ศึกษาดูงานเวียตนาม ตอนที่ 1


การศึกษาในเวียตนาม

     
 ระหว่างวันที่ 19-25 ธันวาคม 2551 ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงานในประเทศเวียตนาม โดยไปดูงานโรงเรียนแห่งหนึ่งในเวียตนามและศึกษาสภาพภูมิประเทศโดยทั่วๆ ไป โดยออกเดินทางจากพะเยาโดยรถทัวร์ปรับอากาศอย่างดี เป็นการเดินทางที่นั่งรถนานมาก แต่ก็ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย บริษัททัวร์ที่จัดทัวร์ครั้งนี้บริการดีมาก ไม่ว่าอาหารหรือที่พัก ในการไปเวียตนามครั้งนี้หลายๆคนอาจมีมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับสิ่งที่ได้จากการไปเวียตนามในครั้งนี้ สำหรับในความคิดของเราแล้ว เราคิดว่าประเทศเวียตนามเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์มากๆ ในด้านทรัพยากรธรรมชาติ เพราะมีแม่น้ำมาก ไกด์บอกว่าประมาณทุกๆ 2 กิโลเมตรในเวียตนามจะมีแม่น้ำหนึ่งสาย และคนเวียตนามก็เป็นคนขยันด้วย คงเนื่องด้วยเค้าพึ่งผ่านการต่อสู้แย่งชิงจากสงครามต่างๆ เราจึงคิดว่าในอนาคตข้างหน้าเวียตนามคงต้องแซงหน้าประเทศไทยอย่างแน่นอน ถ้าประเทศไทยยังคงทะเลาะกันเองอย่างนี้ 

         การศึกษาในประเทศเวียตนาม  จากการไปศึกษาดูงานโรงเรียนแห่งหนึ่งในเวียตนาม และจากการที่ไกด์ชาวเวียตนามเล่าให้ฟัง และจากการสังเกตของเราเอง ก็พอสรุปได้ดังนี้ (ไม่แน่ใจว่าจะจริง 100 % หรือเปล่านะ)
1. ระบบการศึกษาเวียตนามจะแบ่งออกเป็น 5 4 3  หมายถึง ประถมเรียน 5 ปี  มัธยมต้นเรียน 4 ปี และมัธยมตอนปลายเรียน 3 ปี ก็รวมเป็น 12 ปี เหมือนบ้านเรา แต่บ้านเราจะเป็น ระบบ 6 3 3  ในการเรียกชื่อแต่ละชั้นปีจะเป็นเกรด 1 ถึง เกรด 12
2. การจัดการเรียนการสอนจะเรียนตั้งแต่วันจันทร์ ถึง วันเสาร์ ส่วนวันอาทิตย์จะหยุด  และจะเรียนเพียงครึ่งวันเท่านั้น ส่วนในช่วงบ่ายก็จะให้นักเรียนไปหาเรียนพิเศษตามความสนใจของตนเอง และจะต้องเสียเงินจ้างครูสอนพิเศษเอง
3.การประเมินผลการเรียนจะประเมินแบ่งออกเป็น 2 ภาคเรียน โดยจะเมินด้านความรู้ และคุณธรรมจริยธรรม และจะตัดเกรด 10 เกรด ดังนี้
             ต่ำกว่า 5  หมายถึง  ปรับปรุง
             5-7        หมายถึง  พอใช้
             8-9         หมายถึง   ดี
             10          หมายถึง   ดีมาก
4. จะมีการเคารพธงชาติทุกวันจันทร์และวันศุกร์
5. การแต่งกายของนักเรียนจะใส่เสื้อสีขาว กางเกงขายาวทั้งชายและหญิง  เนื่องจากนักเรียนส่วนใหญ่จะขี่จักรยานไปโรงเรียน และเท่าที่สังเกตทรงผมทั้งชายและหญิง จะไว้ทรงผมอย่างไรก็ได้ เพราะสังเกตเห็นนักเรียนหญิงจะไว้ผมยาวรวบหรือเปีย ส่วนนักเรียนชายจะไว้ทรงผมอะไรก็ได้ ไม่ได้บังคับเหมือนกับนักเรียนของไทยเรา (ซึ่งทุกวันนี้ครูไทยโดยเฉพาะตัวเราเองจะปวดหัวกับทรงผมของนักเรียนมากๆ )
6.โรงเรียนก็จะแยกเป็น โรงเรียนประถม  โรงเรียนมัธยมต้น โรงเรียนมัธยมปลาย แยกกันชัดเจน
7. จะไม่มีการตีนักเรียน
8. สิ่งสำคัญในการจัดการเรียนการสอนจะ เน้นสอนให้นักเรียนรักชาติ เป็นสำคัญ
    ในความคิดของเราการจัดการศึกษาส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กัน เพียงแต่ของประเทศอื่นๆ เรียนครึ่งวัน และอีกครึ่งวันให้นักเรียนไปเลือกเรียนตามความสนใจ จึงทำให้ไม่มีนักเรียนหนีเรียนเลย ส่วนประเทศไทยของเราทุกวันนี้เหมือนจะยัดเยียดให้นักเรียนเรียน เรียนตั้งแต่เช้าจนเย็น นักเรียนที่สนใจเรียนก็จะตั้งใจเรียนดี แต่นักเรียนบางคนก็เรียนจนเบื่อ ทำให้มีการหนีเรียนเกิดขึ้น บางครั้งการให้อะไรกับใครมากๆ เกินไปก็มีทั้งดีและโทษ อาจทำให้บางคนไม่เห็นคุณค่ากับสิ่งที่ให้ และบางครั้งของฟรี การศึกษาฟรี ก็อาจจะทำให้บางคนไม่เห็นคุณค่าก็เป็นได้ เพราะมันน่าแปลกที่ว่าประเทศเราเรียนเยอะมาก ตั้งแต่เช้าจนเย็น ฟรีทุกอย่าง แต่ยังสู้ประเทศ ที่เรียนเพียงครึ่งวัน และเก็บค่าเล่าเรียนด้วยก็ไม่ได้ และที่สำคัญปัจจุบันเราลืมสอนให้เด็กรักชาติกันหรือเปล่า

หมายเลขบันทึก: 232366เขียนเมื่อ 28 ธันวาคม 2008 21:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 20:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อยากเห็นรูปนักเรียนเวียดนาม  หรือ หนุ่มน้อยเวียดนาม เจ้า  แม่ติ๋ง

ยังสวยเหมือนเดิมนะ...คิดถึง....เที่ยวเวียดนามสนุกมั๊ย...ได้สาระดี

พี่หนู

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท