วัฒนธรรม ทำลายโลก ฉันคิด เธอเอาไปทำ


ผมมองคำว่า "วัฒนธรรม"  คือ พฤติกรรมของผู้คน   ที่แสดงออกมา   มองในแง่มนุษย์ที่ยังเต็มไปด้วยกิเลส   เป็นธรรมชาติของมนุษย์

ผมคงไม่มอง วัฒนธรรม   แค่   การแต่งกาย  การฟ้อนรำ  อาหาร  ภาษา  ฯลฯ  ที่ พวก นักท่องเที่ยวแบบทั่วๆไป ชอบไปดู ......  วัฒนธรรม มีมากกว่านั้น  และ ที่ผมสนใจ คือ วัฒนธรรมในองค์กร  หรือ พฤติกรรมองค์กร    ...  "สันดาน" เป็นคำเพราะนะครับ  ในพระไตรปิฎกก็มีคำว่า "สันดาน"

สันดานคนในสังคม ในชุมชน ในองค์กร ในครอบครัว    เป็นอะไรที่มาจาก "ความเชื่อ"  หรือ  ความคิดที่ฝังแน่น  ที่เชื่อมากๆ ทำบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ  จนเป็นสันดาน

สันดาน ความเชื่อ  จึงมักจะเกี่ยวพันกันอยู่

๑)  ผู้บริหาร คือ ผู้ที่หาคนเก่งๆมาทำงานแทน   ด้วยการใช้สมอง ในการจัดการ แบ่งงาน มอบหมายงาน เพื่อให้งานบรรลุตามเป้าหมาย...มีการให้รางวัล และลงโทษ เพื่อให้งานเดินต่อไป

ผมว่า นี่ เป็น แนวคิด ที่แพร่หลาย จนกลายเป็น สันดานนักบริหารสมัยใหม่ไปแล้ว   การบริหารแบบ "ฉันคิด เธอเอาไปทำ"

     มันส่งผลร้ายมากมาย  คือ 

  • ตัวผู้บริหาร  จะขาด ปัญญาปฏิบัติ    ไม่ Hands on  ไม่รู้จริง  โดนหลอกได้ง่ายๆ  ห่างไปจากความจริง     กอดหน้าอกดูงาน  อ่านเอกสารแล้วตัดสินใจ (เห็นได้บ่อยๆ ในการประชุม แบบไทย ยุคเสพนิยม)  
  • เมื่อ เอาแต่คิด  ไม่มี ฐานกาย  ไม่มีฐานใจ ... ด้วยความกลัว  กลัวพลาด  ก็จะลดความเสี่ยง ด้วยการ จ้างที่ปรึกษา  ฟังฝรั่ง   ที่น่ากลัวที่สุด คือ  Best Pratice  จะได้เอาเป็นตัวอย่าง   เพราะ แนวคิดเริ่มหมดมุข  การลอก Best practice ทำให้อุ่นใจ ....... สุดท้าย การเป็น นักเสพนิยม  ซื้อเทคโนโลยี    ซื้อคนเก่ง  ซื้อแม้นแต่ ระบบบริหาร  ตำราบริหาร  ฯลฯ ...  แถมยัง  บังคับ เด็กทั้งแผ่นดิน ให้มาโดนครอบ 12 ปี ในห้องเรียน   เอาความกลัว  เอาตัวอย่างที่คนอื่นคิดมาให้จำ ...
  • ส่งผลให้เกิด  แนวคิด ความเชื่อ ที่ เรียกว่า "รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา"

 

๒) รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา

    เป็นวัฒนธรรม ที่แบ่งแยก  ขาดความเข้าใจในมนุษย์มากๆ  คิดแบบนี้โหดมากนะครับ  เหยียดย่ำคนอีกต่างหาก

   ถ้าไม่มีคนหามเสา   ก็แย่นะครับ

    ผมว่า คนเป็น กรรมกร เป็นคนทำงานหนักที่ฐานกาย   เขาก็เสียสละ   เสียสละให้เรามากมาย    ลองค่อยๆคิดดู

    หามจั่ว หามเสา  ก็ดีทั้งนั้น 

เรามี สถานศึกษา  เปิดหลักสูตร  จบง่ายๆ   ออกมามากมาย    แสดงว่า  คำขู่นี้ได้ผล   ความกลัว ยังเป็นอาวุธหลัก ในการหลอก คนมาจ่ายเงิน ค่าเรียน ( ค่าจำข้อมูล  ที่ไปเอาของเขามา)

   ตลกดี จ่ายเงินค่าเทอมให้เขามากมาย  ยังต้อง กราบไหว้พวกเขาด้วย   แต่งตัวในเครื่องแบบเพื่ออะไร  ทำไมต้องรักเฉพาะสถาบันของฉันนะ   หาจบออกไปทำงานไม่ได้ เขาจะคืนเงินให้ฉันไหม  ฯลฯ  

คนที่โดนกราบก็ไม่ละอายใจ ไม่มองเห็นตนเอง ว่า ฉันดีพอที่จะให้เขากราบไหม   เอาเงินพวกเขามาเท่าไร  หลอกเขาทิ้งท้องถิ่นมารู้่อะไร ที่ฉันก็ไม่แน่ใจว่ามันจะช่วยชาติได้

ไปพรากเอาเยาวชน พรากจากท้องถิ่น พรากจากภูมิปัญญาท้องถิ่น แล้ว  ยัดความเชื่อ  ที่ไม่มีประโยชน์ตรงต่อชุมชน   สอนให้เสพนิยม  รับเทคโนโลยีต่างชาติ   ส่งเสริมกิเลส กันเต็มที่ แบบนี้  ยังกล้าให้เขาไหว้อีกหรือเนี่ย

   เอา ปริญญา  ไปทำการตลาด ...." เร็วๆๆๆ  มาเอาใบนี้เร็ว    มีเงิน มีงาน  มีความสุข ...".  ว้าว ...ถึงขั้น ติด เป็น บอร์ดโฆษณาริมถนนใหญ่   ออก spot วิทยุ  .... อีกหน่อย คงเห็น Direct sale ทางการศึกษา....

 ฉันเป็น ครู  อาจารย์  ฉันเก่งนะ ฉันมีใบปริญญา ฉันเป็นคนดี นะ    แต่ พวกฉันแย่ง ตำแหน่ง อธิการบดี คณบดี ฯลฯ   แย่งวิชากันสอน  ....  ยังกะ ".."  แย่งกระดูกกัน    น่าเศร้าไหม ?   แม่ปู  สอนลูกปู  ให้เดินตรงๆ

เคยมีครูคนหนึ่ง เธอจบ ป โท  บริหารการศึกษา  จาก มหา ฯ ดังมากๆ   ประมาณว่า  ทำ "แบบสอบถาม" สร้างโมเดล ได้ ปอ เอก   อะไรประมาณนั้น

เธอบอกผม ผ่านคนอื่นด้วยนะว่า  " วิทยากร (คือ ผม)  มันบ้า   ไม่รู้ไปกินรังแตนที่ไหนมา  เห็นมันด่าๆๆๆ  ทุเรศ ..มันคงเกลียดครูของมันมาก.....  ฉันไม่ฟังมันหรอก   มันไม่จบปริญญาครู"

 

ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนะ  แต่  ก็ เออหนอ   เราน่าจะมี Dialogue  เพื่อ สร้าง "สังคมอุดมปัญญา"   จะได้  ออกมาจาก   กะลาใบเดิมๆ   นั่งในถ้ำมองออกมานอกถ้ำ   เห็นตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสรรพสิ่ง  ฯลฯ

ผมชอบโฆษณา 7-11 นะ

ครู คือ ใคร  ใคร คือ ครู   .....

