บะหมี่หนึ่งชาม ต่อตอนจบ


"จริงสิจ๊ะ นี่เป็นเพราะว่าพี่ชายของลูกขยันไปส่งหนังสือพิมพ์ ส่วนตัวลูกเองก็ช่วยแม่ซื้อกับข้าวทำอาหาร

ทำให้แม่ไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ทางบริษัทจึงได้ให้เงินเบี้ยขยัน

พร้อมทั้งเงินโบนัสพิเศษอื่นๆ อีก จึงทำให้วันนี้สามารถชำระในส่วนที่เหลือได้หมด"

"ว้าว แม่ครับ พี่ครับ อย่างนี้ก็วิเศษสิครับ แต่ว่าต่อไปขอให้ผมได้ช่วยทำอาหารต่อไปเถอะนะครับ"

"ผมก็จะส่งหนังสือพิมพ์ต่อนะครับ ไอ้น้องชาย เราต้องร่วมแรงร่วมใจกันสู้หน่อยแล้วนะ"

"ขอบใจลูกทั้งสองมาก ขอบใจจริง ๆ "

 

"แม่ครับผมกับน้องก็มีความลับจะบอกกับแม่เหมือนกันครับ คือ

ในวันอาทิตย์วันหนึ่งของเดือนพฤศจิกายน

โรงเรียนของน้องได้แจ้งให้ผู้ปกครอง

ไปเยี่ยมชมนักเรียนในห้องเรียนในวันพบผู้ปกครอง

คุณครูของน้องยังได้แนบจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับว่า

เรียงความของน้องได้ถูกคัดเลือกให้เป็นตัวแทนของฮอกไกโด

เพื่อไปแข่งขันเรียงความทั่วประเทศ

 

นี่ผมได้ยินมาจากเพื่อนๆ ของน้องนะครับผมถึงทราบ

ดังนั้น ในวันนั้นผมจึงไปเป็นตัวแทนแม่

ไปร่วมในงานวันพบผู้ปกครองของน้อง"

"จริงหรือลูกแล้วต่อมาล่ะ"

 

"หัวข้อที่คุณครูให้เรียงความคือ "ความปรารถนาของข้าพเจ้า"

 

น้องได้เอาเรื่องของบะหมี่น้ำหนึ่งชามมาเขียนเป็นเรียงความ

แล้วยังได้อ่านต่อหน้าทุกคนด้วย"

 

"เรียงความเขียนว่า..หลังจากที่คุณพ่อประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์แล้ว

ได้ทิ้งหนี้สินให้เรามากมาย เพื่อที่จะชำระหนี้

คุณแม่ต้องทำงานดึกดื่นหามรุ่งหามค่ำทุกวัน

แม้แต่เรื่องของผมที่ต้องไปส่งหนังสือพิมพ์

น้องก็ยังเอาไปเขียนเลย"

"ยังมีอีก...น้องยังเขียนถึงในคืนวันที่ 31 ธันวาคม

พวกเราสามคนแม่ลูกได้มาล้อมวงกัน กินบะหมี่น้ำอร่อยมาก..

สามคนกินบะหมี่น้ำแค่ชามเดียว

คุณตาคุณยายเจ้าของร้านยังกล่าวขอบคุณพวกเราอีก

แล้วยังอวยพรวันปีใหม่ให้พวกเราอีก

เสียงเหล่านั้นเหมือนกับว่า

ให้กำลังใจให้เข้มแข็งที่จะยืนหยัดมีชีวิตอยู่ต่อไป

พยายามปลดเปลื้องหนี้สินทั้งหลายของคุณพ่อให้หมดให้เร็วที่สุด... "

 

"ด้วยเหตุนี้ น้องจึงได้ตัดสินใจว่า โตขึ้นน้องจะเปิดกิจการร้านบะหมี่

แล้วจะต้องเป็นเจ้าของร้านบะหมี่ยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งของญี่ปุ่นอีกด้วย

แล้วยังจะให้กำลังใจแก่ลูกค้าทุกคน..

ขอให้มีความสุขครับ..

ขอบคุณครับ.. "

 

สองตายายเจ้าของร้านบะหมี่ที่ยืนฟังอยู่หลังโต๊ะทำบะหมี่ จู่ๆ ก็หายตัวไป

พวกเขาไม่ได้หายไปไหนเลย...เพียงแต่คุกเข่ากันอยู่ใต้โต๊ะ

ในมือถือปลายผ้าขนหนูกันคนละข้าง พยายามซับน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด

เหมือนทำนบพังนั้นอย่างไม่ลดละ

 

"พอน้องอ่านเรียงความจบ

คุณครูก็พูดว่า วันนี้พี่ชายได้มาเป็นตัวแทนของคุณแม่

ดังนั้นขอเชิญพี่ชายขึ้นมากล่าวอะไรสักหน่อยค่ะ"

"จริงหรือลูก แล้วลูกทำอย่างไรล่ะ"

 

"ก็มันกระทันหันเกินไป

ตอนแรก ๆ ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

ผมจึงพูดว่า..ขอบคุณทุกคนที่เอาใจใส่น้องผมเป็นอย่างดี

น้องผมต้องไปจ่ายตลาด ซื้อกับข้าวกลับมาหุงหาอาหารทุกวัน

 

ดังนั้นในเวลาที่เพื่อนๆ ทุกคนมีกิจกรรมกันในตอนเย็น

ก็มักจะอยู่ร่วมกิจกรรมต่างๆ ไม่ได้ เพราะต้องรีบกลับบ้าน

เมื่อเป็นอย่างนี้คงจะทำให้ทุกคนวุ่นวายกันพอสมควร..

