ
และจากครั้งที่แล้วที่เคยเขียนเรื่องเกลือ(โซเดียมคลอไรด์) ไว้ เราจะทราบได้ว่าการได้รับโซเดียมมากเกินไปมีผลทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เกิดโรคต่างๆ มากมาย เช่นโรคไต โรคหัวใจ เป็นต้น
จากปัญหาดังกล่าวทำให้มีการผลิตน้ำปลาลดโซเดียมขึ้นมา โดยลดปริมาณโซเดียมคลอไรด์ที่ใช้เป็นส่วนผสมของน้ำปลาลงไป แล้วใช้โพแทสเซียมคลอร์ไรด์ (เป็นเกลือเหมือนกันค่ะ – เค็มเหมือนกันเลย แตกต่างกันที่โครงสร้างทางเคมีค่ะ) ใส่ไปชดเชยปริมาณโซเดียมที่ถูกลดลงไป ทำให้เราได้น้ำปลาที่ยังคงความเค็มเหมือนเดิม แต่ปริมาณโซเดียมน้อยลง (จากข้อมูลอ้างอิง: น้ำปลาสูตรลดโซเดียม 1 ช้อนชา จะมีปริมาณโซเดียมเพียง 200 มิลลิกรัม) สรุปว่าเป็นเรื่องจริงค่ะที่น้ำปลานี้ช่วยเราได้มากในเรื่องของความดันโลหิตสูง แต่....?? !!!
แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว หลาย ๆ ท่าน ได้เกิดความเข้าใจผิดว่า เมื่อเรามีน้ำปลาลดโซเดียมใช้แล้ว เราจะบริโครเค็มเท่าไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการจำกัดความเค็มในอาหารอีกต่อไป (เช่นเดียวกับกรณีของการใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ซึ่งไม่ส่งผลต่อความอ้วน หรือการก่อให้เกิดฟันผุ) ...ถ้าหากเราสังเกตุที่ฉลากของน้ำปลาลดโซเดียมแล้ว เราจะเห็นว่า มีตัวอักษรสีแดง แสดงข้อความเตือนว่า “ใช้เกลือโพแทสเซียมคลอไรด์ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคไต” (ตามกฎหมายฉลากอาหาร) นั่นแปลว่า ไม่ว่าจะยังไง ไตก็ยังคงต้องทำหน้าที่ในการกำจัดสารเหล่านี้ออกจากร่างกาย หากเราบริโภคมากเกินไป
และสำหรับผู้ป่วยบางท่าน(บางกรณี) ที่เป็นความดันโลหิตสูง ซึ่งใช้น้ำปลาลดโซเดียม ขอให้ท่านตรวจเช็คสาเหตุของโรคด้วยค่ะ เพราะว่าบางท่านที่เป็นความดันโลหิตสูงนั้น อาจเนื่องมาจากว่าการทำงานของไตบกพร่อง ไตไม่สามารถขับโซเดียมออกมาได้ ทำให้เกิดการสะสมของโซเดียมในร่างกายมากเกินไปจึงทำให้ความดันโลหิตสูง และถ้าหากท่านใช้น้ำปลาลดโซเดียม โดยที่ไม่ได้จำกัดความเค็มของอาหารแล้ว โพแทสเซียมที่มากเกินไปก็ยิ่งทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น เพราะว่าร่างกายไม่สามารถจะขับโพแทสเซียมส่วนเกินออกได้ทางอื่นเลย นอกจากไตจะกรองออกเท่านั้น
ในกรณีที่ไตไม่สามารถกำจัดโพแทสเซียมส่วนเกินออกได้ทัน จะทำให้เกิดการคั่งของโพแทสเซียมในร่างกาย จากนั้นเราก็จะเริ่มจากเราจะมีอาการชาค่ะ ชาบริเวณแขนขา ต่อมาก็จะซึม จิตสับสน มีอาการเป็นอัมพาต ซีดและตัวเย็น ความดันเลือดลดลงเป็นอย่างมาก หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจหยุดเต้นและเสียชีวิต (เพราะว่าโพแทสเซียมทำหน้าที่ช่วยในการควบคุมสมดุลกรด-ด่าง, การ ทำงานของกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาท ภายในร่างกายร่วมกับโซเดียม ผู้ป่วยความดันโลหิตสูง จึงได้รับคำแนะนำให้ทานอาหารที่มีโพแทสเซียม เช่น กล้วย กะหล่ำปลี มะเขือเทศ)
หมายเหต: การควบคุมระดับโพแทสเซียมภายในเซลล์ของร่างกายยังขึ้นอยู่ปัจจัยหลายๆอย่าง เช่น ฮอร์โมนอินซูลิน, aldosterone, epinephrine
“We are what we eat”
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง และสนุกกับการฉลาดเลือกบริโภคค่ะ
reference
- www.amed.go.th/rta_med/profess/AMED-Journal-Website/PDF/60-3-4/8.pdf
- http://www.elib-online.com/doctors/med_kidney4.html
- http://72.14.235.132/search?q=cache:-gmNB712ZJkJ:en.wikipedia.org/wiki/Potassium+Potassium&hl=th&ct=clnk&cd=1&gl=th
-http://webdb.dmsc.moph.go.th/ifc_food/a_fd_1_00t.asp?info_id=251
- http://seawning.spaces.live.com/default.aspx?sa=90289209
- ประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 203) พ.ศ. 2543 เรื่อง น้ำปลา
- สรีรวิทยา2, ศิริราช
- Medical Physiology, Guyton & Hall
- Harper's Illustrated Biochemistry
ตามมาอ่านต่อค่ะ เป็นข้อมูลที่ควรรู้จริงๆค่ะ ขอบคุณมาค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ @..สายธาร..@
ขอบคุณค่ะที่แวะมาเยี่ยม
happy valentine's day เช่นกันค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณ Lin Hui
ขอบคุณเช่นกันค่ะ ที่แวะมา
ขอบคุณสำหรับดอกไม้ค่ะ สวยมากๆค่ะ
ไม่เคยเห็นดอกกุหลาบแบบนี้มาก่อนเลยค่ะ
เจริญพร antbug
เข้ามาอ่าน ได้ควา่มรู้ดี
สวัสดีค่ะ
“We are what we eat”
ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพแข็งแรง และสนุกกับการฉลาดเลือกบริโภคค่ะ
กราบนมัสการพระคุณเจ้าค่ะ
นานมากแล้วค่ะที่ไม่ได้เจอพระ
ดีใจค่ะที่พระคุณเจ้าแวะมา
สวัสดีค่ะ คุณครูคิม
ขอบคุณมากๆ ค่ะ สำหรับกำลังใจ
ได้กำลังใจแล้วหน้าชื่นตาบานค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูล
ขออนุญาต นำไปปรับใช้นะค่ะ
โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจ ที่เจอบ่อย
ขอบคุณเช่นกันค่ะ
พอดีผมกำลังทำวิทยานิพนธ์เรื่องนี้พอดีครับ
ข้อมูลมีประโยชน์มาก ถ้ามีข้อมูลเพิ่มเติ่ม
รบกวนส่งให้ด้วยนะครับ [email protected]
ขอบคุณมากๆครับ
สารเคมีทุกอย่างมีทั้งคุณและโทษ จะคุณหรือโทษอยู่ที่ปริมาณและความเข้มข้นครับ
อะไรที่ว่าดีมีประโยชน์ถ้ามากเกินก็ย่อมเป็นพิษ สารพิษบางชนิดเมื่อใช้ในปริมาณน้อยลงจนเหมาะสมก็ย่อมเป็นประโยชน์ได้ เช่น น้ำไม่น่าเป็นพิษแต่ถ้าเราดื่มน้ำสัก10ลิตร/วันก็คงตาย พิษจากพืช สัตว์ รา แบคทีเรียหรือแร่ธาตุบางชนิดเมื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมกลับกลายเป็นยาได้ ไม่ว่าจะพาราเซตตามอล แอสไพริน คลอร์เฟนิรามีนล้วนเป็นพิษทั้งหมด เมื่อนำมาใช้ในปริมาณที่เหมาะสมก็กลับเป็นยาได้
potassium chlorided ก็ใช้ฉีดเข้าเส้นเลือดเพื่อประหารชีวิตนักโทษได้ด้วยนี่ครับ
ใช่เลยค่ะ คุณ boat2231 ถูกต้องทุกประการค่ะ
Potassium chloride ถ้าเข้าใจไม่ผิดน่าจะใช้ฉีดเพื่อให้หัวใจหยุดเต้นค่ะ
ขอถามค่ะ อากงเป็นโรคไต ความดันสูง เบาหวานและอัมพฤตด้วย สามารถทานน้ำปลาลดโซเดียมได้หรือไม่คะ ปัจจุบันใช้เครื่องปรุงปกติในปริมาณที่น้อยอยู่แล้ว หากใช้ในปริมาณเท่าเดิมแต่เปลี่ยนเป็นสูตรลดโซเดียมจะมีผล ดีหรือผลเสียยังไงคะ?
คือในรายที่เป็นความดันเลือดสูงสูตรลดโซเดี่ยมช่วยได้ถูกมั้ยครับแต่คนเดียวกันเลยเป็นโรคไตด้วยและลดเค็มไม่ค่อยได้ กรณีพ่อตาผมเอง แล้วดันมีเบาหวานด้วย หัวใจอีกอจะมีวิธีการดูแลเรื่องรสชาติยังไงครับเผื่อท่านอื่นเป็นเหมือนเคสพ่อตาผมขอบคุณครับ ไม่มีรสชาติเลยก็กินไม่ลง เอาอะไรให้กินก็ต้องใส่ Equre ตลอด