ความเดิม http://gotoknow.org/blog/mikau/233317
“เดือนสามค้อย ลมวอย ๆ บุญข้าวจี่”
บุญเดือนสาม : บุญข้าวจี่
เมื่อถึงเดือนสาม ชาวอีสานจะมีประเพณีบุญข้าวจี่ ชาวบ้านจะถวายข้าวจี่ ข้าวโป่ง
ข้าวเขียบแด่พระสงฆ์ และนำบางส่วนใส่กระทงใบตองเอาไปวางที่หน้าธาตุบรรจุกระดูกของญาติตนเองนัยว่าให้เขาเหล่านั้นได้กินข้าวจี่
ในเดือนสามนี่จะมีบุญพิธีซ้อนกันอยู่ 3 บุญ คือ
1. บุญข้าวจี่ เป็นแสดงถึงความเคารพแด่พระสงฆ์ด้วยการบูชาข้าวจี่ เพราะสมัยก่อนนั้นไม่มีขนมขบเคี้ยวดังเช่นทุกวันนี้ ข้าวจี่ ข้าวโป่ง ข้าวเขียบ เป็นของขบเคี้ยวที่กินได้นานวัน ทั้งยังเป็นการบูชาข้าวตาม “คลอง 14” ที่ว่าด้วยการกินข้าวของชาวอีสานว่าต้องทำบุญก่อนปลูกข้าว ทำบุญตอนปักดำ ทำบุญตอนข้าวตั้งท้อง ทำบุญตอนเก็บเกี่ยวเสร็จ ทำบุญขนขึ้นเล้า ทำบุญก่อนปิดเล้า ทำบุญก่อนเปิดเล้า
เห็นได้ว่าพิธีกรรมเกี่ยวกับข้าวดังกล่าว เป็นกุศโลบายที่ขัดเกลาให้
ชาวนาเคารพข้าวและเห็นคุณค่าของข้าวเป็นอย่างยิ่ง ก่อนเปิดเล้าข้าวจึงต้องนำเอาข้าวที่คัดไว้สำหรับบริโภคนั้นมาทำข้าวจี่ ข้าวโป่ง ข้าวเขียบบูชาพระก่อน
2. บุญเบิกฟ้า เป็นพิธีทำนายและต้อนรับฝน กล่าวคือเมื่อถึงเดือน 3 ขึ้น 3 ค่ำ เวลาเที่ยงคืน จะมีปรากฏการณ์ธรรมชาติ คือ ฟ้าแลบฟ้าร้อง ชาวบ้านจะสังเกตว่าฟ้าร้องในทิศใดจะมีคำทำนายถึงฟ้าฝนว่าปีนี้จะเป็นอย่างไรเรียกว่า “ฟ้าไขประตูน้ำ” นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งเครื่องบูชาพระแม่โพสพแล้วทำนายที่กระดูกคางไก่ด้วยว่าข้าวในนาจะเป็นเช่นไร
เห็นได้ว่าพิธีกรรมนี้เป็นการเตือนสติให้ชาวนาเตรียมพร้อมในการทำนาเมื่อถึงฤดูกาล ระหว่างนี้ต้องซ่อมแซมบำรุงรักษาเครื่องใช้ให้สามารถใช้ได้ดีเสมอ
3. พิธีเปิดเล้า หลังจากนวดข้าวเป็นสาวเปลือกแล้วชาวนาจะแบ่งข้าวไว้สองส่วน ส่วนที่หนึ่ง (จำนวนมาก) จะนำไปไว้ในเล้า ส่วนที่สองจะเอาไว้บริโภค(จำนวนน้อย)
ก่อนจะปิดเล้าจะต้องหาหมอธรรมมาทำพิธีขอขมาข้าวแล้วฝากข้าวไว้กับเทวดาไม่ให้ข้าวบินหนีไปไหน จากนั้นจะปิดแน่นไม่เปิดอีกเลยจนถึงเดือนสาม จึงให้หมอธรรมมาทำพิธีเปิดเล้าอีกครั้งเพื่อขออนุญาตข้าวและเทวดารักษาข้าวว่าจะนำข้าวมาเพื่อบริโภค
เห็นได้ว่าพิธีกรรมดังกล่าวสะท้อนถึงความออดออมในการบริโภคอาหาร การมัธยัดโดยใช้ความเชื่อและพิธีกรรมควบคุมจิตใจเพื่อให้เหลือข้าวไว้กินตลอดปี กุศโลบายเช่นนี้ถูกทลายหายไปในชุมชนอีสาน ชาวนาจึงไม่เหลือข้าวกินทั้งปีอีกแล้ว
ขอชื่นชม ในวิถีอันงดงาม