ล่องไพร


ข้าพเจ้าเป็นคนหนึ่งผู้มีศรัธทาต่อการใช้ชีวิตกลางแจ้งโดยเหตุที่ว่า มันเป็นการศึกษาและอบรมให้คนหนุ่มของเรารู้จักคุณค่าของชีวิตที่มั่นคงแข็งแรงทั้งกายและใจ
"ล่องไพร" คือนวนิยายแนวผจญภัยที่ผงาดขึ้นในบรรณพิภพของไทยเป็นเรื่องแรก จากปลายปากกาของ "น้อย อินทนนท์" นามปากกาของนักประพันธ์ชั้นครู "มาลัย ชูพินิจ"

ก่อนจะกำเนิด "ล่องไพร" ภาคนวนิยายนั้น ในปี ๒๔๙๗ ครูมาลัย ชูพินิจ ได้เขียนเป็นบทละครออกอากาศทางสถานีวิทยุของบริษัทไทยโทรทัศน์ก่อน กลายเป็นบทละครที่โด่งดัง มีผู้ฟังกันทั้งบ้านทั้งเมือง พอถึงเวลาออกอากาศ ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ต้องแจ้นกันมานั่งเฝ้าวิทยุกันหน้าสลอน ถัดมาอีกหนึ่งปี คือ พ.ศ.๒๔๙๘ "ล่องไพร" ก็ปรากฏโฉมออกมาในรูปนวนิยาย กลายเป็นตำนานที่โลกวรรณกรรมไทยต้องจดจารเอาไว้ ด้วยว่า นวนิยายในยุคเดียวกันนั้นมีแต่เรื่องโรแมนติกเพ้อฝัน และพงศาวดารจีนเป็นส่วนมาก ทั้งนี้เพราะถูกคุกคามจากอิทธิพลการเมืองในขณะนั้นด้วย

"น้อย อินทนนท์" อาศัยประสบการณ์ส่วนตัวในการเข้าไปใช้ชีวิตในป่าเขาลำเนาไพร เรื่องเล่าปรัมปราจากวงสนทนาข้างกองไฟของพรานป่า จากคนเฒ่าคนแก่ มาผสมผสานกับจินตนาการ พาผู้อ่านท่องไปในป่าเขาลำเนาไพร พบเจอกับเหตุการณ์ลี้ลับ พิสดาร เต็มไปด้วยความสนุกสนานตื่นเต้นตลอดทั้งเรื่อง ผ่านมุมมองของตัวละครคือ ศักดิ์ สุริยัน อันเป็นภาพจำลองของผู้เขียนเอง

ล่องไพร แม้จะเป็นเรื่องในจินตนาการอันโลดโผน อย่างที่ในชีวิตของคนโดยปกติไม่มีวันพบเจอ หรือไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ด้วยลีลาของนักประพันธ์ชั้นครูทำให้เกิดความสมจริงจนถึงที่สุด มีทั้งหมด ๑๙ ตอน ปัจจุบัน สำนักพิมพ์กระท่อม ปล. เป็นผู้ถือลิขสิทธิ์จัดพิมพ์ โดยรวมตอนสั้นๆ เข้าไว้ในเล่มเดียวกัน ป้อนสู่ผู้อ่านจำนวน ๑๔ เล่ม คือ

๑. อ้ายเก งาดำ
๒. มนุษย์นาคา แดนสมิง หุบผามฤตยู ครานี้ คณะของ ศักดิ์ สุริยันต์ ต้องเดินทางไปกับคณะของดร.สมิธ เพื่อนำทางไปสำรวจและค้นหาชาวนาคะ ชนเผ่ามนุษย์ในพงไพรติดชายแดนไทย-พม่า แต่ระหว่างการเดินทางนั้น ชาวคณะต้องผจญกับสัตว์ร้าย และหนทางอันหฤโหด

๓. ป่าช้าช้าง เจ้าแผ่นดินป่าช้าช้าง เป็นนวนิยายเกี่ยวกับป่าดงพงไพร ลำดับที่ 3 ในชุด ล่องไพร ของ น้อย อินทนนท์ ซึ่งสำนักพิมพ์กระท่อม ป.ล. ได้จัดพิมพ์ขึ้นเพื่อเสนอความอภิรมย์แก่ผู้อ่านทุกท่าน ในเล่มนี้ทางสำนักพิมพ์ได้นำล่องไพรตอนพิเศษคือ จ้าวแผ่นดิน มารวมไว้ด้วย เพื่อให้มีรูปเล่มขนาดเดียวกับสองเล่มแรก เป็นตอนที่เปิดโอกาสให้ ตาเกิ้น ได้แสดงความสามารถและเล่ห์เหลี่ยมของแกอย่างเต็มที่ สมกับเป็นมือขวาของ ศักดิ์ สุริยัน

