เมื่อต้นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมและคณะอาจารย์ผู้ทำงานได้ไปทำหน้าที่เพื่อสอบประเมินความรู้ของนักศึกษาคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่ผมเป็นอาจารย์พิเศษอยู่ เป็นการสอบความรู้ของนักศึกษาปีที่ 5 ที่กำลังจบในภาคการศึกษานี้
ปัจจุบันปรัชญาในการผลิตเภสัชกรเพื่อปฏิบัติหน้าที่ของเภสัชกรได้ปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย แต่เดิมเภสัชกรมีหน้าที่หลักใหญ่คือการผลิตยา จ่ายยาในโรงพยาบาล และปฏิบัติหน้าที่ในร้านขายยา
บทบาทของเภสัชกรในการปฏิบัติงานด้านสาธารณสุขมีบทบาทมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ได้มีหน้าที่จำเพาะเรื่องยาโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมถึง การทำหน้าที่เป็น บุคลากรที่ดูแลผู้ป่วย ที่เกี่ยวข้องกับการรักษา และการให้คำปรึกษาเรื่องการใช้ยา เพื่อให้สุขภาพของประชาชนที่เข้ามาใช้บริการมีชีวิตความเป็นอยู่ ที่ดี มีคุณภาพ มีการปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอนเพื่อให้ทันสมัยกับวิทยาการที่ก้าวหน้าไปเพื่อดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยการใช้ยารักษาโรค
นักศึกษาหลังจากเรียนหลักวิชาการแล้วจะต้องไปฝึกปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลทั้งโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลศูนย์ในระดับต่างๆเป็นระยะเวลาตามข้อบังคับในหลักสูตร นอกจากนี้ยังต้องไปฝึกปฏิบัติในร้านขายยาของเภสัชกรรมชุมชนตามเวลาที่กำหนด แล้วจึงมารับการประเมินความรู้ในการดูแลการใช้ยารักษาพยาบาลจากคณะกรรมการชุดนี้
นักศึกษาแต่ละคนจะได้รับการประเมินความรู้ความสามารถ
- Common-illness (โรคธรรมดา) 1 case และ Chronic disease(โรคเรื้อรัง) 1 case
การประเมินความรู้ได้มีการสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้เภสักชกรออกไปทไหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคปีการศึกษาหน้าที่จะถึงนี้ คณะเภสัชศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัยจะปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนเป็น 6 ปีทั่วประเทศ
นักศึกษาแต่ละคนจะได้รับการประเมินความรู้ความสามารถ
- Common-illness (โรคธรรมดา) 1 case และ Chronic disease(โรคเรื้อรัง) 1 case
- การประเมินความรู้ได้มีการสอบอย่างเข้มข้น เพื่อให้ได้เภสักชกรออกไปทไหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ในภาคปีการศึกษาหน้าที่จะถึงนี้ คณะเภสัชศาสตร์ทุกมหาวิทยาลัยจะปรับเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนเป็น 6 ปีทั่วประเทศ
- ประเด็นที่สอบ
o 1. ความสามารถในการดูแลรักษาผู้ป่วย
§ A.ระบุลักษณะปัญหาสุขภาพเบื้องต้น
§ B.ประเมินผู้ป่วยเพื่อดูแลและติดตามปัญหาหรือส่งต่อโรงพยาบาล
§ C.. ระบุแนวทางป้องกันและแก้ปัญหาสุขภาพเบื้องต้นเพื่อการแนะนำผู้รับบริการ
§ D. เตรียมข้อมูลปัญหาทางยา drug related problems ของยาที่ผู้รับบริการใช้
§ E. เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับโรคและอาการของผู้รับบริการ
§ F. ระบุลักษณะและปัญหาการใช้ยาที่ประเมินได้
§ G. ประเมินพฤติกรรมสุขภาพของผู้รับบริการ และปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้
§ H.สรุปหลักฐานเชิงประจักษ์จากหลักฐาน
§ I. เก็บข้อมูลเพื่อประเมินการใช้ยา
§ J บอกความแตกต่างของยาแต่ละชนิดที่เป็นทางเลือกในการรักษา
§ K เลือกยาโดยอาศัยสูตรโครงสร้างและคุณลักษณะของยาให้เหมาะสมกับโรคและอาการของผู้รับบริการ
§ L ใช้หลักฐานที่เป็นปัจจุบันประกอบการวางแผนการรักษา
§ M แนะนำการตรวจเพิ่มเติมและส่งต่อผู้ใช้ยา
§ N ระบุแนวทางการป้องกันและแก้ปัญหาทางยา
§ O. รวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์เพื่อติดตามการใช้ยาและติดตามอาการไม่พึงประสงค์
§ อื่นๆ
ข้อพิจารณาการให้คะแนน
· การนำเสนอยึดผู้ป่วยเป็นหลัก 10 คะแนน
· เข้าใจประเด็นโรค และการประเมินโรค 10 คะแนน
· เข้าใจประเด็นยาที่ใช้และการเลือกใช้ยา 10คะแนน
· ประสบการณ์ การแก้ไขปัญหาการนำเสนอ 10 คะแนน
วันนี้มุมอรชรเปลี่ยนเป็นปรัชญาการรักษาพยาบาลนะคะ
เคยอ่านกลอนและคำหวานๆเพราะๆในบ้านหลังนี้
มาวันนี้เป็นความรู้ที่ไม่เคยรู้ก็แอบอ่านและแอบเก็บได้บ้างอิอิ(แบบไม่เข้าใจเพราะไม่ใช่หมอค่ะ)
.......
.......
เข้ามาอ่านงานของอาจารย์ครับ
หน้าที่ของเภสัชกรมีมากกว่าที่คิด
จึงต้องเรียนเรื่องโรคต่างๆด้วยใช่ไหมครับ
กำลังรออ่านกลอนอาจารย์อยู่ครับ
ขอบคุณมากๆครับ
อาจารย์มีภาระหน้าที่หลายอย่างนะคะ
แวะเข้ามาอ่านคะ
อย่าลืมเขียนกลอนอีกนะคะ รออ่านอยู่คะ
2. add
คุณ add ครับ เรื่องที่นำเสนอเป็นเรื่องทางวิชาการเกี่ยวกับวิชาชีพครับ ในการผลิตเภสัชกร จะต้องกลั่นกรองให้ได้เภสัชกรที่มีคุณภาพครับ
ทุกวันนี้เภสัชกรชุมชนมีบทบาทมากขึ้นครับจะต้องเข้าใจเรื่องโรคและการดำเนินของโรคด้วยครับและที่สำคัญที่สุดต้องเลือกใช้ยาที่ดีมีคุณภาพครับ และมีการคัดกรองและส่งต่อด้วยครับ
ถูกต้องแล้วครับ บทบาทหน้าที่เภสัชกรมีมากกว่าที่คิดและเข้าใจ สมัยก่อนมุ่งที่ตัวยาเป็นศูนย์กลาง
ปัจจุบันเอาตัวคนไข้เป็นศูนย์กลางครับ
การที่คนไข้จะหายได้มิใช่ขึ้นกับยาอย่างเดียว
จะต้องรู้วิธีการใช้
ที่สำคัญที่สุดคนไข้ต้องให้ความร่วมมือในการรักษา
พฤติกรรมสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญที่ละเลยไม่ได้ครับ
จะต้องมีการพูดคุย สืบค้นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
ดังนั้นคนไข้จะต้องใช้เวลาอยู่พูดคุยกับแพทย์มากขึ้น หรือพูดคุยปรึกษากับเภสัชกรมากขึ้น
แต่ที่เป็นอยู่มิได้เป็นเช่นนั้นครับ
สวัสดีค่ะ
นอกจากจะกล่าวขานบทกลอนได้ไพเราะเพราะพริ้งขนาดนี้ ในมุมกลับก็ใส่ใจในการผลิตเภสัชกรของประเทศอย่างเข้มข้น ยอดเยี่ยมจริงๆค่ะเป็น 2คนในร่างเดียวกัน ยากนักที่จะพบพานกับผู้คนในปัจจุบัน ที่ทำงานเสร็จกลับมาบ้านยังเครียดอยู่อีก (มีแป๋มด้วยคนหนึ่ง)ได้บทกลอนจากท่านนี่แหละค่ะ ช่วยให้ใจได้ผ่อนคลายสดใสมาอีกครั้ง..ขอบคุณมากค่ะ.
เป็นการเปิดโลกทัศน์อีกแง่มุมหนึ่งของความหมายและหน้าที่เภสัชกรที่ประชาชนทั่วไปไม่เคยได้รับรู้ถึงบทบาทและภาระหน้าที่นี้
สวัสดีค่ะ ท่านอาจารย์ สุวัฒน์ กอไพศาล (ไม่มีชื่อกลาง)
สมัยมูนยังเด็ก มูนเข้าใจว่า คนที่มีอาชีพคุณหมอ และเภสัชกร ต้องมีจิตสาธารณะสูง ซึ่งคนใกล้ตัว และเพื่อนของมูน ก็คิดเช่นนี้ เพราะล้วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผู้คนมากมาย.. หลายปีก่อน หลานสาวซึ่งเป็นลูกสาวของเพื่อนรุ่นพี่ของพี่ๆ เอนทร้านซ์เรียนคณะเภสัชไปแล้ว พอเรียนครบปี ปลายปีนั้น อาจารย์ได้บอกเกี่ยวกับภาพสรุปของอาชีพเภสัช ทำให้หลานสาวตัดสินใจขอคุณพ่อคุณแม่ เอนทร้านซ์ใหม่ ยอมเสียเวลาไป 1 ปี เปลี่ยนสาขาวิชาที่เรียน ด้วยเหตุผลที่ว่า ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นตัวเองต้องกำชะตาชีวิตของใครๆ ไว้ในมือตลอดชีวิต ซึ่งตอนนี้ เธอเป็นโปรแกรมเมอร์ อยู่ในบริษัทต่างประเทศที่รับจ้างออกแบบทำเวปไซด์ในเมืองไทย และเธอก็มีความสุขมากเลยในการใช้ความคิดที่สร้างสรรค์.. จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่คุณพ่อของมูนไปสวรรค์ มูนจึงเข้าใจว่า ความคิดต่างๆ ของคนยุคใหม่ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างสิ้นเชิงค่ะ.. พอดีวันนี้มีธุระต้องเตรียมงานที่จะทำในวันพรุ่งนี้ ก็เลยนอนดึก เข้ามาพักสมองในโกทูโน ถือโอกาสเล่าเรื่องค่ะ.. ขอบคุณท่านอาจารย์ และบันทึกนี้ค่ะ อิ อิ เดี๋ยวจะไปนอนแล้ว good night.. มีความสุขมากๆ นะคะ..