เมื่อครู่นี้ตอนที่ได้ยินน้องอ่านเรียงความ

เรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชาม ผมรู้สึกอายมาก

แต่พอได้เห็นน้องยืดอก อ่านเรียงความเรื่องบะหมี่น้ำหนึ่งชามด้วยเสียงอันดังนั้นจนจบ

ถึงได้รู้สึกว่า ความรู้สึกอายเมื่อสักครู่นี้ ถึงจะเรียกว่าเป็นความอายจริงๆ ..หลายปีมานี้

ความกล้าของคุณแม่ที่จะสั่งบะหมี่น้ำหนึ่งชาม เพื่อกินกันสามคนนั้น

ผมกับน้องจะไม่มีวันลืมเป็นอันขาด ผมและน้องจะต้องขยัน

และดูแลแม่เป็นอย่างดี

 

และผมขอฝากน้องของผมให้ทุกคนช่วยดูแลด้วยครับ"

 

สามแม่ลูกกุมมือกันเงียบๆ ตบไหล่

กินบะหมี่หมดอย่างมีความสุขกว่าทุกๆ ปี

จ่ายเงินไปสามร้อยเยน

กล่าวขอบคุณ

ค้อมตัวลงเคารพและเดินออกจากร้านไป

มองตามหลังสามแม่ลูกไป

เจ้าของร้านจึงได้รู้สึกว่า ปีนี้ได้ผ่านไปแล้วจริงๆ

พร้อมกับกล่าวว่า

"ขอบคุณค่ะ(ครับ) สวัสดีปีใหม่ค่ะ(ครับ)"

 

และแล้วก็ผ่านไปอีกปีหนึ่ง

พอถึงเวลา 21.00 น.

ทางร้านฮอกไกก็วางป้าย

"โต๊ะจอง" ไว้บนโต๊ะเบอร์สอง

 

และเฝ้ารอคอยการมาเยือนของสามแม่ลูกเช่นเคย

แต่ในปีนั้นสามคนแม่ลูกไม่ได้มาปรากฏตัวที่ร้านเลย

ปีที่สอง.. ปีที่สาม..โต๊ะเบอร์สองก็ยังคงว่างอยู่เช่นเดิม

สามแม่ลูกไม่ได้มาที่ร้านฮอกไกอีกเลย

 

กิจการของร้านฮอกไกดีมาก เรียกว่าดีวันดีคืนเลยทีเดียว

ภายในร้านมีการตกแต่งใหม่ โต๊ะเก้าอี้ก็มีการเปลี่ยนใหม่

จะมีก็แต่โต๊ะเบอร์สองที่เก็บรักษาไว้เหมือนเดิม

"นี่มันเรื่องอะไรกัน"

ลูกค้าหลายคนต่างก็ถามด้วยความกังขา

เถ้าแก่เนี้ยก็เลยเล่าเรื่องบะหมี่หนึ่งชามให้แก่ลูกค้าฟัง

โต๊ะเก่าตัวนั้น...วางอยู่กลางร้านเหมือนกับว่า

เป็นการให้กำลังใจตัวเองอย่างหนึ่ง

และก้อไม่แน่ว่าวันใดวันหนึ่ง ลูกค้าทั้งสามอาจจะกลับมาอีก

 

พวกเขาหวังว่าจะใช้โต๊ะเก่าตัวนั้น ในการต้อนรับลูกค้าทั้งสามของเขา

โต๊ะเบอร์สองตัวนั้นเปลี่ยนเป็นชื่อว่า "โต๊ะแห่งความสุข" ลูกค้าต่างก็พูดต่อๆ กันไป

มีนักเรียนหลายคนอยากเห็นโต๊ะตัวนี้ ถึงขนาดที่ว่านั่งรถมาจากที่ไกลแสนไกลมากินบะหมี่

และเจาะจงที่จะนั่งโต๊ะตัวนี้

ผ่านวันที่ 31 ธันวาคม ไปอีกหลายๆ ปี

เจ้าของร้านค้าในละแวกใกล้เคียงร้านฮอกไก พอถึงวันสิ้นปี

หลังจากปิดร้านแล้วก็มักจะมารวมตัวฉลอง โดยการกินบะหมี่ที่ร้านฮอกไก

กินไปพลาง ... ก็รอเสียงระฆังส่งท้ายวันสิ้นปีเก่าไปพลาง

แล้วทุกคนก็ไปวัดเพื่อไหว้พระด้วยกัน เป็นธรรมเนียมมา 5-6 ปีแล้ว

 

ในวันนี้ พอเลยเวลา 21.30 น.ไปแล้ว เจ้าของร้านขายปลามาถึงก่อน

พร้อมทั้งนำซาซิมิมาด้วย ต่อจากนั้นก็มีคนมาเรื่อยๆ เป็นระยะ

บ้างก็เอาเหล้ามา บ้างก็เอาอาหารกับแกล้มมา

 

ปกติแล้วก็จะรวมตัวกันได้ประมาณ 30-40 คน

ต่างก็คึกคักกันมาก ทุกคนที่มานั้น ต่างก็รู้ตำนานเกี่ยวกับโต๊ะเบอร์สอง

ทุกคนก็พยายามไม่เอ่ยถึงมัน แต่ในใจต่างก็คิดกันว่า

วันนี้ "โต๊ะจอง" ตัวนั้นไม่มีคนที่พวกเขาเฝ้ารอมานั่ง

มันคงจะว่างเปล่าเพื่อส่งท้ายปีเก่าอีกเช่นเดิม

 

พวกเขาบ้างก็กินเหล้า บ้างก็กินบะหมี่ บ้างก็เข้า ๆ ออก ๆ

พอเตรียมกับข้าวกับแกล้ม ต่างก็กินกันไปคุยกันไป

พูดเรื่องการค้าบ้าง คุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ แม้แต่น้ำทะเลขึ้นลง

ในระยะนี้บ้านไหนมีเด็กเกิดใหม่ ก็นำมาพูดคุยในวงสนทนา

คุยมันทุก ๆ เรื่องจนเหมือนกับว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน

เวลาผ่านไปจนถึงเวลา 22.30 น.

 

ทันใดนั้นเองประตูร้านก็ถูกผลักออกเบาๆ ทุกคนในร้านหยุดพูดคุยกัน

สายตาทุกคู่มองตรงไปยังประตูร้าน

ชายหนุ่มสองคนยืนสง่าในชุดสูทสากล

พาดโอเวอร์โค้ทไว้บนแขน

หมายเลขบันทึก: 234322เขียนเมื่อ 9 มกราคม 2009 15:42 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 21:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)
  • สวัสดียามเย็นค่ะ
  • อ้าว...บะหมี่หนึ่งขามยังไม่จบเหรอคะ
  • คนไทยยังมีความอดทนน้อยกว่าคนญี่ปุ่น
  • อยากฝึกเด็ก  แต่ไม่รู้วิธีฝึก
  • ตามอ่านอยู่นะคะ

แวะมาอ่านค่ะ..สบายดีนะคะ

สวัสดีค่ะ

  • ความอดทนต้องได้รับการฝึกสม่ำเสมอ
  • และให้รู้จักคุณค่าของความอดทน
  • ขอขอบคุณค่ะ

เจริญพร คุณโยม

อาตมาว่าจะสั่งบะหมี่คุณโยมสักหนึ่งชาม

แต่หมดเวลาฉันเสียแล้ว ค่อยพรุ่งนี้เช้า

 

เจริญพร

สวัสดีค่ะคุณ She P ถ้าไม่ได้คุณ She เตือน คงลืมนำภาคจบมาปิดท้าย บังเอิญว่าตอนนั้นยังเป็นเด็กใหม่ ไม่ได้สังเกตว่าระบบตัดอัตโนมัติกรณีข้อความยาวเกินไปค่ะ ขอบพระคุณมากค่ะ และขออภัยที่ตอบช้า มัวไปเม๊าท์ Blog คนอื่น และไปลงบันทึกใหม่ ๆ ใน Blog อื่นของตัวเอง จนลืมบันทึกเก่า...เด็กใหม่จริง ๆ นะเนี่ย

 

ขอบพระคุณคุณ add P ที่แวะมาทักทาย  ช่วงนี้งานยุ่ง ๆ กันทั้งนั้นเลยนะคะ เห็นใจคนทำงานทุกท่านจริง ๆ เลยค่ะ

 

 

ขอบพระคุณคุณครูคิม P  ที่กรุณาเสริมเพิ่มความหมายค่ะ บททดสอบชีวิตมากมาย กว่าจะผ่านไปได้ก็ต้องอาศัย "ความอดทน" อย่างที่คุณครูกล่าวค่ะ

  • กราบนมัสการพระคุณเจ้า P 
  • กลางดึก บะหมี่หมดพอดีเลยค่ะ

เขียนไปดีแล้วครับ พิมพ์ให้ได้ ขายให้ได้ กลับไปจะขอลายเซ็น

บล็อกนี้มาสมัครไว้ตอนโหวต ก็เลยหาไรมาใส่ไว้นะ

สบายดีอากาศเย็นสบาย สิบกว่าองสา

ที่เขียนไว้ก็เยอะแหละ เ อา ไปจัดหมวดหมู่ได้หลายเล่มแหละ

บอกบล็อกเกอร์ ธรรมะ กับกฏหมายหน่อย ไม่มีทั้งธรรมะ และกฏหมาย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท