สองวันที่ผมได้นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ หาข้อมูลเกี่ยวกับพืชให้น้ำมันที่ชื่อว่าสบู่ดำ มีข้อมูลมากมายหลายด้านทั้งนักวิชาการ มีทั้งบริษัทที่รับซื้อเมล็ดและประเภทขายต้นกล้า และอื่นๆมากมาย หลากหลายความคิด หลากหลายความเห็น และก็กลายเป็นการถกเถียงกัน ฝ่ายที่เห็นสบู่ดำคือเงินทอง แหล่งน้ำมันบนดิน ส่วนฝ่ายไม่เห็นด้วยก็มันลำบากดูแลยาก ระวังโดนหลอก ผลผลิตต่ำ และที่มีการเถียงกันมากคือปลูกแล้วคุ้มหรือไม่คุ้มกันแน่(ในเชิงพาณิชย์นะ) เถียงกันหน้าดำหน้าแดง เหตุผลก็ดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย กองเชียร์ก็สนับสนุนเหตุผลกันใหญ่ คนอ่านก็งง เอาอย่างไงดี...จะเชื่อใครดีหละ แต่ถ้าเราหันกลับมามองตัวเราเอง ตอนนี้...ประเทศไทยเรานั้นยังต้องพึ่งพาน้ำมันจากฟอสซิลและต้องนำเข้าจากต่างประเทศ เครื่องยนต์ทางการเกษตรส่วนใหญ่ในบ้านเราก็ยังต้องใช้น้ำมันจากฟอสซิล(ดีเซล) ลิตรละห้าสิบบาทก็ต้องซื้อ มันทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตรของบ้านเราเพิ่มสูงขึ้น เกษตรกรเหลือเงินหลังหักค่าใช้จ่ายนิดเดียวเอง และพวกเราก็บริโภคสินค้าที่แพงตามไปด้วย แนวทางของการปลูกสบู่ดำ...เพื่อความอยู่รอดของพวกเรา
1. แนวความคิดการปลูกสบู่ดำปัจจุบันจะต้องเป็นแบบพึ่งพาตนเอง คือทำเพื่ออยู่ได้ด้วยตัวเราเอง เป็นหนี้ให้น้อยที่สุด ลดต้นทุนในการผลิตพืชให้มากที่สุด(แต่คุณภาพผลผลิตคงเดิมนะ) เพื่อให้เหลือกำไรมากๆหลังหักค่าใช้จ่าย ปลูกพืชตามตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ปลูกพืชสบู่ดำเพื่อเอาน้ำมันมาใช้ในเครื่องยนต์การเกษตรทดแทนและลดการใช้น้ำมันดีเซล ( หีบแล้วนำมากรองก็สามารถใช้กับเครื่องยนต์ได้เลย หรือผสมกับน้ำมันดีเซลก็ได้ ) โดยปลูกตามหัวไร่ปลายนา แนวรั้ว ปลูกกันคนละนิดคนละน้อย เดี๋ยวก็เยอะเอง
2. เราควรจะมาร่วมกันทำกิจกรรมในลักษณะกลุ่มเกษตรกรในชุมชน ด้วยการเอาผลสบู่ดำมารวมกันและหีบเป็นน้ำมัน ถ้ามีปริมาณที่มากก็อาจจะผลิตเป็นประเภทไบโอดีเซลก็ได้ น้ำมันที่ได้ก็แบ่งปันกันไปตามส่วน ทำคนละเล็กคนละน้อยช่วยกัน
3. สบู่ดำเป็นพืชที่เป็นช่วยในการลดต้นทุน ไม่ใช่พืชหลัก (ควรปลูกแบบพืชผสมผสาน) และใช้ผลผลิตของมันให้คุ้มที่สุดคือใช้ทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ( ตามคำแนะนำจากม.เกษตร http://www.biodiesel.rdi.ku.ac.th/ ) เมื่อมีปริมาณที่มากพอมันก็สามารถสร้างเป็นรายได้เสริมให้กับตัวเราเองและคนในชุมชนได้
4. ที่สำคัญเมื่อเราเมื่อพบสิ่งใหม่ๆที่คิดว่าดีและเป็นประโยชน์ ควรแบ่งปันความรู้ ซึ่งกันและกัน บอกต่อกัน และควรน้อมรับความรู้ใหม่ๆ ตามคำแนะนำมิควรดื้อดึง ซึ่งทุกวันนี้เราเห็นตัวเราเองเก่งและต้องเหนือกว่าคนอื่นเสมอ จึงทำให้เรามองข้ามคนอื่นไป อยู่อย่างตัวใครตัวมัน แต่เมื่อไรที่เรายอมรับซึ่งกันและกัน ทุกอย่างก็ลงตัว ลดรายจ่ายเพิ่มราย สังคมและชุมชนเข้มแข็ง เริ่มต้นที่ตัวเรา... อยู่ได้ด้วยตัวของเราเอง
การที่ชุมชนเข้มแข็ง - ย่อมเป็นฐานที่ดีทำให้เกิความมั่งคง - สังคมมีความสงบสุข
ไม่มีความเห็น