“ความโกรธ”
ไฟสุมทรวงของดวงใจ
ความโกรธที่เกิดขึ้นในใจเราเปรียบเสมือนกองขยะที่มีกลิ่นเหม็นไม่ว่าเราจะปราถนาให้กลิ่นนั้นหายไปแต่หากไม่มีวิธีจัดการกับขยะเหล่านั้นกลิ่นของขยะก็คงอยู่ใกล้เราอยู่ดี เว้นเสียแต่ว่าเราจะหาทางกำจัดขยะนั้นให้หมดไปหรือเดินออกไปให้ไกลจากขยะและกลิ่นนั้น นั่นเป็นสิ่งที่เราต้องทบทวนก่อนที่ความเหม็นของขยะจะติดตัวเรามากเกินความจำเป็น
“ความโกรธ เกลียด อิจฉาริษยานั้นเป็นโทษ เราถือว่าเป็นภาระจิตทางลบ เพราะทำลายความสุขสงบในใจเรา เมื่อตัวคุณมีแต่ความเกลียดและอารมณ์ทางลบต่างๆ เมื่อนั้นคุณย่อมเห็นคนอื่นๆ มีแต่เจตนาร้ายด้วยเหมือนกัน ผลก็คือคุณจะกลัวมากขึ้น หวาดระแวงรู้ไม่ปลอดภัยและต้องปกปิดตัวตนที่แท้จริง ความรู้สึกนี้ ก่อตัวขึ้นพร้อมๆ กับความโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงาท่ามกลางโลกที่โหดร้ายใจสายตาของคุณ ในทางกลับกัน ภาวะทางจิตที่กอปรด้วยความเมตตากรุณา ย่อมให้ผลในทางสร้างสรรค์อย่างแน่นอนและเป็นประโยชน์มาก”
เมื่อตระหนักรู้ว่า ความโกรธนั้นไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดกลับแต่จะผลักไสให้ชีวิตไปสู่หุบเหวแห่งความด้อยค่า และความน่าละอายต่อตนเองเท่านั้น เราผู้เป็นเจ้าของชีวิตจึงต้องใส่ใจที่ถามตัวเองว่า
“จะเป็นทาสของความโกรธ หรือจะเป็นนายที่ยืนดูความโกรธ แล้วสามารถยิ้มได้เมื่อเวลาสิ่งไม่น่าปรารถนาเหล่านั้นเข้ามาเยือน
อาจารย์สุรีย์ จำนงนิจ
สาขางานการบัญชี
ไม่มีความเห็น