วันนี้...ฉันอยากจะพูดเรื่องนี้...เรื่องของเพื่อนของฉัน
ฉันอยากที่จะเอ่ยชื่อของเพื่อน แต่เขาเองคงไม่ยินดีสักเท่าไหร่ด้วยเป็นคนมีนิสัยไม่ชอบเปิดตัว ชอบทำอะไรๆหลายๆอย่างให้สังคมโดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง(ประมาณปิดทองหลังพระ)
เอาเป็นว่าวันนี้ได้พาเพื่อนรักไปทานข้าวเย็น เราได้มีโอกาสพูดคุยกันหลายเรื่อง และก็มีเรื่องหนึ่งที่ฉันได้ยินแล้วรู้สึกประทับใจ...จนไม่อยากเก็บไว้คนเดียว
เขาพูดถึงค่าใช้จ่ายในการเรียนของเขาในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ค่าเทอมประมาณ 5000 บาท ซึ่งคิดเป็นยูเอสดอลลาร์(สมัยนั้นประมาณ 20บาทต่อเหรียญ)แล้วก็ไม่กี่เหรียญ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ถูกมากๆสำหรับคอร์สนี้เมื่อเทียบกับต่างประเทศ... เขาบอกว่า ส่วนที่เหลือที่เป็นค่าใช้จ่ายจริงของนักศึกษานั้น รัฐได้(นำเงินภาษี...)เข้ามาช่วยเหลือดูแลรับผิดชอบให้
นี่เป็นเพียงมุมมองบางส่วนของเพื่อนฉัน... เขารู้สึกถึงจุดอิ่มตัวแล้ว(ของเขา) รู้สึกพอแล้ว และรู้สึกต้องตอบแทนคุณ(คืน)สังคม...บ้างแล้ว
...เพื่อนของฉันยินดีที่จะไม่รับค่าตอบแทนในการบรรยายด้วยถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณต่อสังคม(ที่หลายคนไม่เคยคิด...)
“ให้สถาบันเก็บไว้ใช้น่าจะได้ประโยชน์กับนักศึกษามากกว่าอยู่ที่ผม”
“ถ้าการได้รับรายได้มากๆแต่ไม่ได้กระทำตนให้มีคุณค่าต่อสังคม ก็ไม่เห็นจะน่าภาคภูมิใจ”
จะมีใครสักกี่คนที่คิดและทำเช่นนี้
เดี๋ยวนี้มักเห็นผู้คนที่...เห็นแก่ได้...แม้ในวงการใกล้ตัวที่(บางคน)ยังมีพฤติกรรมของการขาดความรู้สึกว่า... พอเพียง... พอแล้ว... พอประมาณ... หรืออยากแบ่งปัน
จนอยากตะโกนบอกว่า... พอซะทีเถอะ เพราะสิ่งที่(คุณ)กำลังอยากได้กันจนมากมายไม่รู้จักอิ่มนั้น มันก็จะได้มาจากคนในสังคมที่เคยลงทุนให้(คุณ)เรียนจนจบ... จนมีวิชาชีพที่(คุณ) ยังคิดหวังให้มีกำไรมากๆจากสังคม ...นั่นแหละ...
...เมื่อไหร่จะมีความรู้สึก พอแล้ว... และอยากทดแทนคุณสังคมอย่างเพื่อนฉันบ้าง สักเสี้ยวเล็กๆก็ยังดี
สวัสดีค่ะ
สวัสดีค่ะ ครูคิม
สวัสดีปีใหม่ครับคุณน้อง
สวัสดีค่ะ การเสียสละเป็นสุดยอดความดี
สวัสดีปีใหม่ค่ะคุณพี่
สวัสดีปีใหม่ค่ะพี่ติ๋ว
สบายดีนะคะ ^ ^
เพื่อนพี่คนนี้คิดดีทำดีจังค่ะ นับถือๆ ^ ^
จะมีสักกี่คนที่มีคำว่าพอนะคะ..จะมีสักกี่คนนะคะที่จะทดแทนสังคม
เราเป็นเพียงจุดเล็กๆของสังคม..ก็ทำได้นิดหน่อยแต่มากมายในความรู้สึกของตนเองนะคะ