๔. จามเทวี เล่มนี้ ศักดิ์ ตาเกิ้น ร.อ.เรือง ท่องป่าดงพญาไฟ และได้ยินเสียงเล่าขานถึงอภินิหารของพระนางจามเทวี และได้พบกับหมอเติมพันธ์โดยบังเอิญ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยพบนางจามเทวี และเคยไปจามนครมาแล้ว สร้างความประหลาดใจให้แก่คณะล่องไพรเป็นอย่างมาก ทำให้ศักดิ์ และคณะ ต้องเดินทางไปพิสูจน์คำบอกเล่าของหมอเติมพันธ์ ความจริงจะเป็นอย่างไร จามเทวี และจามนครจะมีจริงไหม ติดตามอ่านได้จาก ล่องไพร เล่ม 4 นี้

๕. จ้าวป่า “เจ้าป่า” เป็นลำดับที่ 5 ในชุด “ล่องไพร” เป็นตอนที่ศักดิ์ สุริยัน ได้รับการขอร้องจากแพทย์หญิงผู้หนึ่งให้ช่วยติดตามบิดาของเธอ ซึ่งหลงหายไปในป่าดงดิบระหว่างชายแดนไทย-พม่า หลายปีมาแล้ว

คณะล่องไพรได้เดินทางไปเผชิญกับความยากลำบากนานัปการ ทั้งจากสัตว์ร้าย และจากชาวป่า ซึ่งแตกต่างกับเขาโดยสิ้นเชิงทั้งด้านขนบธรรมเนียมประเพณี

จากการบรรยายของ “น้อย อิทนนท์” ท่านจะได้กลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจของเอื้องจำปาขาว พันธุ์ไม้สำคัญซึ่งใช้ในพิธีบวงสรวงต่างๆ ของชาวป่าเหล่านั้น ท่านจะได้เห็นพิธีบูชายัญแก่ “สะแหล่ง”เทวรูปกระหายเลือดประจำเผ่า และสุดท้ายท่านจะได้รู้ว่า บางครั้ง...ความกตัญญูกตเวทีของชาวป่า ซึ่งชาวเมืองดูถูกกันหนักหนาว่าไร้อารยธรรมนั้น อาจจะบริสุทธิ์ผุดผ่องและเต็มไปด้วยการเสียสละแม้ชีวิตให้แก่ผู้ที่เคยมีพระคุณต่อเขา ยิ่งกว่าจะหาได้จากชาวเมืองด้วยซ้ำไป
๖. ตุ๊กตาผี ตุ๊กตาผี” เป็นสารนิยายชุด “ล่องไพร” ลำดับที่ 6 นอกจากท่านจะได้สนุกตื่นเต้นไปกับขบวนล่องไพรของ ศักดิ์ สุริยัน ซึ่งนำท่นผจญภัยไปในดินแดนมหัศจรรย์แห่งการชุบคนให้กลายเป็นตุ๊กตาหินแล้ว ยังมีบทสัมภาษณ์ผู้ที่เคยสวมบท “ตาเกิ้น” ในละครวิทยุ “ล่องไพร” อันลือลั่นเมื่อ 40 กว่าปีที่แล้ว ผู้นั้นคือ “ธนะ นาคพันธุ์” ซึ่งแฟนๆ ละครวิทยุล่องไพร รู้จักชื่อ “ตาเกิ้น” มากกว่าชื่อจริงเสียอีก

๗. มนุษย์หิมพานต์ ตอนนี้ ศักดิ์ สุริยัน และชาวคณะล่องไพร ต้องไปพิสูจน์เรื่องเหลือเชื่ออีกแล้ว ทั้งที่ก็เคยผ่านการตรากตรำ ในการฝ่าป่าดงพงพี และก็ได้พบเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ เหมือนเช่นเดิม ศักดิ์ ไม่ใช่คนที่เชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะได้เห็นกับตาตัวเอง มาครานี้พรานป่าของเขาชาวลัวะ ได้ถูกยักษ์ใหญ่สองตน ลักพาตัวเข้าไปในป่าลึก จนคณะล่องไพรต้องตามไป มาทราบตอนหลังว่าเป็นมนุษย์หิมพานต์ ไม่ทำร้ายใคร แล้วซองปาหายไปได้อย่างไร เรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ คณะล่องไพรยังได้เดินทางมาพบดินแดนสุวรรณคีรี ดินแดนที่คนเป็นอมตะที่ไม่มีใครไปถึง ชาวคณะล่องไพรจะตามเจอซองปาหรือไม่ แดนสุวรรณคีรีเป็นอย่างไร ติดตามได้ในเล่มนี้

๘. เมืองลับแล มดแดง พรายตะเคียน คราวนี้ศักดิ์ สุริยัน และคณะล่องไพร ออกตามหาเมืองลับแลซึ่ง หายสาปสูญไปกว่าพันปี ตามคำบอกเล่าของผู้เฒ่ากะเหรี่ยงบ้านอุ้มปาต เมืองนี้มีชื่อว่า “สิเห” เมืองที่มีแม่หญิงเป็นผู้ครองนคร มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ ใครใคร่กิน...กิน ใครใคร่นอน...นอน ไม่มีลัก ไม่มีขโมย ไม่อิจฉาริษยาหรือเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ไม่มีฆ่า ไม่มีทำร้ายกัน ใครอยากได้อะไรของใครก็เอาไป ไม่มีการหวงแหน หวงห้าม ไม่มีกฎหมาย ใครอยู่ใครพูดความจริง ความเท็จเป็นข้อเดียวที่อยู่ไม่ได้ในเมืองนั้น

๙. เทวรูปชาวอินคาชาวอินคา เป็นชนเผ่าโบราณที่มีขนบธรรมเนียมประเพณี รวมทั้งอารยธรรมอันเก่าแก่ควรแก่การศึกษาค้นคว้า ความเจริญรุ่งเรืองแต่ครั้งอดีตกาลของชนชาติที่เชื่อกันว่าหายสาบสูญไปจากโลกนี้แล้ว ยังเป็นที่กล่าวขานถึงในหมู่นักโบราณคดี และนักมนุษยวิทยาทั่วโลก

ในเล่มนี้ ท่านจะได้เดินทางไปกับคณะล่องไพร สู่ดินแดนแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์ของชาวอินคา ท่านจะได้พบเห็นเหตุการณ์อันน่าตื่นเต้น ซึ่งบางครั้ง แม้วงการวิทยาศาสตร์เองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ว่า มันเกิดขึ้นได้อย่างไร ภูมิประเทศอันงดงามของป่าดงดิบแถบอเมริกาใต้ ผสมผสานกับจินตนาการของ “น้อย อินทนนท์” จะทำให้ท่านได้เพลิดเพลินกับ “เทวรูปชาวอินคา” ตั้งแต่ต้นจนจบ

๑๐. เสือกึ่งพุทธกาล ‘เสือกึ่งพุทธกาล’ เป็นผลงานอันดับที่ 10 ของหนังสือผจญภัย ชุด ‘ล่องไพร’ ซึ่งตอนนี้เป็นการเดินทางตามล่าเสื่อไฟตัวใหญ่ มีเขี้ยวยาวรากับงาช้าง มีอายุเป็นพันๆ ปี หรือ เสือกึ่งพุทธกาล ซึ่งออกอาละวาดกินคนในหมู่บ้าน ในจังหวัด กาญจนบุรี เมื่อศักดิ์ และเพื่อนๆ ตามรอยไปนั้น เกิดเรื่องประหลาด มหัศจรรย์มากมาย

ถ้าใครชอบดูหนังเรื่อง อินเดียนน่าโจนส์ละก็ ลองอ่านตอนนี้ดูละกัน

๑๑. ทางช้างเผือก ‘ทางช้างเผือก’ เป็นนวนิยายชุด ล่องไพร เล่มที่ 11 ของ น้อย อินทนนท์ ซึ่งยังเข้มข้นเหมือนเดิม กับการผจญภัยในป่าใหญ่ คราวนี้ ศักดิ์ สุริยัน ร.อ.เรือง และตาเกิ้น ออกตามล่าพลายช้างเผือกใหญ่มหึมา สีขาวทั้งตัว ที่วิ่งทำลายบ้านและผู้คน ตามหมู่บ้านต่างๆ ให้ได้รับความเดือดร้อน แต่เนื่องจากความสวยงามจนน่าที่จะเป็นช้างคู่บ้านคู่เมือง ความยากลำบากจึงเกิดขึ้น เพราะต้องจับเป็น และยิ่งเดินทาง เรื่องก็ยิ่งซับซ้อน อย่างน่าประหลาด

คิดว่า ‘ทางช้างเผือก’ น่าจะเป็นตอนที่สนุกตื่นเต้นที่สุดตอนหนึ่งของ ล่องไพร

๑๒. ผีตองเหลืองคนสุดท้าย ล่องไพร” ตอน “ผีตองเหลืองคนสุดท้าย” เป็นเล่มที่ 12 ของสารนิยายชุดล่องไพร เกิดจาการที่ “น้อย อินทนนท์” ได้เห็นชนเผ่าพันธุ์นี้ ซึ่งหลงเหลืออยู่บ้างตามยอดเขาทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย กำลับจะปรับเปลี่ยนสภาพดั้งเดิมตามภาวะแวดล้อมเกือบหมดสิ้น จึงได้นำมาผสมผสานกับจินตนาการเกิดเป็นหนังสือในมือท่านขณะนี้

ท่านผู้อ่านจะได้พบ “สีฟ้า” มาลาบรีสาวที่เกือบจะเหลืออยู่เพียงชื่อ ถ้าไม่ได้รับการดูแลช่วยเหลือให้พ้นภัยทั้งจากมนุษย์ด้วยกันเอง และจากสัตว์ร้ายในป่าทึบจากคณะของ “ศักดิ์ สุริยัน” และท่านก็จะได้รู้ว่างานด้านค้นคว้าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของนักมนุษยวิทยา เช่น ดร.คาร์ล ฟลิกส์ และแวนดา ภรรยาสาวของเขานั้น ต้องเผชิญกับความยากลำบากเพียงใด กว่างานสักชิ้นจะสัมฤทธิ์ผล

๑๓. วิมานฉิมพลี (แบ่งเป็น ๒ เล่ม)
“วิมานฉิมพลี” เป็นลำดับที่ 13 หรือตอนสุดท้ายของ “ล่องไพร” ซึ่งศักดิ์ สุริยัน และคณะ ได้ร่วมเดินทางไปกับคณะสำรวจด้านมนุษยวิทยา สองสามีภรรยา... ดร.โทมัส และไมรา สมิธ นอกจากนี้ ยังมีนยทหารอเมริกันนอกราชการ คือพันตรีวิลเบอร์ โจนส์ ซึ่งได้รับทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ให้ไปดำเนินการปราบนกอินทรีย์ยักษ์ ซึ่งรบกวนชาวนิวกินีมาเป็นเวลาช้านาน

ในเล่มนี้ ท่านจะเพลิดเพลินกับธรรมชาติอันงดงามของป่าดงดิบซึ่งน้อยคนจะเคยเห็น ท่านจะได้รับความรู้จากขนบธรรมเนียมประเพณีแปลกๆ ของชนพื้นเมืองซึ่งคณะล่องไพรได้ผ่านไปพบ และท่านจะสนุกสนานตื่นเต้นไปกับการผจญภัยนอกเมืองไทยเป็นครั้งแรกของศักดิ์ สุริยัน เสมือนท่านได้ร่วมขบวนไปกับคณะล่องไพรด้วย


ถ้อยคำสำนวนของครูมาลัย นักเขียนนักอ่านต่างยกย่องว่า มีความละเมียดละไม รื่นหู ยาขอบกล่าวชมไว้ว่า งานของครูมาลัย ไม่ว่าจะเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวใด ต่างให้ความรู้สึกรื่นรมย์ผ่อนคลาย ผู้เขียนก็เห็นเช่นนั้นจริง ทุกตัวอักษรพาผู้อ่านเข้าสู่อีกโลกหนึ่งอย่างง่ายดาย และรื่นไหลไปโดยไม่สะดุด

ดร.อาชว์ เตาลานนท์ เขียนเล่าไว้ว่า "...การที่ "น้อย อินทนนท์" หรือครูมาลัย ชูพินิจ ซึ่งเป็นพรานผู้ยิ่งใหญ่ ได้นำเอาประสบการณ์ชีวิตจริงของการเดินป่าในยุคนั้นมาแต่งเป็นบทประพันธ์ เรื่องราวใน "ล่องไพร" จึงดูสมจริงสมจัง แฝงไว้ด้วยเรื่องที่ตื่นเต้น เร้าใจ พร้อมทั้งสอดแทรกเรื่องราวของนิยายปรัมปรา ไม่ว่าจะเป็นเมืองลับแล เรื่องราวของเสือสมิง หรือผีโป่งนอกจากนั้นแล้ว "น้อย อินทนนท์" ยังได้บอกเล่าถึงเรื่องราวการติดตามแกะรอยสัตว์ป่าอย่างละเอียดลออ ทำให้งานเขียนของ "น้อย อินทนนท์" ดูสมจริงสมจัง "น้อย อินทนนท์" ไม่เพียงเป็นนายพรานที่ยิ่งใหญ่ แต่ยังเป็นผู้มีความสามารถในการประพันธ์ สามารถเขียนบรรยายด้วยสำนวนชวนตื่นเต้น เร้าอารมณ์ จนผู้อ่านได้อรรถรสอย่างมาก..."

บุคลิกของตัวละครที่ครูมาลัย เสกสรรขึ้นก็ไม่ได้เลอเลิศถึงขั้นอุดมคติ ตัวเอกคือ ศักดิ์ สุริยัน เป็นพรานสมัครเล่น อายุราว ๕๐ แล้ว ทั้งไม่มีตัวนางเอก แม้ว่าเรื่องราวจะต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิง แต่ไม่มีบทตอนไหนที่แสดงออกถึงความเป็นคู่พระคู่นาง จะมีก็แต่ความผูกพันกลมเกลียวกันระหว่างมิตรสหาย และการแสดงธาตุแท้ของตัวละครยามถึงคราวคับขัน ศักดิ์ สุริยัน มีเพื่อนร่วมชะตาในการบุกป่าฝ่าดงอีก ๒ คนคือ ร.อ.เรือง ยุทธนา เพื่อนสนิทที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนแรก และตาเกิ้น พรานเฒ่าคู่ใจผู้ซื่อสัตย์ แกมีนิสัยขี้เล่น แต่แกะรอยเก่งและยิงปืนแม่นราวจับวาง ตัวละครตัวนี้มีความสำคัญยิ่งยวดที่ทำให้ ล่องไพร มีเสน่ห์ มีสีสัน เพราะความตลกซื่อๆ แต่แฝงไว้ด้วยฝีมืออันฉกาจของแก (บุคลิกคล้ายๆ กับ บุญคำ ในเรื่อง เพชรพระอุมา ของ พนมเทียน แต่เก่งฉกาจกว่าบุญคำ หลายเท่า) ผู้อ่านจะผูกพันกับตาเกิ้นกว่าตัวละครอื่น

นอกจากล่องไพรแล้ว น้อย อินทนนท์ ยังมีงานประพันธ์ในแนวเดียวกันอีกสองเล่มคือ ลูกไพร และ ขึ้นเหนือ และผลงานเชิงสารคดีท่องไพรอีกเรื่องคือ ทุ่งโล่งและดงทึบ (เล่ม ๑, ๒)


นอกจากความสนุกสนานที่มีอยู่คับเรื่องแล้ว สิ่งหนึ่งที่ได้คือความรู้เกี่ยวกับป่า ชนเผ่า การใช้ชีวิตในป่า และควรอย่างยิ่งสำหรับนักเขียนรุ่นใหม่ที่จะอ่านล่องไพร เพื่อศึกษากลวิธีในการประพันธ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของตัวละคร (บุรุษที่หนึ่ง) ซึ่งกล่าวกันว่าง่าย แต่จะเขียนให้ดีนั้นยาก

 

คำสำคัญ (Tags): #มจร.ลำพูน
หมายเลขบันทึก: 236511เขียนเมื่อ 21 มกราคม 2009 14:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 02:26 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (23)

เยี่ยมครับ ผมก็ชอบครับ ล่องไพร ล่องป่า ล่องแก่ง

เคยหลงไพร อยู่ 2วัน ไม่เก่งเหมือนศักดิ์ สุริยัน กลัวแทบแย่

สนุกครับเคยอ่าน

ใครที่เคยอ่านมาบ้างครับอยากแลกเปลี่ยแนวคิด

ต้องลองอ่านดูคับจะได้ไม่หลงป่าสนุกน่ะคับลองหาอ่านดู

ถ้ามีไรเฟิ้ล30-06 ซักกระบอก อะไร อะไร ก็ไม่กลัว ( ห้อยพระไปพวงโต ๆ ด้วย อิ อิ)

ยังอ่านไม่จบเลยค่ะ ล่องไพร

...