จบปริญญาเอกทางสายครู ก็ไม่ได้แปลว่า  เป็นครู  นะครับ

ต้องทำอะไรเก่งๆ  จนเป็นครู   คนในสังคมมอบให้  ไม่ใช่  คณะกรรมการวิทยานิพนธ์มอบให้นะครับ

 

 

 

หมายเลขบันทึก: 235284เขียนเมื่อ 15 มกราคม 2009 10:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 19:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (20)

การศึกษาที่เป็นลักษณะแยกส่วน โดยจริงๆแล้วการคิดแยกส่วนนั้นเป็นการคิดในเชิงวิจัยเพื่อตัดปัจจัยตัวแปรอื่นๆออก เพื่อทราบถึงขนาดของปัจจัยที่เราศึกษา แต่เราจะติดการคิดแบบนี้ในชีวิตจริงและในระบบการศึกษาจนละเลยมิติอื่นๆไป ในระบบการศึกษาและชีวิตจริงต้องคิดถึงมิติทางสังคม ทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิต รากฐานทางวัฒนธรรมด้วย และฐานของการพัฒนาจิตใจ การที่เราติดการคิดแบบแยกส่วนและไม่ทำการศึกษาวิจัยเพื่อตอบโจทย์สังคม บนพื้นฐานของ มิติทางสังคม ทรัพยากรธรรมชาติ วิถีชีวิต รากฐานทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น เพราะการศึกษาที่เอาใบปริญญา/วุฒิการศึกษาเป็นที่ตั้ง การนำเทคโนโลยีต่างชาติมาใช้แต่ไม่มอง/ไม่เข้าใจบริบทของสังคมไทย การหลงใน ลาภ ยศ สรรเสริญ จนขาดสติ ยังคงทำให้สังคมไทย ยังเป็นสังคมที่ขาดปัญญา

วิทยาศาสตร์ขั้นสูง ในระัดับ Quantum ค้นพบแล้วว่า สรรพสิ่งส่งผลต่อกันทั้งหมด เราไม่สามารถแยกส่วนได้เลย

วิทยาศาสตร์เก่า แบบนิวตัน อธิบายเรื่องทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ได้ดีในระดับต้นๆ เพราะ คิดแบบแยกส่วนมาตลอด

จนกระทั่ง การค้นพบ quantum และ ปัญหาโลกร้อน หนาวๆ น้ำท่วมโลก จึงเริ่ม เห็นว่า "โอ้ พระเจ้า .... เราไม่น่าคิดแบบแยกส่วนเลย"

มีหลายอย่าง ที่วิทยาศาสตร์เก่า อธิบายไม่ได้ และ หลบๆไป ไม่เอา "ความไม่รู้" นั้นๆ มาใช้ประโยชน์ หรือ หามุมมองใหม่ในการพิสูจน์ ... กลายเป็นคน งมงายในวิทยาศาสตรื (เก่า) ... พวกเขานึกไม่ถึงครับว่า มีวิทยาศาสตร์ใหม่ มาแล้ว !!!!

สายตาของมนุษย์ มีขีดความสามารถจำกัด ก็จะดันทุรัง "เห็นด้วยตาเท่านั้น จึงจะเชื่อ" โดยไม่คิดว่า ถ้าศึกษา ลงลึกไปที่ นามธรรม ศึกษาจิตใจอารมณ์ การกลับมา "ช้าให้เป็น" สงบให้เป็น ... จะเห็นอะไรมากกว่า สายตาคนไม่ได้ฝึก เห็นอีกเยอะเลยครับ

หลักทางศาสนา มาทำให้ พวกยุคอุสาหกรรม ดูจะเป็นผู้ร้าย ... จึงไม่แปลก ที่พวกเขา จะหลักเลี่ยง ที่ จะศึกษา ลงลึกไปเรื่องที่เป็น นามธรรม

ยิ่งพวกนิสัย แบบอุตสหกรรม มาดูแลศาสนา ผลคือ คนงมงานในศาสนา เชื่อด้วยความกลัว เชื่อด้วยการหวังผล

อ่านที่อาจารย์เขียนแล้ว รู้สึกว่ามันเกี่ยวกับที่เขียนไว้อย่างไงไม่รู้...ลองอ่านดูนะคะ :)

