หนาวจัง ขอกอดหน่อยจิ่ (^______^)
วันเด็กปีนี้ไม่เหมือนทุกปีที่ผ่านมา เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ทบทวนตัวเองในวัยเด็กและบันทึกไว้ใน Blog ของ G2K
จำได้ว่าเป็นเด็กที่ชอบเล่นน้ำฝน เป็นเด็กที่ไม่ซน แต่ช่างคิดจินตนาการ
เป็นเด็กที่ไม่ชอบอ่าน แต่ชอบเขียนและรียนรู้ด้วยตัวเอง…
เป็นเด็กที่ไม่ชอบพูด แต่ชอบจุดประกายให้เพื่อน ๆ… เป็นกำลังใจให้พวกเขามีความฝัน… เพราะสมัยยังเด็กเรียนอยู่ในโรงเรียนต่างจังหวัด ถามเพื่อน ๆ ว่าเรียนจบมัธยม จะเอนทรานซ์คณะอะไร เรียกต่อที่ไหน… คำตอบที่ได้ ส่วนใหญ่ คือชาวไร่ ชาวนา หรือขายของที่ร้าน น้อยนักที่จะตอบว่าจะเรียนต่อเพื่อเป็นนู้น เป็นนี่….
ฉันก็ถามเพื่อนว่า “ทำไม” ไม่อยากเรียนต่อ ทำไมไม่มีความฝันอะไรหรือ แล้วก็เล่าความใฝ่ฝันของตัวเองให้เขาฟัง… ฉันอยากเป็นครูเหมือนพ่อ…
อยากเรียนสูง ๆ มีความรู้มาก ๆ แล้วก็จะสอนให้เด็กเป็นผู้ใหญ่ที่ดีด้วย…
ฉันพูดทุกวัน ๆ ย้ำ ๆ ซ้ำๆ เหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนเป้าหมาย จนเพื่อนหลายคนชักสนใจ ก็เริ่มมีความฝันบ้าง… จนถึงวันนี้ ฉันก็เห็นความสำเร็จของเพื่อน ๆ …แม้ไม่กี่คน แต่ก็มาจากการ “ร่วมกันฝัน” และผลักดันให้ความฝันเป็นจริง
แต่สำหรับฉัน แม้ฝันจะไม่เป็นจริง คือไม่ได้เป็นครู หรืออาจารย์ จะด้วยเพราะโชคชะตาหรืออะไรก็แล้วแต่ สำหรับพ่อ ท่านภูมิใจในอาชีพฉันมาก… ฉันจำได้ พ่อไม่เคยบังคับให้ฉันต้องเรียนเพื่อเป็นอะไร… แต่พ่อบังคับในสิ่งที่ฉันได้เคยเล่าให้คนอื่นฟัง แล้วเขางงกัน
พ่อบังคับให้ฉัน (ตอนนั้น 7 ปี) เดินไปโรงเรียนระยะทางหลายกิโลเมตร ทั้งที่เรามีรถและพ่อก็ต้องไปทำงานที่โรงเรียนนั้นอยู่แล้ว (เพราะพ่อเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน)
พ่อบังคับให้ฉันปลูกผักด้วยตัวเอง ให้ฉันรดน้ำ ให้ฉันพรวนดินทุกวัน…เด็กหญิงวัย 7-8 ปี ถือเสียม ถือจอบ…(อยู่ในความดูแลของพ่ออย่างใกล้ชิด)
พ่อบังคับให้ฉัน ให้อาหารปลาในบ่อใหญ่มาก ๆ 2 บ่อ…
พ่อบังคับให้ฉันกินผักคะน้า ขม ๆ (ในความรู้สึกตอนนั้น) ซึ่งฉันไม่ชอบเลย…
พออายุ 15 ปี พ่อก็บังคับฉันให้ไปปฏิธรรมที่วัด เป็นเวลา 7 วัน (ฉันกลัวผีมาก)
ช่วยเหลือตัวเองทุกอย่าง และนอนในซุ้มมุงจากคนเดียว..มืดๆ วังเวงมาก...
ฉันไม่เข้าใจพ่อในวันนั้น…ต่อมา แม่ก็บอกฉันว่า “พ่อไม่ได้สอน ไม่ได้บังคับให้ฉันเป็นคนเก่ง แต่ “สอนให้ฉันเอาชนะความยากลำบากในชีวิต”
OVERCOME DIFFICULTIES OF LIFE
การเดินทางด้วยเท้าตนเองระยะไกล ๆ … เพราะชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
การปลูกผักด้วยมือตนเอง… เพราะเมื่อเติบใหญ่ คงไม่มีใครทำมาหาเลี้ยงให้เรา
การให้อาหารปลา… เพราะว่าทุกชีวิตที่อยู่ในโลกเดียวกันล้วนมีค่า มีความหมาย ย่อมพึ่งพาอาศัยกัน… ฉันเลี้ยงปลา แต่ฉันไม่เคยกินปลาที่ฉันเลี้ยง…
การกินผักขม ๆ เพราะในชีวิตเราคงเลือกไม่ได้ที่จะได้ลิ้มรสแต่ความหวานชื่น…อะไรที่มีประโยชน์มาก ๆ มักจะขมขื่นเสมอ…
การปฏิบัติธรรมในวันนั้น... ช่วยทำให้ฉัน "เข้าใจ" ในวันนี้
ลองทบทวนดูแล้ว…. สิ่งที่พ่อสอนมันครอบคลุมทุกอย่างในการดำเนินชีวิตของคนเรา… ฉันเข้มแข็ง…ฉันไม่เคยย่อท้อต่อความลำบาก… ฉันมีภูมิคุ้มกันที่ดีแล้ว… ฉันย่อมเลือกทางเดินชีวิตได้ด้วยตนเอง…
คำสอนของพ่อไม่ใช่คำพูด… แต่แฝงนัยยะอยู่ในการปฏิบัติ…พ่อไม่ได้สอนให้ฉันเป็นคนดีเพราะคำพูดที่ว่า “จงเป็นเด็กดี” แต่พ่อทำให้ฉันเห็นว่าพ่อเป็นครูที่ดี… ทั้งครูที่โรงเรียน และครูที่บ้าน…
แบบอย่างที่ดีมีความหมายยิ่งกว่าคำสอนใด ๆ
แวะมาทักทายครับ
อ่านแล้วก็แอบอิจฉาเล็กๆ
เพราะตัวผมเองห่างพ่อห่างแม่มาตั้งแต่เด็ก
สงสัยว่ารูปเด็กที่น่ารักคนนี้คือใครกันครับ
ใช่คุณ Sila Phu-Chaya หรือเปล่าน้า - :)
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยกับประโยคนี้มากๆ.
"แบบอย่างที่ดีมีความหมายยิ่งกว่าคำสอนใด ๆ "
จำเป็นมากสำหรับคนเป็นครูค่ะ..
ตอนเด็กๆเหรอคะ..จำได้ว่า...สีสันของเหตุการณ์มันสดใสแจ่มมากๆ..มองอะไรก็สวยงาม รื่นรมย์ น่าเรียนรู้ไปหมด..ต่างกับภาพในตอนโตค่ะ..ก็ยังแปลกใจนะคะ..มิน่าเด็กๆเค้าถึงไม่เคยทุกข์ร้อนเรื่องอะไร..
อยากกลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแต่ก็ขี้เกียจเอ็นใหม่ค่ะ.เหนื่อยค่ะ.อิอิ.
ขอบคุณบันทึก..ประทับใจนี้นะคะ..^^
- ตอบคำถามแรกก่อนนะค่ "รูปหลานสาวค่ะ" น่ารักเหมือนคุณป้า
ตอนที่ยังเป็นเด็กค่ะ
- ตามไปตอบที่บล๊อกคุณครูคิมแล้วนะคะ... และอยากบอกในที่นี้ว่า
อ่านแล้วชีวิตเหมือนกัน ตรงที่ยังไม่ทันได้บอกคุณพ่อ คุณแม่เลยค่ะว่า
"เข้าใจแล้ว"
- แต่เราก็เป็นคนดี "สร้างพระ" ให้ท่านทั้งสองได้ค่ะ
- ขอบคุณครูแอ๊วด้วยค่ะที่แวะมาเยือน ดีใจที่ได้แลกเปลี่ยนด้วยกันค่ะ
และขอเชียร์ค่ะว่าเป็นผู้ใหญ่ก็คิดอะไรสดใสไปหมดได้เหมือนเด็ก ๆ ค่ะ
เพราะ "เข้าใจแล้ว" "ว่าง" แล้วค่ะ
ขอบคุณค่ะ ทำให้ต้องกลับไปทบทวนว่าเราได้รับอะไรดี ๆ จาก
พ่อแม่บ้าง จะได้นำมาสอนลูก ๆ ต่อไป
OVERCOME DIFFICULTIES OF LIFE
สวัสดีค่ะ
แวะมาเยี่ยมและยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ขอให้มีความสุขค่ะ
สวัสดีค่ะ
มาอ่านวัยเด็ก...ของเด็กน้อย อย่างชื่นชมค่ะ
โชคดีที่มีคุณพ่อ...ที่น่านับถือคอยส่งเสริมให้ได้พบกับประสบการณ์ดี ๆ ค่ะ
"สอนให้ฉันเอาชนะความยากลำบากในชีวิต”
ดีจัง !!!!..^__^..
สวัสดีค่ะ จะเข้ามาขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมที่บันทึก แต่มาเจอบันทึกที่มีประโยชน์ค่ะ เพราะกำลังประสบปัญหาตรงนี้พอดี ชีวิตพี่อักษรเกิดมาไม่สบายนัก ต้องช่วยเหลือตัวเอง ต้องทำงานตอนปิดภาคเรียน ต้องขวนขวายให้ได้มาซึ่งความฝัน แต่มารุ่นลูก เขาสบายเหลือเกินค่ะ กำลังคิดว่ากลัวเขาจะไม่สู้ชีวิต เพราะสบายจนเคยตัว อยากได้อะไรก็ได้.....อยากทำได้อย่างคุณพ่อจังเลยค่ะ ที่ใจแข็ง ฝีกให้ลูกรู้จักความลำบาก เพื่อลูกจะได้สู้ชีวิต.....
สวัสดีค่ะ เรื่องนี้อ่านแล้วรู้สึกดีจังค่ะ เมื่อตอนเป็นเด็ก เราไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณพ่อท่านรักเรามากแค่ไหน เราจะบ่นว่าท่านบังคับทำโน่นนี่เสมอ แต่ใครจะรู้เดี๋ยวนั้นว่าท่านสอนให้เราคิดให้ได้เองด้วย นอกจากฝึกความอดทน จะช้าหรือเร็วท่านก็รอได้ทั้งชีวิต เพื่อให้เราเติบโต สามารถยืนหยัดสู้ด้วยตัวของเราเอง เนี่ยค่ะ พ่อของดาวลูกไก่ เหมือนคุณพ่อคุณSila Phu-Chaya ไหมคะ
หนาวจัง ขอกอดหน่อยจิ่ (^______^)
"ตอนเป็นเด็กเป็นเด็กเรียบร้อย..ตั้งใจเรียน.. พ่อและแม่เป็นข้าราชการที่คุณครูในโรงเรียนต้องให้ความเคารพยำเกรง อึดอัดอึดอัดกับการถูกยกย่องอยู่ตลอดเวลาไม่ทราบว่าเพราะอะไร นึกอยากเป็นตัวของตัวเอง"
เด็กกำเนิดมาบนดลกด้วยความรัก
และความไว้วางใจ อย่างที่สุด
เด็กเล็กยังไม่รู้สาว่าสิ่งใดดีหรือเลว
แต่เด็กเปิดรับทุกสิ่งว่าเป็นสิ่งดี
และควรค่าต่อการซึมซับ
และลอกเลียนแบบอย่างมิรู้ตัว
คัดลอกจาก...คุณคือครูคนแรกของลูก
โดย. ราหิมา บาลด์วิน แดนซี
ขอบคุณกับ บทความดี ดี.....ขอบคุณครับ
จดจำอะไรได้มากมายครับ ทั้งความสุขและความอบอุ่นในวัยเด็ก จินตนาการ การท่องเที่ยว คิดแล้วมีความสุขดีครับ สบายดีไหมครับ
ผมแก้คำผิดบรรทัดแรก ครับ..... เด็กกำเนิดมาบนโลกด้วยความรัก
และความไว้วางใจ อย่างที่สุด
เด็กเล็กยังไม่รู้สาว่าสิ่งใดดีหรือเลว
แต่เด็กเปิดรับทุกสิ่งว่าเป็นสิ่งดี
และควรค่าต่อการซึมซับ
และลอกเลียนแบบอย่างมิรู้ตัว
สวัสดี ครับ
แวะมาอ่าน อีกครับ
อ่านแล้ว ...ได้คิด ตาม ในหลาย ๆ บรรทัด
ทุกบรรทัด บรรจงเขียนด้วย...หัวใจ จริง ๆ
ขอบคุณ มากนะครับ คุณ Sila