เคยเดินป่า ไม่ถึงขนาดล่องไพรค่ะ ไปบุกเบิก อช. ตากสินหลายปีก่อน

มีเพื่อนหลงทางสองคน โชคดีที่ จนท. กลับไปตามหาเจอ ...

และอีกครั้ง ที่ ภุฝอยลม มีรุ่นพี่ เค้าหลงทาง ทั้งๆ ที่ใช้ จีพีเอส

...

ว่างๆ จะลองหยิบมาอ่าน อีกค่ะ เพราะ อยากอ่าน ทางช้างเผือก

...

อยากอ่านบันทึก ประสบการณ์ คุณพรานกระต่าย เกี่ยวกับการล่องไพร

หรือ เดินป่าค่ะ ...  ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

...

เส้นทางเดินป่า ที่อยากไป คือ เขาหลวง นครฯ กับ ม่อนจอง ชม. ค่ะ

ประสบการของผมก็ไม่ค่อยเยะน่ะคับ

สวัสดีครับ

เคยอ่านแต่นานเหลือเกินแล้ว

จำได้ว่า สนุก น่าตื่นเต้นมากครับ

พักหลัง มีคนเขียนเรื่องเดินป่าอยู่บ้าง

แต่อ่านแล้วไม่ค่อยสนุก (หรือว่าเราแก่แล้ว)

ดูๆ เหมือนจะสอนบทเรียนเดินป่า มากกว่าจะเล่าเรื่องเดินป่า

คับยังไงก็มาแลกเปลี่ยนกันน่ะคับ

มีใครต้องการ   สมนไพรไมค่ะ

ผมต้องการเล่ม 8 ครับ ตอน เมืองลับแล มดแดง พรายตะเคียน ใครต้องการขาย เมลล์มาได้เลยครับ [email protected]

ซอบอ่านล่องไพรมากค่ะ ติดตามอ่านมาตั้งเเต่ อายุ สิบก่วาปี จนตอนนี้ยี่สิบก่วาเเล้วค่ะ หาซื้อมาไว้ได้เกือบครบแ้ล้วค่ะ

อ่ะลืมบอกไปว่าตอนนี้เร่ิมอ่านเพชรพระอุมาแล้ว เห็นเขาบอกว่าสนุกมาก มีทั้งหมด 48 เล่ม จบ พรานกระต่ายมีอะไรแนะนำ บอก ด้วยนะค่ะ ขอบคุณมาก ค่ะ อั๋น

ส่วนตัวผมคิดว่า (นี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวน่ะคับ ถ้าหากเป็นการหลบหลู่แฟนๆและผู้ประพันธ์เพชรพระอุมาผมก็ขออภัยด้วยน่ะคับเพราะว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของผมเอง แต่ผมก็สาวกเพชรพระอุมาเหมือนกันน่ะ ผมมีครบครับเพชรพระอุมา แต่ลองไพรผมขาด ตอนไอ้เก งาดำ ไปเล่ม1 หายากมากกกกก)

เพชรพระอุมาเค้าเอาเรื่องล่องไพรแต่ละตอนมาร่วมกัน แล้วก็ขยายเนื้อเรื่อง เปลี่ยนตัวละคร แต่เนื้อเรื่องถ้าเราจับมาเทียบกันดูจะคล้ายคลึงกันมากกกก

ว่างๆๆจะเทียบให้ดูกันเล่นๆๆน่ะคับ

ขอโทษนะค่ะไม่ ทราบว่าตอนนี้พรานกระต่ายพักอยู่ที่ไหนค่ะ คือบ้านหรือที่ทำงาน นะค่ะ อั๋นจะบอกว่าถ้าไปซื้อที่ ชีเอ็ด บุ๊ค ให้ไปบอกพนักงานว่าเราต้องการหนังสือ เเล้วก็สั่งจอง อาจจะต้องรอนานหน่อยเเต่ก็ได้ค่ะ เเต่ถ้าชื้อที่เส้งโห บอก พนักงาน ว่าเราต้องการหนังสือ ล่องไพร เดี๋ยวเขาก็เอามาให้เลือก ค่ะเยอะมากกกกก ขอบอก เพราะตอนนี้ อั๋น มีแล้ว อยากบอกว่า สนุกมากกกกกกกกกกกก ค่ะ ส่วนความเห็นเรื่อง เพชร พระอุมา ขอคุณมากก ค่ะที่ช่วย ชี้เเนะ ข้านอ้ยขอน้อมรับ ขอคุณ พรานกระต่ายมากมาย ค่ะ

ขอบคุณคุณอั๋มมากน่ะคับ ไปหิ้วมาแล้วคับเหลือเล่มสุดท้ายพอดี เกือบไปรอมานานแล้วคับผมโทไปสำนักพิมพ์ เค้าบอกหมด ตอนนี้คงพิมพ์ครั้งใหม่แล้วน่ะคับได้ครบหมดทุกตอนแล้วคับดีใจ 555+

ขอเเสดงความยินดี ด้วย นะค่ะ พราน กระต่าย เอ่อ ถ้า พรานกระต่ายอ่านหนังสือ เเนว นี้อยู่ ก็ขอเเนะ นำว่าให้ ไปหา หนังสือ ชื่อ สารคดี มาอ่านบ้างค่ะ มี จำพวก ประวัติ สืบ นาคเสถียร .มหิงสาฝูงสุดท้าย ดวงจันทร์ ปรีดีย์ พนมยงค์ ประมาณ นี้ค่ะ หนัง สือ เ่มใหญ่ ได้ความรู้หลากหลลายเเบบดีค่ะ

อ่านแล้วทั้งล่องไพร เพชรพระอุมา สุดยอดครับ ได้ทั้งจินตนาการและความรู้ เป็นเรื่องต่างยุกต่างสมัย บทนำและเบื้องหลังบรมครูเขียนไว้ชัดเจน ผมในฐานะนักวิทยาศาสตร์ ชีววิทยา ชอบเพชรพระอุมา เพราะมีเหตุมีผลรองรับ ส่วนล่องไพรทำให้ผมเกิดจินตนาการ

(เด็กๆผมอยู่แต่ในชนบท ชอบล่าแต่เพื่อความอยู่รอด) ทำให้คิดว่าแผ่นดินนี้เคยมีคนอยู่มาก่อน แม้ในช่วงอายุเราบางอย่างเปลี่ยนไปหน้ามือหลังมือ ป่าที่เด็กๆเราไม่กล้าเดินผ่านปัจจุบันกลายเป็นร้านอาหารระดับสี่ดาว (แค่ในระยะ 50ปี) แนะนำลองหาหนังสือของรัชกาลที่6(เที่ยวป่าทางเหนือแถวกำแพงเพชร) มาดูหรือหนังสือของท่านมุ้ยพวกเบื้องหลังเมืองเก่าและป่า แล้วจะอ่านนิยายพวกนี้ได้อย่างสนุกครับ

ผมว่าหลังปลดประจำการ ผมจะเขียนการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ที่เราเคยอยู่ ในช่วงระยะ 60ปี มีภาพประกอบ วัดบ้านเกิดผม ในอดีตเป็นยอดเขา มีเจดีย์เล็กๆ ปัจจุบันคือวัดภูเขาทอง ผมชอบเรื่องแบบนี้อ่านเรื่องแบบนี้จึงจินตนาการได้ดี สนุกมาก เวลาเที่ยวป่ายังนั่งนึกเลยว่าเหมือนที่กล่าวในล่องไพร อย่างเที่ยววัดชัยมงคลประจวบคีรีขันธ์ ผมว่าก็เป็นฉากหนึ่งในเพชรพระอุมา ว่าเข้านั่น(สนุกลองเช่าหนังขุมทรัพย์พระแม่ศุลีมาดูยื่งสนุกใหญ่)

อ่านแล้วได้อารมณ์กินใจสุดๆ จนนึกถึงดงพงพี อยากที่จะเข้าไปผจญภัยมักมาก


เคยอ่านล่องไพรเมื่อ 30 ปีมาแล้ว  ยังประทับใจไม่ลืม อยากซื้อมาอ่านใหม่และเก็บไว้ให้รุ่นลูกหลานได้อ่านด้วย

อยากให้อ่านเรื่องอื่นๆของผู้เขียนคนเดียวกันเช่นทุ่งมหาราช แผ่นดินของเรา ลูกไพร(วรรณกรรมเยาวชน) ธาตุดินนำ้เหนือเริ่มลด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท