Acad.-Edu.
นางสาว ธันย์ชนก ปานทะโชติ

... รู้หรือไม่รู้(°ο°)~ ...


"คนฉลาด" คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้ ส่วน "คนโง่" นั้น คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้

                สงกรานต์เป็นเทศกาลที่สนุกมากนะคะสำหรับหลายๆ คน โดยเฉพาะเด็กๆ ที่จะได้เล่นปืนฉีดน้ำ และเล่นสาดน้ำกันจนตัวเปียก แล้วไม่โดนคุณพ่อคุณแม่ดุ  สำหรับตัวเอง เทศกาลสงกรานต์ทุกปีไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนหรอกค่ะ  และไม่รู้สึกตื่นเต้นกับการเล่นสาดน้ำสักเท่าไหร่ สันนิษฐานเอาเองค่ะว่าคงจะเป็นเพราะตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยปล่อยให้ออกไปเล่นสาดน้ำเลย  ตอนสมัยรุ่นๆ ก็เคยมีเพื่อนๆ ชวนไปเล่นสาดน้ำกับเขาเหมือนกันค่ะ  แต่ก็ยังไม่ทันได้ตอบเลย คุณพ่อคุณแม่เซ็นเซอร์ค่ะ  อดเล่นไปตามระเบียบ  แล้วมันก็กลายเป็นความเคยชินไปค่ะ  เป็นเด็กไม่ดื้อซะด้วยก็ในเมื่อท่านไม่ให้เล่นก็ไม่เล่นค่ะ  สงกรานต์ก็เลยอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน  กลัวน้ำ เอ้ย! กลัวเปียกค่ะ

                 ด้วยความที่เป็นวันหยุดยาวติดกันหลายวันก็เลยได้มีโอกาสปัดฝุ่นหนังสือที่สะสมไว้ ห่อปกไว้อย่างดีทุกเล่มค่ะ  แต่ไม่อ่าน อ้าว!  แฮะๆๆๆ จริงๆ แล้วก็สะสมไว้อ่านนั่นแหละค่ะ แต่ไม่มีเวลาอ่านจริงๆ จังๆ สักที คราวนี้ก็เลยได้โอกาส หยิบออกมาอ่านสักเล่มสองเล่ม เวลาได้อ่านหนังสือนี่มันรู้สึกมีความสุขยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูกค่ะ  แต่จะให้ดีกว่านั้น ต้องสร้างบรรยากาศนิดนึงค่ะ  ต้องมีเก้าอี้ผ้าใบแบบโรงแรมห้าดาวที่เขาเอาวางไว้ริมสระว่ายน้ำอ่ะค่ะ (เว่อร์)  แล้วก็มีเสียงคลื่น เสียงลมทะเลด้วยนะคะ  เอ้า! ตื่นๆๆๆๆๆ 

                 ได้อ่านบทความเรื่องหนึ่งค่ะ จากหนังสือพิมพ์น่าจะนานเก่าเก็บแล้วนะคะ ไม่ได้สนใจดูวันที่เลยค่ะ อ่านแล้วชอบ ขอคัดมาบางส่วนนะคะ  และขออนุญาตท่านผู้เขียนบทความไว้ ณ ตรงนี้ด้วยค่ะ  ท่านผู้เขียนได้เขียนถึง ดร.วรภัทร  ภู่เจริญ  ซึ่งท่านเป็นวิศวกรขององค์การอวกาศนาซา ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเกือบ 20 ปีก่อน เคยได้รับรางวัลงานวิจัยที่ดีที่สุดระดับโลกเกี่ยวกับเครื่องยนต์ไอพ่นตัดสินใจกลับเมืองไทยเพราะ อยากดูแลพ่อแม่  ไม่อยากเป็นพลเมืองชั้นสองในบ้านพักคนชรา อยากเที่ยว และชอบกินอาหารอร่อย ท่านเคยเป็นอาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะออกมาตั้งบริษัทที่ปรึกษาของตัวเอง มีบทสัมภาษณ์ของ ดร.วรภัทร ถึงตอนที่ท่านออกข้อสอบ ข้อสอบของท่านสั้นและกระชับมาก

                 "จงออกข้อสอบเอง พร้อมเฉลย" ...นิสิตวิศวะ อึ้งกันทั้งห้อง...คำตอบส่วนใหญ่เป็นการตั้งโจทย์แบบง่ายๆ เช่น ปั้นจั่นมีกี่ชนิด ผลปรากฎว่าได้ศูนย์กันทั้งห้อง เพราะเป็นคำตอบที่ไม่ได้แสดงความคิดที่ลึกซึ้งสมกับที่เรียนมาทั้งเทอม

