ขบวนการ “หัวรถไฟ”


นักศึกษาแต่ละคนก็เปรียบเหมือนอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นเครื่องยนต์จนเป็นหัวรถไฟในที่สุด การทำงานร่วมกัน บางครั้งอุปกรณ์บางตัวก็เกเร บางตัวก็เจ็บป่วย ทำให้อุปกรณ์อื่นๆ ต้องแบกภาระมากขึ้น ก็คงต้องดูแลกันไป หยอดน้ำมันหล่อลื่นที่เรียกว่า “น้ำใจ” เยอะๆ แล้วหัวรถไฟของเราคงมีแรงวิ่งอีกนาน

 

๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ ประมาณทุ่มกว่าๆ ณ ร้านหมูกะทะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย

                 เสียงหนุ่มสาวเซ็งแซ่กันขึ้นมาว่า เรายังทำงานกันไม่เสร็จนะ ชื่อชมรมยังไม่ได้ตั้ง วัตถุประสงค์ก็ยังไม่ได้คิด คนนี้พูด คนนั้นกิน คนโน้นกำลังแหย่เพื่อน ป้าต๊อกมองความวุ่นวายตรงหน้า แล้วเห็นตัวเองกับเพื่อนๆ เมื่อสิบกว่าปีที่ผ่านมา แม้จะไม่ใช่เรื่องเดียวกัน แต่บรรยากาศไม่ต่างกัน

 ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ประมาณห้าโมงเย็น ณ ห้อง ๒๐๗

                 เด็กๆ เริ่มประชุมกันไปแล้ว ป้าต๊อกเข้ามาทันเห็นโครงสร้างของชมรม มึดากำลังนำเสนอว่า ชมรมน่าจะประกอบไปด้วยฝ่ายต่างๆ อย่างไรบ้าง ซึ่งที่นำเสนอในครั้งนี้ได้มีการพูดคุยในกลุ่มเล็กๆ มาก่อน หากในที่ประชุมใหญ่เห็นแตกต่างก็เสนอได้ และที่ต้องเสนอเพื่อตกลงกันคือ ใครจะทำหน้าที่ใดบ้าง กวาดตามองคร่าวๆ มีนักศึกษาเข้าร่วมประชุมวันนี้ประมาณ ๒๐ คน นายอุ้มนักศึกษาปริญญาโท ๑ คน นอกนั้นก็คละกันไปทุกชั้นปี ปี ๓ จะเยอะหน่อย และได้รับการเลือก (vote) ให้รับผิดชอบทำหน้าที่ต่างๆ มากที่สุด

                ระหว่างที่เด็กๆ ดำเนินการประชุม เราได้คุยกับอาจารย์แหววผ่านทาง msn บอกเล่าอาจารย์ถึง “จุดเริ่มต้น” และอาจารย์ก็เป็นกำลังใจให้ รวมถึงช่วยขัดเกลาคำในวัตถุประสงค์ให้ด้วย แต่แย่แล้ว ป้าต๊อกลืมบันทึกวัตถุประสงค์ คงต้องให้เด็กๆ เข้ามาช่วยเติมในส่วนนี้แล้วหละ L

 ๒๑ มกราคม ๒๕๕๒ ประมาณเกือบสองทุ่ม ณ ร้านหมูกะทะไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย

                 เสียงใสๆ ของเจนี่ก็ดังขึ้น ถ้ายังไม่มีใครเสนอ หนูขอเสนอชื่อชมรมนะคะ ใช้ชื่อชมรม “ก้านยาว” ค่ะ สิ้นเสียงของสาวปี ๓ พี่ๆ (เพราะปี ๓ เล็กสุดแล้ว ณ เวลานั้น) ก็ร้อง ฮะ ร้อง หา กันเป็นแถว เดี๋ยวสิคะ ให้หนูอธิบายก่อน คือ หนูชอบกินทุเรียน..ฮิ้ว..เสียงแซวลอยมา แล้วทุเรียนที่อร่อยที่สุด ดีที่สุด ก็ต้องก้านยาว แล้วเราก็กำลังจะตั้งชมรมเพื่อทำในสิ่งที่ดีๆ หนูเลยคิดว่าชื่อนี้มันก็ไม่เลวนะคะ

                แม้เหตุผลประกอบของน้องเจนี่จะดูดียังไง ก็ไม่มีใครอยากจะเล่นด้วย จู่ๆ ก็มีคนเสนอว่า เอ๊ะ..หรือเราจะใช้ชื่อรถไฟ..หัวรถไฟ พอพูดถึงรถไฟปั๊บ หลายๆ คนถึงกับหัวเราะเมื่อโยงเหตุการณ์ไปถึงช่วงที่เราไปสบเมย เพื่อร่วมงานวันเด็กไร้สัญชาติด้วยกัน แต่เหตุการณ์นั้นมันเป็นเพียงเหตุผลขำๆ ของพวกเรา แต่สิ่งที่บอกความหมายของหัวรถไฟ คือ เราจะขึ้นรถไฟขบวนเดียวกัน เรามีจุดหมายปลายทางเดียวกัน เพื่อทำในสิ่งที่ดี มีประโยชน์ และรับใช้สังคม นอกจากนี้ ในแต่ละครั้งที่รถไฟออกเดินทาง ทุกคนมีจุดเริ่มต้นเดียวกัน ที่นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ ส่วนปลายทางของเรา จะเป็นที่ไหนก็ได้ ที่พวกเราสามารถทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ ณ ที่นั้น

                ป้าต๊อกฟังแต่ละเหตุผลด้วยความอิ่มใจ คืนนั้น ป้าต๊อกกลับก่อนงานเลี้ยงจะเลิกรา จึงไม่รู้ว่าบทสรุปของชื่อชมรมจะเป็นอย่างไร ชมรม “ก้านยาว” หรือชมรม “หัวรถไฟ”

 ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๒ ประมาณหกโมงเย็น ณ ห้อง ๒๐๗

                 ขณะที่เด็กๆ กำลังพิมพ์บอกวัตถุประสงค์ให้กับอาจารย์แหวว ป้าต๊อกก็เห็นชื่อชมรม...ชมรม “หัวรถไฟ” ถามเด็กที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่าใช้ชื่อนี้หรือ ก็ได้คำตอบว่าทุกคนเห็นด้วยกับชื่อนี้ แม้ว่าป้าต๊อกจะเข้ามาไม่ทันในช่วงที่อธิบายชื่อชมรม แต่เดาว่า คงไม่ผิดจากเหตุผลที่ได้รับฟังจากวงหมูกะทะเท่าไร

                ระหว่างประชุม ป้าต๊อกก็เห็นภาพเด็กๆ รวมตัวกันรอขึ้นรถ เพื่อจะไปที่ใดที่หนึ่ง หน้ารถคันนั้นเขียนว่า

               

ชมรม หัวรถไฟ

สถานีต้นทาง : นิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพายัพ

สถานีปลายทาง : หมู่บ้าน...อำเภอ...จังหวัด..

                  เอ๊า...ป้าต๊อกนั่งฝันกลางที่ประชุมซะงั้น -_-

                 ช่วงสุดท้าย ป้าต๊อกก็ตั้งข้อสังเกตอะไรเล็กๆ น้อยๆ ตามธรรมเนียม คือ ทุกตำแหน่งงาน ควรมีน้องๆ ปี ๑ และปี ๒ มาช่วยทำงาน เพื่อเป็นการศึกษางานไปในตัว นอกจากนี้ ควรมีรายละเอียดของงานแต่ละตำแหน่งด้วย เพื่อความชัดเจนในการทำงาน และควรจะปรับเปลี่ยนได้ เมื่อเห็นว่าการทำงานไม่ราบรื่น

                 หัวรถไฟเริ่มเป็นรูปร่าง แต่จะทำงานหรือไม่ขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์กลไก การดูแลรักษาให้อุปกรณ์ต่างๆ อยู่ในสภาพที่ดี พร้อมใช้งาน นักศึกษาแต่ละคนก็เปรียบเหมือนอุปกรณ์ที่ประกอบเป็นเครื่องยนต์จนเป็นหัวรถไฟในที่สุด การทำงานร่วมกัน บางครั้งอุปกรณ์บางตัวก็เกเร บางตัวก็เจ็บป่วย ทำให้อุปกรณ์อื่นๆ ต้องแบกภาระมากขึ้น ก็คงต้องดูแลกันไป หยอดน้ำมันหล่อลื่นที่เรียกว่า “น้ำใจ” เยอะๆ แล้วหัวรถไฟของเราคงมีแรงวิ่งอีกนาน J

 

 

 

 
หมายเลขบันทึก: 239905เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2009 19:32 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2012 08:33 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

เลือกตั้งชื่อชมรมได้เยี่ยมจริง ๆ ขอเอาใจช่วยให้ "หัวรถไฟ" นี้มีพลังดีๆ และ แรง ๆ ซึ่งจะทำให้มีความสามารถลากจูงโบกี้ทุกประเภท ที่บรรทุกทั้งคน สัมภาระ พัสดุ สินค้า ฯลฯ ไปยังจุดหมายปลายทางที่ต้องการ

อาจารย์รักษ์คะ

ขอบคุณค่ะที่ให้กำลังใจ ต๊อกจะรีบบอกเด็กๆ ใน "หัวรถไฟ" โดยพลัน

ดีใจที่สุดเลยค่ะ...ทุกกำลังใจจะกลับไปหลอมให้เป็นน้ำมัน ที่ทำให้หัวรถไฟไปยังจุดหมายต่อไปค่ะ...

หนูมาบอกวัตถุประสงค์ของชมรมหัวรถไฟค่ะ

1. เพื่อช่วยเหลือบุคคลที่มีปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมาย

2. เพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายสู่ชุมชน

3. เพื่อช่วยเหลือและรับใช้สังคม

4. เพื่อพัฒนาศักยภาพนักศึกษา

5. เพื่อสร้างความสมานฉันท์พี่น้องในคณะ

ขอบคุณจริงๆนะคะ (^_^)

อาจารย์คะ...เพื่อนหนูชื่อเจนนี่ค่ะ ตอนแรกเข้าใจว่า อ.คงเขียนตก

แต่อ่านไปอ่านมาแล้ว...ไม่น่าจะใช่ น่าจะเเป็นการเข้าใจผิดมากกว่า

หรืออ.คิดว่าน่าจะเปลี่ยนเป็น โดเรมอนดีคะ...อิอิอิ

ขอบคุณป้าต๊อกที่สรุปเรื่องราว และกิจกรรมต่างๆให้ตลอดเลยค่ะ ป้าต็อกคะ วันพุธที่18 เราไปด้วยกันนะคะ มีกิจกรรมดีๆเยอะแยะมากมายเลยค่ะ อยากให้ป้าไปเป็นขวัญและกำลังใจให้พวกเราค่ะ และบางทีอาจจะมีการพูดถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในเทอมหน้า

มึดาเพื่อนรัก ทำกันได้

ลืมไปค่ะ ต้องขอบคุณที่ป้าต๊อกเขาไปอ่านแล้วแสดงความคิดเห็นนะคะ

หนูไม่รู้จะไปเม้นท์ตอบกลับป้าตรงไหน เลยมาเม้นท์ตรงนี้ซะเลย

ป้าคะหนูเพิ่งรู้สึกว่าชื่อโดราเอมอนมันน่ารัก ถูกใจหนู ก็ตอนที่ป้าเรียกนี่ล่ะค่ะ5555

แล้วก็ขอบคุณสำหรับคำคมดีๆที่ป้าให้ค่ะ หนูจะจำไว้แล้วเอาไปใช้ให้เกิดผลที่ดีกับชีวิตค่ะ

ป้า วันที่ ๑๘ มา ร่วมกิจกรรมด้วยกันเนาะครับ

การเป็นคนเก่ง กับ เป็นคนมีประโยชน์ ต่างกันไหมครับ ?

แต่ที่แน่ๆสองคำนี้จะยืนอยู่กับเราเมื่อเราทำผ่านไปแล้ว

 

อาจารย์ครับ

อันดับแรกเลยก็ ขอขอบคุณอาจารย์มากๆเลยครับที่เริ่มต้นในการทำชมรมที่มีลักษณะช่วยเหลือสังคมขึ้นมา

ตัวผมเองก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยเหลือในทุกๆด้านนะครับ หากอาจารย์และน้องร้องขอมา ก็พร้อมที่จะเข้าไปช่วยครับ ในทุกๆด้าน

การที่เราจะจัดทำชมรมที่มีส่วนช่วยเหลือสังคมแบบนี้นั้น ก็คงจะรู้นะครับว่ามีแรงเสียดทานมากแค่ไหน แต่หากไม่เริ่มทำเราก็ไม่รู้ว่ามันจะทำได้ไหม ใช่ไหมครับอาจารย์

นังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์และน้องๆทุกคนที่มีความตั้งใจที่จะเป็นฟันเฟืองในชมรมหัวรถไฟทุกคนนะครับ

ก๊อด

ป้าต๊อกคะ พักผ่อนเยอะๆนะคะ

บางที การเริ่มต้นในการช่วยเหลือสังคมก็อาจทำให้น้องๆเขาได้เห็นในสิ่งที่เขาไม่คิดว่า ปัจจุบันยังมีกลุ่มบุคคลที่ยังต้องการให้ความช่วเหลือจากเขาเหล่านั้นอยู่ บางที สิ่งที่ได้ทุ่มแรงกาย แรงใจ ไป ในสิ่งที่จะได้รับตอบแทนกลับมานั้นมันอาจจะมากมายกว่าเม็ดเงิน บางทีน้องๆทุกคนอาจจะได้รับรู้แล้วกลับมาเพื่อตั้งใจเรียนโดยมีเป้าหมายที่จะนำความรู้ที่เขาเรียนมาไปช่วยชาวบ้าน บางที...บางที...บางที ก็ไม่รู้นะว่าจะกี่บางที แต่หากสมาชิกชมรมรถไฟ ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่นี่ไปเขาก็อาจจะเป็นคนดีที่มีประสิทธิภาพต่อสังคมต่อไป เพราะจากวัตถุประสงค์ของชมรมแล้วนั้น ผมมีความเชื่อมั่นว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น

รักและศรัทธาในความตั้งใจและมุ่งมั่นของอาจรย์และน้องๆชมรมหัวรถไฟทุกท่านครับ

                                 ก๊อด พชภ.

นายอุ้ม ...คนเก่งอาจเป็นคนไม่มีประโยชน์ก็ได้ หากไม่ใช้ความเก่ง หรือใช้ความเก่งผิดทาง แต่ถ้าเราเก่ง และเราทำประโยชน์ให้เกิดแก่ตนเองและผู้อื่นได้ นั่นคือสิ่งที่น่าชื่นชมจ้ะ

นายก๊อด...ขอบใจเราด้วยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชมรม หากทุกที่ของการทำงาน มีแต่คนที่เต็มใจทำ เต็มใจช่วยเหลือซึ่งกันและกัน งานหนักแค่ไหน เราก็พร้อมจะลุยด้วยกันเสมอ แต่ถ้าหากเจอในทางตรงข้าม คือ ไม่อยากทำ เธอทำสิ ฉันคงไม่ไหว อะไรทำนองนี้ แม้งานจะไม่หนัก แต่คนที่อยากทำก็จะหนักใจ ป้าก็หวังว่า พวกเราจะยังคงมี "ความเต็มใจ" อยู่เรื่อยๆ จ้ะ

ถึงเด็กๆ ทุกคนจ้ะ ได้พบปะกับอาจารย์รักษ์เมื่อกี๊นี้ อาจารย์บอกว่า เด็กๆ หัวรถไฟนี่เขียนกันเยอะนะ (แล้วก็ยิ้ม) ก่อนจะบอกอีกว่า แปลกมาก เพราะอาจารย์ชอบหัวรถไฟ และมีภาพของหัวรถไฟเยอะมาก แล้วอาจารย์จะส่งให้ดู ป้าต๊อกเลยแอบคิดไปคนเดียวว่า ถ้าเห็นภาพไหนถูกใจ อาจขออนุญาตอาจารย์นำมาปรับ หรือใช้เป็นโลโก้ของชมรมจะดีมั้ยนะ

http://www.luxurytraveler.com/tgv_east_1.jpg

 

จะใส่รูป แต่มือเร็วไปนิด

รถไฟ TGV สายตะวันออกจ้ะ

 

 

แล้วคำตอบของเราทุกคนจะค่อยๆชัดเจนขึ้นๆหรือเบาบางลงเมื่อถึงเวลา ใช่ไหมครับ

นายอุ้มเอ๋ย...ชัดเจนขึ้นในบางเรื่อง อาจหมายถึงเบาบางลงในเรื่องนั้นได้เหมือนกันนะ เช่น (เตรียมจดเลคเชอร์ อิอิ) ชัดเจนว่าเราไม่อยากร่วมกิจกรรมในชมรมนี้ต่อไปแล้ว ก็เท่ากับว่า เราเบาบางลงในเรื่องการร่วมกิจกรรมในชมรมนี้เช่นกัน งงมั้ยนี่

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม หากเราทำเต็มที่ เรารู้ เราเห็น เราสัมผัส เราเข้าใจสิ่งนั้นด้วยตัวของเราแล้ว เราย่อมชัดเจนได้อย่างมีเหตุผล..เท่มั้ย !!

ป๊า..ครับ

รถไฟที่เรานั่งมันคงไม่เหมือนในรูปใช่ไหมครับ?

อาจารย์ต๊อกครับ

ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ตามหากมองไปข้างหน้าร่วมกันแล้วเห็นแต่ภาระงานที่หนัก แล้วท้อ ละก็ การเริ่มรากฐานของชมรมหัวรถไฟ ก็คงเป็นไปได้ยาก

            แต่หากเมื่อเราร่วมกันมอง ร่วมมือร่วมแรงกันทำ แม้ว่าการเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นอะไรที่ยากลำบากก็ตาม แต่มันก็คงไม่มีหนทางไหนที่พวกเราจะเดินไปไม่ได้

             ฝากถึงน้องๆชมรม ต้องรู้ไว้นะน้องๆทุกคน ว่าหนทางนะมันไม่ได้โรยไว้ด้วยกลีบกุหลาบ ทุกหนทางมันย่อมต้องมี อุปสรรค มีหวากหนาม อยากจะถูกทิ่มแทง เป็นแผลเลือดออก แต่ก็ขอให้พวกเราต้องร่วมกันคิดร่วมกันฟันฝ่า เมื่อเห็นเพื่อนล้มลุกบ้างก็อย่าได้ทิ้งกันแต่ขอให้ช่วยเหลือกันและกัน แล้วชมรมหัวรถไฟก็จะก้าวไปถึงฝันที่พวกเราทุ่นอนครับกคนวางเป้าหมายเอาไว้ อย่างแน่นอน

          แหมแต่ชอบคำคมอาจารย์มากๆๆเลยครับ ที่ว่า "หากเราทำเต็มที่ เรารู้ เราเห็น เราสัมผัส เราเข้าใจสิ่งนั้นด้วยตัวของเราแล้ว เราย่อมชัดเจนได้อย่างมีเหตุผล" อาจารย์เขียนบอกกล่าวได้อย่างเข้าใจและลึกซึ้งเลยครับ งานนี้เมื่อผมรับแล้วก็ไม่มีทางที่จะหนีหายไปไหนแน่นนอนครับ

"เต็มที่ เต็มใจ พร้อมช่วย" ครับ

รักและศรัทธาทุกๆคนครับ

ก๊อด พชภ

มูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา

 

นายโดด ไม่แน่นะ เราอาจจะได้ "นั่ง" รถไฟเหมือนในรูปก็ได้ (รถไฟสายตะวันออกที่เห็นในรูปน่ะ มันไปเมืองที่ป้าเคยอยู่ แต่ตอนป้าอยู่ เขายังทำทางไม่เสร็จ ป้าเลยอดขึ้น...แป่ว...)

ก๊อดเอ๋ย แน่นอนสิ เราต้องร่วมมือร่มแรงกันทำ คนเดียวทำไหวได้ไง ใช่มั้ยนายโดด !!

อ่านละยิ้มออกเลยคับ แบบว่า เพิ่งจะสมัครอ่ะ เลยอัพเดท ช้าไป 555 คิดว่ามีชมรมดีๆละทำต่อไปนี่ก็น่าจะสนุกดีนะครับ เต็มที่กับชีวิตคับ

สู้ๆๆกันต่อไป นะ

หลังจากไปทำงานในพื้นที่ อ.แม่แตง ก็คิดว่าน้องๆหลายคนคงจะพบอะไรที่มากมายให้กับชีวิตนะ เที่ยวสงกรานต์ให้สนุกนะ ฝากเที่ยวเผื่อด้วยอะ

ก๊อด

สวัสดีนายโอ๊บ มาช้ายังดีกว่าไม่มาเนาะ

ก๊อตจิ เล่าเรื่องไปแม่แตงให้ฟังหน่อยสิ

รายงานตัวครับ

สวัสดีปีใหม่ไทย ครับอาจารย์

หลังจากหยุดสงกรานต์กันยาวนาน คนอื่นๆคงได้หยุดต่อ แต่ผมต้องกลับมาทำงาน

พอดีมีประชุมติดต่อกันะสองวันรวดเลย คือวันศุกร์และเสาร์นี้ และวันอาทิตย์ยังต้องขึ้นดอยแม่สลองไปบ้านป่าคาสุขใจ เพื่อตรวจเอกสารชาวบ้านในตอนเช้า ตอนเย็นก็จะต้องเดินทางไปที่ กทม.ต่อ เพื่อไปร่วมงานของ อ.เอ๋ หลังจากนั้นก็กลบมาและเดินทางไปก็บข้อมูลที่บ้านดอนที่ และบ้านหัวเวียงที่อำเภอเชียงของ และลงพื้นที่ที่บ้านสันทรายกองงาม อำเภอชียงแสน ต่อ กว่าจะว่างก็คงเป็นหลังจากต้อนรับคณะดูงานจาก อนุกรรมาธิการฯ(ชื่อยาวมาก) ที่จะลงพื้นที่อ.เชียงแสนกะอ.เชียงของ

คิดว่าจะพยายามเขียนเล่าเรื่องที่ลงพื้นที่อ.แม่แตงให้เสร็จภายในสองวันนี้นะครับ

รักและเคารพ

ก๊อด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท