สิ่งดีๆ จากเวทีนักประเมิน แผนงานทุนอุปถัมภ์ฯ
เวทีนักประเมิน แผนงานทุนอุปถัมภ์ฯ เวทีแรกที่จะก้าวสู่ชุมชนนักเประเมิน
เมื่อวันศุกร์ที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา ทีมงาน สคส. ชุดใหญ่ นำโดย อ.ประพนธ์ คุณธวัช อ้อม-อุรพิณ อุ-อุไรวรรณ และผู้เขียน เป็นทีมวิทยากรเวที “นักประเมิน แผนงานทุนอุปถัมภ์เชิงรุกเพื่อสื่อศิลปวัฒนธรรมและกิจกรรมสร้างสรรค์” ที่ได้รับทุนสนับสนุนจาก สสส. โดยมีอาจารย์ดนัย หวังบุญชัย เป็นผู้จัดการแผนงานฯ
เวทีนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ เทคนิค/วิธีการ การติดตามประเมินผลของกลุ่มผู้ติดตามและประเมินผล และเพื่อสร้างการเรียนรู้ร่วมกันจากการติดตามประเมินผลแผนงาน/โครงการ ของ สสส. จากการใช้หลักการประเมินผลแบบต่างๆ และอาจนำไปสู่แนวทางการติดตาม โดยมีผู้เข้าร่วมที่เป็นนักประเมินภายในของแผนงานฯ ทั้งหมด 16 คน
ผู้เขียนจะไม่ลงรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการของแผนงานฯ แต่จะเล่าถึงสิ่งดีๆ และความประทับใจ ตลอดจนถึงการต่อยอดเพื่อนำไปสู่ “ชุมชนนักประเมิน” ต่อไปในอนาคตมากกว่า
เวทีฯ ครั้งนี้ นับว่าเป็นเวทีที่มีการนำเครื่องมือ KM มาใช้กับกลุ่มที่เป็นนักประเมินภายในของ สสส. โดยตรงเป็นครั้งแรกสำหรับ สคส. และเป็นเวทีที่ทีม สคส. กำลังให้ความสนใจที่จะพัฒนาการนำเครื่องมือ KM ไปใช้ประโยชน์ต่อการติดตามประเมินผล เพื่อการเรียนรู้และเกิดการพัฒนางาน (ไม่ใช่เพื่อจับผิดตามความรู้สึกของผู้ถูกประเมินส่วนใหญ่) ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ค่อนข้างท้าทาย สคส. ว่าจะสามารถนำ KM ไปผสมกลมกลืนและส่งผลดีตามที่คาดหวังกันไว้หรือไม่ เพราะหากทำได้สำเร็จ คือ สามารถทำให้การติดตามประเมินผลเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับการเรียนรู้และพัฒนางานอย่างก้าวกระโดดของคนทำงาน จะก่อคุณูปการต่อสังคมไทยเป็นอย่างยิ่ง
ฉะนั้น เมื่อ อ.ดนัย ติดต่อมา เพื่อให้ สคส. ออกแบบและจัดกระบวนการให้เวทีดังกล่าว สคส. จึงเต็มใจอย่างยิ่ง เพราะ สคส. จะได้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงครั้งนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่า ทีม สคส. จะมีเวลาในการเตรียมการเพียง 2-3 วัน และมีการสับเปลี่ยนตัววิทยากรหลักอีกด้วย คือ คนที่เข้าร่วมประชุมกับทีม อ.ดนัย ไม่ได้เป็นวิทยากรหลัก ส่วนคนที่เป็นวิทยากรหลักก็ไม่ได้เข้าร่วมประชุมกับทีม อ.ดนัย (เชื่อแล้วใช่ไหมว่า วิทยากรของ สคส. สามารถทำงานแทนกันได้จริงๆ) แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า เวทีนี้ จัดขึ้น 2 วัน คือวันที่ 30-31 มกราคม แต่ ทีม สคส. ไปร่วมได้เพียงวันแรกวันเดียวเท่านั้น ส่วนวันที่สอง เป็นทีมวิทยากรจากมหาวิทยาลัยมหิดล
สำหรับสิ่งดีๆ ที่ผู้เขียนรู้สึกประทับใจมากๆ คือ ผู้เข้าร่วมที่เป็นนักประเมินผลภายในของแผนงานฯ นี้ แต่ละคนได้สะท้อนการทำงานติดตามประเมินผลโครงการของ สสส. ออกมาจากใจ ผู้เขียนรับสัญญาณได้ว่า ทุกคนมี “ใจ” ที่จะทำงานให้กับ สสส. และต้องการให้คนทำงานโครงการของ สสส. ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเยาวชน นักศึกษา ผู้นำชุมชน สามารถทำกิจกรรมของโครงการที่ได้รับทุนจาก สสส. ให้ได้ผลสัมฤทธิ์อย่างดียิ่ง นั่นเท่ากับว่า สสส. มี “ทุน” ภาคีเครือข่ายที่ดีมากมาย
ส่วนเรื่องของ “ชุมชนนักประเมิน” ที่ สสส. มุ่งหวังต้องการให้เกิดขึ้นจริงนั้น ผู้เขียนสนับสนุนอย่างมาก เพราะหากเกิดเป็น “ชุมชนนักประเมิน” ขึ้นจริงๆ จะช่วยทำให้ศาสตร์การติดตามประเมินผลได้พัฒนาก้าวต่อไปอย่างเหมาะสมภายใต้บริบทของไทย เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เทคนิควิธีการ กลเม็ดเคล็ดลับของผู้ที่มีประสบการณ์การติดตามประเมินผลได้มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และอาจจะนำไปสู่แนวทางการติดตามประเมินผลที่ช่วยเสริมพลังของคนทำงาน และที่สำคัญจะช่วยทำให้การติดตามประเมินผล เป็นการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างคนทำกิจกรรม นักประเมิน และแหล่งทุน อย่างดียิ่ง
ส่วนวิธีการที่จะทำให้ "ชุมชนนักประเมิน" เกิดขึ้นได้นั้น เป็นเรื่องที่ สคส. สสส. และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องขบคิดและคลำทางกันต่อไป
ซึ่งหากเกิดขึ้นได้จริง การติดตามประเมินจะไม่เป็น “ยาขม” ของใครหลายๆ คน แต่จะเป็น “ยาหอม” ที่มีพลังมากมายมหาศาลต่อสังคมไทย
หญิง นภินทร ณ สคส.
ความเห็น (4)
ลิ้นจี่หวาน
รอคอยเธอมาแสนนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :>
มาเยี่ยมแล้ว สุดยอดครับ
ถ้าชุมชนนักประเมินเกิดขึ้นได้จริง เชื่อว่าจะเป็นเวทีที่ฝึกความเชียวชาญให้กับคนทำงานได้อีกมากเลยครับ รวมทั้งจะเป็นกระบวนการผลักดันที่สำคัญของการทำงานต่อไปอีกด้วย เป็นกำลังใจและจะคอยเชียร์ให้เกิดขึ้นเร็วๆนะครับ
-กลับมาแล้วเหมือนกันค่ะ
- ตอนนี้งานที่ทำกับ สสส เกี่ยวกับองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น กำลังสร้าง planet จะมีอบรม blog วันที่ 12-13 นี้ เชิฐ ผอ.ประจักษ์ จากสุพรรณมาเป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จ
ค่ะ
- สนใจเรื่องที่เล่านะคะ แต่รายการซ้อนกับเศรษฐกิจพอเพียง ของมูลนิธิสยามกัมมาจลที่อยุธยาที่น่าสนใจเหมือนกันค่ะ