ดิฉันได้ไปพบบทความนี้มาโดยบังเอิญ ซึ่งดิฉันคิดว่ามันเป็นประโชยน์กับผู้ปกครองเป็นอย่างมาก หลายท่านก็คงจะมีแล้วแต่อีกหลายท่านอาจจะยังไม่มี (อิอิ) ไม่ว่ากัน เราสามารถนำไปบอกต่อ หรือ นำไปใช้กับบุคคลในครอบครัวของเราได้ ลองดูนะคะ
ช่วยลูกทำการบ้านเป็นผลเสีย ดีที่สุด คือ
"ให้อยู่เฉยๆ"
พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเรียนเก่งด้วยกันทั้งนั้น
หลายคนถึงกับลงทุนช่วยลูกทำการบ้านให้ด้วยทุกวัน
แต่ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาชาวเยอรมันเตือนว่า การช่วยเหลือมากเกินไป
กลับจะไปขัดขวางความเจริญก้าวหน้า เขาแนะนำว่า
“บางทีพ่อแม่จะช่วยลูกให้ดีที่สุด
คืออยู่เฉยๆ”
ผู้เชี่ยวชาญกล่าวชี้ว่า
“การทำการบ้านไม่ใช่เพียงแต่เพื่อให้ผลลัพธ์ในสมุดการบ้านถูกต้องเท่านั้น
แต่เพื่อความพัฒนาของเด็ก และเพื่อให้เด็กรู้จักคิดได้เองด้วย
พร้อมกันนั้นเด็กก็จะได้รู้ว่า
การจะทำงานให้เกิดผลดีและประสบความสำเร็จได้นั้น
จะต้องใช้ความพยายาม”
นายอุลริช ทรอทเวน แห่งสถาบันแมกซ์ แพลงค์
เพื่องานวิจัยการศึกษาแนะนำว่า พ่อแม่ ควรจะช่วยลูก
ก็แต่เมื่อถูกร้องขอเท่านั้น และควรจะร่วมกับลูกค้นหาวิธีแก้ปัญหา
และการเข้าถึงตัวปัญหา เพื่อเด็กจะได้ทำได้ด้วยตัวของเขาเอง
“พ่อแม่ผู้ปกครองไม่ควรจะถึงกับยืนคอยเฝ้าอยู่ข้างๆลูก
เมื่อเวลาทำการบ้าน”
ผู้เชี่ยวชาญอีกผู้หนึ่งนายโจเซพ เคราส์ ได้กล่าวให้ความเห็นว่า
“พ่อแม่ควรจะทำตัวเป็นหลัก
เพื่อให้ลูกเกิดความเชื่อถือไว้วางใจ
ไม่ใช่ทำตัวเหมือนกับผู้ช่วยของครู
เพราะหากพ่อแม่คอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่เนืองๆ
ลูกอาจจะหลบแอบไปทำการบ้านไม่ให้เห็นก็ได้”.
บทความนี้ได้มาจาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 12 มกราคม 2549 หน้า 7
ไม่ทราบว่าคุณเห็นด้วยกับบทความข้างบนไหมคะ แสดงความคิดเห็นได้นะคะ
เพื่อเป็นวิจารณญาณ ในการปฏิบัติ และปรับปรุงแก่การเลี้ยงดูบุตร
กับบุคคลที่สนใจคะ
ดิฉันของแสดงความขอบคุณกับข้อคิดเห็นล่วงหน้าเลยนะคะ
พ่อแม่ต้องมีส่วนน่ะ เด็กๆ จะได้ไม่ต้องรีบไปโรงเรียนแต่เช้า
เพื่อไปลอกการบ้านเพื่อน
เห็นด้วย เป็นอย่างยิงเลยนะ จากชมรมคนรักอุนตร้าแมน (อุนตร้าแมน เบบี้)