                 เหตุผลที่ ดร.วรภัทร ออกข้อสอบด้วยการให้นิสิตออกข้อสอบเองเป็นเหตุผลที่ตรงกับใจมาก  "ชีวิตคนเราจะรอให้อาจารย์ตั้งโจทย์อย่างเดียวไม่ได้   ต้องหาโจทย์มาเอง   คิดแล้วทำ ถ้าผิดแล้ว อาจารย์จะปรับให้"  เขามองว่าเด็กรุ่นใหม่ติดนิสัยเด็กกวดวิชา รอคนคาบทุกอย่างมาป้อนให้ ไม่รู้จักคิดเอง  "ถ้ารอและตั้งรับ คุณก็เป็นพวกอีแร้ง แต่พวกคุณแย่กว่าเพราะเป็นแค่ลูกอีแร้ง คือ รออาหารที่คนอื่นป้อนให้"

                ท่านผู้เขียนบทความเชื่อว่าชีวิตของคนเราเป็นข้อสอบอัตนัย ที่ต้องตั้งโจทย์เองและตอบเอง  ไม่ใช่ข้อสอบปรนัยที่มีคนตั้งโจทย์ และมีคำตอบเป็นทางเลือก ก-ข-ค-ง ถ้าใครที่คุ้นกับ "ชีวิตปรนัย" ที่มีคนตั้งโจทย์ให้และเสนอทางเลือก 1-2-3-4  คนคนนั้นชีวิตจะไม่ก้าวหน้า เพราะต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลาติดกับ "กรอบ" ที่คนอื่นสร้างให้  ไม่เหมือนกับคนที่รู้จักคิดและตั้งคำถามเอง เรื่องการตั้งคำถามกับชีวิตเป็นเรื่องสำคัญมาก  อย่าลืมว่าเพราะมี "คำถาม"จึงมี "คำตอบ" เมื่อมี "คำตอบ" เราจึงเลือกเดิน 

                 พูดถึงเรื่องการตั้งคำถาม ท่านผู้เขียนนึกถึง "โสเครติส"  เขาเป็นนักปรัชญาเอกของโลก ที่สอนลูกศิษย์ด้วยการสนทนา ตั้งคำถามให้ลูกศิษย์ตอบ สร้างองค์ความรู้ จาก "คำถาม" 

                 กลยุทธ์ของ "โสเครติส" ในการสอน  คือ  ไม่ให้ความเห็นใดๆ แก่นักเรียน และทำลายความมั่นใจของนักเรียนที่เชื่อว่าตนเองรู้  

                 "โสเครติส" เชื่อว่าเมื่อเด็กตระหนักใน "ความไม่รู้"  ของตนเอง เขาจะเริ่มต้นแสวงหา "ความรู้ "  แต่ถ้าเด็กยังเชื่อมั่นว่าตนเองมี "ความรู้" เขาก็จะไม่แสวงหา "ความรู้ "  การตั้งคำถามของโสเครติส  จึงมีเป้าหมายโจมตีและทำลายความเชื่อมั่นในภูมิความรู้ของนักเรียน  เป็นกลยุทธ์ เท "น้ำ" ให้หมดจากแก้ว เมื่อแก้วไม่มีน้ำ แล้วจึงเริ่มให้เขาเท "น้ำ" ใหม่ใส่แก้วด้วยมือของเขาเอง "น้ำ" ที่ลูกศิษย์แต่ละคนเทลงแก้วด้วยมือตัวเองมาจาก "คำตอบ" ที่เขาค้นคิดขึ้นมาเอง "คำตอบ" จาก "คำถาม" ของ "โสเครติส"

                 "โสเครติส" นิยามศัพท์คำว่า "คนฉลาด" และ "คนโง่" ได้อย่างน่าสนใจ

                 "คนฉลาด" ในมุมมองของ "โสเครติส" นั้นไม่ใช่คนที่รู้ทุกเรื่อง แต่ "คนฉลาด" คือคนที่รู้ว่าตัวเองไม่รู้  

                  ส่วน "คนโง่" นั้น คือ คนที่ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้แต่ทำตัวราวกับเป็นผู้รู้  

                 พออ่านบทความนี้จบ  ความรู้สึกภูมิใจในความรู้ที่ตัวเองมี ลดลงมากอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ  รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมาทันที  ขอไปหาน้ำมาเติมให้เต็มแก้วก่อนนะคะ 

หมายเลขบันทึก: 24081เขียนเมื่อ 16 เมษายน 2006 10:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:44 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์
  • ขอขอบคุณอาจารย์ธันย์ชนก...
  • บันทึกนี้โดดเด่นมากครับ มีการใช้ภาพเคลื่อนไหว และการตั้งชื่อเรื่องเป็นอักษรพิเศษ...
  • ขอขอบคุณอีกครั้ง

บันทึกนี้อ่านแล้วไม่ผิดหวังเลยค่ะ  อ่านแล้วได้ข้อคิดมากมายเลย

 

ชีวิตก็คงเหมือนกันอาจจะเดาไม่ยากเหมือนหลับตากา ก-ข-ค-ง   แต่ถ้าเขียนคำตอบเองแบบอัตนัยคงดีกว่ากันเยอะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท