กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น
ลักษณะที่ 1 การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นจากสภาพปัญหาและความต้องการของชุมชน
2. การวิเคราะห์สภาพปัญหาชุมชนและความต้องการของผู้เรียน
3. การเขียนแผนการสอน
4. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
5. การประเมินผล
ลักษณะที่ 2 การพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นจากหลักสูตรแกนกลาง
1. การวิเคราะห์หลักสูตรแกนกลางและวิเคราะห์สภาพปัญหาของชุมชน
2. กาจจัดหมวดหมู่สภาพปัญหาและความต้องการที่ส่งผลต่อผู้เรียน
3. การเขียนแผนการสอน
4. การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
5. การประเมินผล
ขั้นตอนที่ 1 การสำรวจสภาพปัญหาชุมชน
1. ศึกษาข้อมูลจากเอกสาร ซึ่งเป็นข้อมูลทุติยภูมิ หรือข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้แล้ว
2. ศึกษาข้อมูลโดยการเข้าไปสำรวจจริง เป็นข้อมูลปฐมภูมิที่รวบรวมโดยตรงจากชุมชน
วิธีการสำรวจสภาพปัญหาชุมชน
1. ศึกษานโยบาย กรมการศึกษานอกโรงเรียนและหรอบเนื้อหาหลักสูตร(ขอบข่ายเนื้อหา)เพื่อกำหนดทิศทางการจัดกิจกรรม
2. ศึกษาข้อมูลสภาพแวดล้อมของชุมชนในประเด็นต่างๆของแต่ละรายการ ดังนี้
2.1 โครงสร้างด้านกายภาพและประวัติชุมชน : การตั้งบ้านเรือนของชุมชน / ประวัติชุมชน / สภาพภูมิศาสตร์ / การคมนาคม
2.2 โครงสร้างด้านประชากร : รายชื่อครัวเรือน / จำนวนประชากร ชาย - หญิง , กลุ่มอายุ
2.3 โครงสร้างด้านเศรษฐกิจ : การประกอบอาชีพ / รายได้เฉลี่ย / ทรัพยากร / การใช้แรงงาน / ระบบการไหลเวียนของทรัพยากรในครัวเรือน
2.4 โครงสร้างทางด้านการศึกษา สังคม และวัฒนธรรม : ระดับการศึกษา / จำนวนนักเรียน ชาย - หญิง,ออกกลางคัน,เรียนต่อ / ความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่ม / การมีส่วนร่วม / ความเชื่อ / การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่น
2.5 โครงสร้างทางด้านการเมืองการปกครอง : การแก้ไขปัญหา( การรับความช่วยเหลือจากองค์กรรัฐ/เอกชน) / ความเข้าใจในบทบาทหน้าที่
2.6 โครงสร้างทางด้านความต้องการของชุมชน : ความต้องการด้านต่างๆ
ขั้นตอนที่ 2 การวิเคราะห์สภาพปัญหาชุมชนและความต้องการของผู้เรียน
สภาพปัญหาของชุมชนที่หลากหลาย ทั้งที่เป็นปัญหาแค่ระดับความต้องการ (Want) หรือความจำเป็น (Need) ขั้นต่อไปคือการนำสภาพปัญหาทั้งหมดมาแจกแจงจัดหมวดหมู่และพิจารณาองค์ประกอบต่างๆเช่น
1. ความรุนแรงของปัญหา
2. ความยากง่ายในการดำเนินการแก้ปัญหา
3. ความเร่งด่วนของปัญหา
4. ทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชน และการนำทรัพยากรเหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชยน์สูงสุด
ขั้นตอนที่ 3 การเขียนแผนการสอน
1. การกำหนดหัวข้อเนื้อหา ( Theme ) หัวข้อเนื้อหาของการเรียนการสอน หรือชื่อของหลักสูตร ได้มาจากความต้องการที่ปรากฏในขั้นตอนที่ 2
2. การเขียนสาระสำคัญ ( Concept ) สาระสำคัญหมายถึงบทสรุป ใจความสำคัญของเรื่อง เน้นถึงความคิดรวบยอด หลักการ ทักษะหรือ ลักษณะนิสัยที่ต้องการปลูกฝังให้เกิดขึ้นกับผู้เรียน
3. การกำหนดขอบเขตเนื้อหา เป็นการระบุว่าหัวข้อเนื้อหานั้นครอบคลุมและสัมพันธ์กับวิชาใดสามารถระบุจำนวนชั่วโมงในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้ และบูรณาการการเรียนการสอน
4. การกำหนดจุดประสงค์ทั่วไปหรือจุดประสงค์ปลายทาง เป็นจุดประสงค์ที่คาดว่าผู้เรียนเมื่อเรียนจบในเนื้อหาวิชานั้นๆแล้ว จะทำอะไรได้บ้าง หรือมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไร
5. การกำหนดจุดประสงค์เฉพาะหรือจุดประสงค์นำทาง เป็นจุดประสงค์ย่อย หรือเป้าหมายของการเรียนการสอนที่ปราถนาจะให้เกิดกับผู้เรียนในการเรียนการสอนแต่ละหัวข้อเรื่องย่อยโดยมุ่งเน้นที่จะพัฒนาผู้เรียนในด้านความรู้ความสามารถ ทักษะปฏิบัติ ทัศนคติและกระบวนการจัดการซึ่งนิยมเขียนในลักษณะของจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สามารถประยุกต์สู่การเรียนรู้หรือใช้กับชีวิตจริงได้
6. การกำหนดกิจกรรมการเรียนการสอน ให้ดำเนินการโดยวิธีของทฤษฎีเชิงระบบ ( System Approach )
6.1 ครูและผู้เรียน ร่วมกันรวบรวมความรู้ ซึ่งเป็นขั้นตอนของการจัดกิจกรรมหรือ Input ( I ) แก่ผู้เรียน
6.2 ผู้เรียน แสดงผลของความรู้ที่ได้รับไปอภิปรายหรือคิดค้นวิธีปรับ / ประยุกต์ ใช้ในวิถีชีวิตของผู้เรียน ซึ่งถือว่าเป็นขุ้นตอนของกระบวนการหรือ Process ( P )
6.3 ผุ้เรียน แสดงผลของความรู้ หรือการเรียนรู้ที่สามารถประยุกต์ใช้ กับชีวิต ซึ่งเป็นขั้นตอนของผลผลิตหรือ Output ( O )
การเขียนกิจกรรมการเรียนการสอนให้เรียนตามลำดับขั้นตอน I - P - O
7. สื่อการเรียนการสอน เป็นการระบุว่าในการเรียนการสอนตามหัวข้อเนื้อหา ( Theme ) นั้นๆ จะต้องใช้สื่ออุปกรณ์อะไรบ้าง จะได้สื่อและอุปกรณ์มาด้วย วิธีใด และระบุตามจุดประสงค์เฉพาะเป็นรายข้อ
8. การประเมินผล เป็นการประเมินผลการจัดการเรียนการสอนที่ผู้เรียนได้เรียนตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ โดยการใช้แฟ้มสะสมงานซึ่งเป็นผลการทำงานที่ผู้เรียนได้ฝึกปฏิบัติ แล้วเก็บเข้าแฟ้มสะสมงานไว้ ครูให้ผู้เรียนประเมินชิ้นงานของตนเอง โดยการเลือกชิ้นงานที่ดีที่สุดเพื่อไว้ประเมินผลต่อไป
"กระบวนการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่น .". [ออนไลน์]. เข้าถึงได้ http://pirun.ku.ac.th/ ~g4786027/ download/content/content1/content11/content112/content112.1/content112.1.2.doc วันที่ 2 ก.พ.2552
ไม่มีความเห็น