รู้จักไหม หวิดทะลาย แบบจับฉ่าย ชอบง่ายง่าย ทั้งผู้รับ แลผู้ให้

ทำทุกอย่าง เพื่อหวัง แค่กำไร ต่างอย่างไร กับการค้า ว่าแต่เงิน

ความรู้เหรอ ไม่หรอก ไม่อยากได้ ขอแค่ให้ กระดาษ อย่างอื่นเมิน

จะมาเคี่ยว มาเข็น คงยากเกิน งั้นก็เชิญ เข็นเถิด เข็นคนเดียว

ฉันนั้นชอบ คนให้ ที่ว่าง่าย เหมือนกับสน ตะพาย เอาเชือกเกี่ยว

ฉันขอโน่น ขอนี่ ใครอาจเบี้ยว แค่เดินเที่ยว เว้าวอน ได้มาไว

อีกผู้ให้ ที่เคยว่า แสนศักดิ์สิทธิ์ กลับวิปริต คอยคิด เอาแต่ได้

คอยตักตวง ทุกอย่าง ทั้งใกล้ไกล ให้ได้ยศ ได้กล่อง แค่นั้นพอ

ใครสรรเสริญ เยินยอ คอยปอปั้น ใครขยัน คำหวาน พะเน้าพะนอ

ได้เลื่อนขั้น เลื่อนซี ไม่รั้งรอ โอ้ละหนอ อนิจจา ปัญญาชน

คงได้ชื่อ ปัญญาแต่ในนาม หากจะถาม เรื่องจิต คงยากค้น

คงจะยาก แม้จะคอย อยากดั้นด้น คงเป็นคน แค่ตัวตน ใช่จิตใจ

อยากจะได้ (อะ)ไรก็ได้ ขออย่าแย้ง คอยตะแบง พูดทุกอย่าง ที่อยากได้

มาตรฐาน ที่มีนั้น ฉันก็ใช้ แต่เปลี่ยนไว เป็นอย่างเช่น ฉันต้องการ

สุดจะใช้ คำพูดใด มาเป็นตรา คำว่า...แหล นั้นหนา อาจอ่อนหวาน

ไม่อาจเชื่อ ว่าจะมี ใน...ดาน ฉันแสนด้าน เกินใคร จะทานทน

เป็นมนุษย์ ฉันก็เป็น แต่ไม่อาย ฉันขายได้ วิญญาณ เกิดมาหน

ทำทุกอย่าง เอาเข้า เพื่อตัวตน พร้อมกับคน ใกล้ตัว ไร้อื่นไกล

ไม่เคยคิด ถึงจิต คนอื่นอ้าง คอยเอาข้าง เข้าถู ทำหน้าใส

ไม่อายอื่น ถึงรู้ อยู่ในใจ และฉันไม่ กลัวกรรม จะตามมา

ของทุกอย่าง ไม่ใช่ของ ของฉัน แต่ฉันปั่น เป็นของฉัน ปรารถนา

ฉันใช้มัน เป็นบุญคุณ กับทุกหน้า ปัญญาใคร ไม่มี ก็กราบกราน

ใครขืนแข็ง ชอบพูด แต่เท็จจริง ฉันคอยวิ่ง เขี่ยทิ้ง ทำหน้าม้าน

ฟังไม่ได้ เพราะแสน ทรมาน เสียงประจาน เสียดใจ จริงเหลือทน

ให้ได้เหลือ แต่เสียง แค่สรรเสริญ ฉันเพลิดเพลิน คอยฝัน จริงไม่สน

มาเถิดมา มาร่วมเป็นตัวตน มาร่วมสน ตะพายกัน เป็นกลุ่มเดียว

(20.52: Jan 8,2009)

สวัสดีวันครูครับ ท่านอาจารย์

จากที่ติดตามตัวหนังสือที่อาจารย์เขียนมาอย่างต่อเนื่อง

ผมขออนุญาตนับถืออาจารย์ เป็น "ครู" ในใจผมคนหนึ่งครับ

และในโอกาสวันครูจึงขอถือโอกาสนี้เพื่อแสดงคารวะจิตต่ออาจารย์

หวังว่าในโอกาสต่อไปอาจารย์คงเมตตา ชี้แนะ

หนทางแห่งปัญญาให้ศิษย์คนนี้ด้วยนะครับ

ด้วยจิตคารวะ

ครู ที่ดีที่สุด คือ ตัวเราเอง

สอนตนเอง ดุตนเอง ด่าตนเอง ยั้งตนเอง ประเมินตนเอง แก้ไขตนเอง นี่แหละครู

คิดจะเป็นครู ต้องแน่ใจ ว่าทำเรื่องนั้นๆ จนคนเขายอมรับ มาเรียกเราว่าครู

******************

ครู อาจารย์ ---> มีความกลัวมาก กลัวได้เงินน้อย กลัวตกงาน กลัวคนไม่รัก ....

ครูอาจารย์ เป็นอะไรที่ "แตะไมไ่ด้" เป็นพวก Unteachable มีเยอะมากครับ

โลกอนาคต กำลังเปลี่ยนไป คอมฯ พัฒนา สื่อสารไวขึ้น คนจะ มองเรื่อง ครูลดลง ครูจะตกงาน .... ถ้ายัง ตะบี้ ตะบัน แจก ปริญญา แบบดูถูกตนเอง หวังเงิน กันขนาดนี้ ... ฆ่าตัวตาย ฆ่าประทศชาติ ชัดๆ

ฝ่าย HR ของแต่ละองค์กร เริ่มมอง ว่า "สถาบัน ปริญญา" ไม่สำคัญแล้วนะครับ..ขอบอก

ผมไปเป็นที่ปรึกษาที่ไหน ผม ก็จัดการ เรื่อง รับคนเข้างาน แบบไม่มองที่ "สถาบัน และ ปริญญา" อีกแล้ว ... หลอกเงินเด็ก กันมามากแล้ว พอได้แล้ว

เรามีการคัดเลือกคนที่ ... เปลี่๋ยนไป๋ !!!

ขอบคุณสำหรับบทเรียนแรก

และอาจเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ครับ

ถ้ายังสอนตัวเองไม่ได้ จะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร

ถ้ายังเรียนรู้เองไม่เป็น และจะไปทำให้คนอื่นเรียนรู้ได้อย่างไร

ขออนุญาตนำไปพิจารณา และลองปฏิบัติครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ขออนุญาตยกข้อความนี้มาเพื่อเตือนใจตัวเองค่ะ
  • คนที่โดนกราบก็ไม่ละอายใจ ไม่มองเห็นตนเอง ว่า ฉันดีพอที่จะให้เขากราบไหม  
  • ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ค่ะ

ขอเป็นกำลังใจ ให้กับเพื่อนครูทุกคน ทั้งในระบบ และ นอกระบบ

คนที่เป็นครูต้องมีจิตวิญญานความเป็นครู รู้จริง เสียสละ ทุ่มเทให้แก่ศิษย์ คนดีและเรียนเก่งต้องมาเป็นครูให้มากๆ ครูต้องได้รับผลตอบแทนไม่แพ้พวกจบหมอหรือวิศวะ ไม่ใช่คนเก่งเรียนหมอหรือวิศวะกันหมด ประเทศไทยมีเหรียญทองโอลิมปิควิชาการกันกี่เหรียญแล้ว แต่คนยังไม่พัฒนากันเลย เพราะอะไร ต้องทำคนไม่เก่งให้เก่ง ทำคนไม่ดีให้ดี ไม่ใช่สนับสนุนแต่คนเรียนเก่งให้ไปสอบแข่งขัน มีโรงเรียนกวดวิชามากมาย ทำให้เด็กไม่มีความสุข ต้องแห่เรียนตามกัน กลัวสู้เขาไม่ได้ รัฐบาลและทุกคนต้องลงมาช่วยกันแก้ไขกันอย่างจริงจังเสียที ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้น

สวัสดีค่ะ

* แวะมาอ่านค่ะ

* ทำให้นึกถึงครูไทยท่านหนึ่งค่ะกล่าวไว้ค่ะ " ถ้าเขามากราบไหว้เราจงพิจารณาและทำตนให้สมกับที่เขากราบไหว้ "

* สุขกายสุขใจนะคะ

ถ้าข้ามคูได้ ก็พอจะนับเป็นครู

ทุกวันนี้ความรู้หมดอายุง่ายๆและเร็ว

คนที่ทนงตนเรื่องความรู้ น่าสงสาร

ถ้าถามว่าวันนี้ ตัวเองอยู่กับความรู้อะไร จะสนุก

ที่พระอาจารย์ร่ายทวนมานั้นโดนใจสุดๆ

พวกปากหอยปากกาว่าบ้างก็เป็นปกติ

ถ้าไม่มีเสียงอุบอิบเล็ดลอดมาเลย น่ากลัว อาจจะโดนคนหลอกผีได้

ขอให้พระอาจารย์ เขียนแบบตีแตกต่อๆๆไป

สไตล์นี้หายาก..เอาความจริงไปทิ่มความไม่จริง

อย่าลืมวันที่ 27-28 ก.พ.นะขอรับ

เราจะทำพิธีประชุมเพลิงการศึกษาไทย อิอิ..

ขอบคุณค่ะ

แวะมาเรียนรู้ เพื่อ แก้ไขตน

ขอบคุณค่ะ

อ่านแล้ว...รู้สึกสงสารเด็กที่อยู่ในระบบการศึกษาไทยจัง รวมถึงลูกตัวเองด้วย ทำอย่างไรระบบการศึกษาไทยจะเปลี่ยน

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ชอบอ่านบันทึกนี้ค่ะ
  • และชอบมากที่พ่อครูบาบอกจะ..ประชุมเพลิงการศึกษาไทย
  • ขอขอบพระคุณค่ะ

ค่ะชื่นชมอจมากเลยค่ะ

ได้ฟังขอคิดจากอจ หลายอย่างและได้นำไปปรับใช้

ขอขอบพระคุณอจมาก

คนที่เป็นครูต้องมีจิตวิญญานความเป็นครู รู้จริง เสียสละ ทุ่มเทให้แก่ศิษย์ คนดีและเรียนเก่งต้องมาเป็นครูให้มากๆ ครูต้องได้รับผลตอบแทนไม่แพ้พวกจบหมอหรือวิศวะ ไม่ใช่คนเก่งเรียนหมอหรือวิศวะกันหมด ประเทศไทยมีเหรียญทองโอลิมปิควิชาการกันกี่เหรียญแล้ว แต่คนยังไม่พัฒนากันเลย เพราะอะไร ต้องทำคนไม่เก่งให้เก่ง ทำคนไม่ดีให้ดี ไม่ใช่สนับสนุนแต่คนเรียนเก่งให้ไปสอบแข่งขัน มีโรงเรียนกวดวิชามากมาย ทำให้เด็กไม่มีความสุข ต้องแห่เรียนตามกัน กลัวสู้เขาไม่ได้ รัฐบาลและทุกคนต้องลงมาช่วยกันแก้ไขกันอย่างจริงจังเสียที ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้น

ขอบคุณสำหรับบทเรียนแรก

และอาจเป็นบทเรียนที่สำคัญที่สุดก็ว่าได้ครับ

ถ้ายังสอนตัวเองไม่ได้ จะไปสอนคนอื่นได้อย่างไร

ถ้ายังเรียนรู้เองไม่เป็น และจะไปทำให้คนอื่นเรียนรู้ได้อย่างไร

ขออนุญาตนำไปพิจารณา และลองปฏิบัติครับ

เราจะทำพิธีประชุมเพลิงการศึกษาไทย อิอิ..

อะจึ๋ยอิอิ

ระบบการศึกษาไทยไม่มี ครู อ. ก็คงจะดี

เปลียนเป็นโคชเป็นผู้ช่วย(เด็ก)ทางการศึกษาให้หมด อิอิขำขำนะครับ

อีกหน่อย คงเห็น Direct sale ทางการศึกษา

ตอนนี้ผมก็ว่ามีแล้วนะครับอิอิ

อยากเป็นครูในแบบที่เคยอยากมีครู

อยากเป็นครูในแบบที่ตอนสมัยเรียนคิดว่าอยากมีครูแบบนี้นะ ครู ที่เป็น ครู

ตอนมัธยมร้องเพลงประสานเสียง ..พระคุณที่สาม..น้ำตาไหลทุกปีเลยค่ะ

สำหรับ ครูที่เป็นครู ก็น้ำตาไหล เช่นกัน

แต่สำหรับครูบางคนก็ดูจะไม่รู้สึกอะไร อาจคิดอยู่ในใจว่า (เสียเวลาชั้นทำผลงานหมด)

ตอนนี้เรียนเพิ่งจบ และอยากเป็น ครู ที่เป็น ครู ค่ะ

ขอกราบจิตวิญญาณของความเป็นครูทุกท่านนะคะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท