เก็บ 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้-เส้นทางผู้มั่งมี


“การออม 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้” ก็เพียงพอสำหรับ “ผู้มั่งมี” โดยปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

เมื่อนึกถึง การออมหลายคนคงคิดถึงสูตรที่ว่ารายได้เมื่อหักรายจ่ายแล้วจะมีส่วนซึ่งเหลืออยู่ ที่เรียกว่า เงินออม(Incomes Expenses = Savings) ซึ่งในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่นี้ข้าวของราคาแพงขึ้นแต่ค่าตอบแทนคงทนไม่ยอมขึ้นคงยากแก่การออม แต่ การออม 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ก็เพียงพอสำหรับผู้มั่งมีโดยปฏิบัติตนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดัวยการยึดหลัก ความพอดี ซึ่งการออมต้องไม่น้อยเกินไป-ไม่มากเกินไป และ สมเหตุสมผล ที่ไม่เบียดเบียนความจำเป็นในการใช้ในชีวิตประจำวันของตนเองดังบทกลอนของท่านสุนทรภู่กวีเอกของไทยที่ได้แต่งบทกลอนเกี่ยวกับการออมในสุภาษิตสอนหญิงว่ามีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท อย่าให้ขาดสิ่งของต้องประสงค์ มีน้อยใช้น้อยค่อยบรรจง อย่าจ่ายลงให้มากจะยากนานซึ่งเราออมเงินจำนวนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ที่ได้รับทุกครั้งได้มาเท่าไรก็ออมไว้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ก็ถือว่าเหมาะสมเพียงพอ หลักคิดอันน้อยนิดนี้ไม่ต้องกะเกณฑ์จำนวนที่แน่นอนทำให้เราสามารถทำการออมได้ นอกจากนี้เราต้องมีการสร้าง ภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว โดยต้องปลูกฝังนิสัยการออมและสร้างวินัยด้านการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอด้วย ดังนั้น การออมเพื่อให้มีความยั่งยืนผู้ออมต้องมี ความรู้ คือ รู้จักวิธีออม และ การใช้เงินอย่างรู้คุณค่า-อย่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ควบคู่กับการมี คุณธรรม สำหรับการออมด้วยโดยการสร้างจุดแข็งแก่ผู้ออมดั่งที่ ดร. สุวรรณ วลัยเสถียร อดีต รัฐมนตรีช่วยกระทรวงพาณิชย์และประธานชมรมคนออมเงิน ได้ปฏิบัติมาว่าจะตองมี วินัยในการออมและองทําต่อเนื่องจนทำให้ท่านสามารถออมเงินจนมีทรัพย์สินมากถึง 700 ล้านบาท นอกจากนี้ การใช้จ่ายที่น้อยลงเท่าที่จำเป็นก็จะสามารถทำให้มีเงินเหลือสำหรับการออมได้มากยิ่งขึ้น ประโยชน์จากการออมคือจะมีเงินสำหรับใช้จ่ายยามฉุกเฉิน ซื้อสิ่งของอย่างไม่เดือดร้อนการดำรงชีวิตประจำวัน และเป็นเงินทุนสำหรับอนาคต หากเราทำได้เช่นนี้อนาคตความเป็นผู้มั่งมีย่อมเกิดแก่ผู้ปฏิบัติทุกคนไม่นานเกินรออย่างแน่นอน และใครเลยจะคิดว่าการออม 10 เปอร์เซ็นต์จากรายได้เท่านั้น ก็สามารถวางรากฐานที่มั่นคงให้กับตนเองและครอบครัวตลอดไปได้อีกด้วย

 

แล้วเรามาเริ่มต้นออมกันเถอะ…”

 

หมายเลขบันทึก: 238113เขียนเมื่อ 28 มกราคม 2009 13:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 11:07 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท