บ้านส่วนใหญ่จะมีหลังคา หากไม่มีหลังคา เค้าก็จะเรียกว่าตึกมั้ง
สำนึกรักบ้านเกิด สำนึกรักหลังคาบ้านค่ะ
เมื่อ 5 ธันวาคมที่ผ่านมาดิฉันได้มีโอกาสร่วมขบวนในคณะสมาคมวิทยุสมัครเล่นนครสวรรค์ โดยการชักชวนของพี่นัดดาทราบข้อมูลว่าเป็นเรื่องของจิตอาสา ที่จะไปทำประโยชน์ให้กับเด็กด้อยโอกาสหมู่บ้านกะเหรี่ยงดอย หรือปะกากะยอ อยู่ไกลมากทางไปลำบากอยู่ติดชายแดนพม่า ชื่อโรงเรียนบ้านคอโซทะ ต.แม่จัน อ.อุ้มผาง จ.ตาก มีนักเรียน 77 คน ใครมีเสื้อผ้าที่ไม่ใช้ก็ให้เอาไปบริจาค หรือจะซื้อขนม/ของอื่นไปแจกเด็ก ๆ และต้องนอนค้างที่โรงเรียน 1 คืน เพื่อจัดกิจกรรมรอบกองไฟให้กับเด็ก ๆ
ได้รับข้อมูลเท่านี้ นึกภาพไม่ออกว่าสภาพของชาวไทยภูเขาเป็นอย่างไร จึงเก็บเสื้อผ้าได้ 1 กระสอบปุ๋ย ซื้อขนมไปร่วมแจกเด็กด้วย วันเดินทางคือคืนวันที่ 4 ธ.ค. เวลา 4 ทุ่ม นัดเจอกันหน้าอุทยานสวรรค์ มีรถร่วมขบวนเดินทางด้วยกัน 18 คัน 69 ชีวิต ไปถึงแม่สอดราวตี 2 ก็พักรถเติมน้ำมัน จากนั้นคณะเดินทางต่อไปอุ้มผาง เส้นทางคดเคี้ยวไปตามภูเขาทั้งหมด 1,219 โค้ง ช่วงอยู่บนยอดเขาได้จอดรถแวะดูดาว การดูดาวบนยอดเขาในคืนเดือนมืดสวยอย่าบอกใคร ลมพัดแรงบวกกับความหนาวสุดยอดในการเติมรสชาติให้ชีวิต คณะเดินทางถึง ร.พ.อุ้มผางเช้าพอดี ผอ.ท่านเมตตาเลี้ยงข้าวต้มมื้อเช้า และยังให้รถโรงพยาบาลนำทาง จากนั้นเดินทางต่อไปบ้านคอโซทะ เขาบอกว่า 40 กม. ก็นึกในใจว่าไม่ไกล แต่ใช้เวลาเดินทางจริง ๆ ถึง 4 ชั่วโมง เพิ่งรู้เหมือนกันว่าทางโหดเกิดมาก็ไม่เคยเจอทางแบบนี้ แต่มีคนบอกว่าแค่นี้ยังไม่โหดสุด ๆ รถที่ไปส่วนใหญ่รถโฟวีลล์
เดินทางไปถึงบ้านคอโซทะ
จึงทราบว่าไม่ใช่โรงเรียน แต่เป็นศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขาแม่ฟ้าหลวงฯ เด็ก ๆ คอยต้อนรับคณะของเรา
เห็นเด็ก ๆ แล้วรู้สึกสงสาร อากาศหนาวตอนเช้า 12องศา กลางวัน14-16องศา
เด็ก ๆ ไม่มีรองเท้า ผิวแห้งแตกเป็นขุย บางคนขี้มูกแห้งกรัง เสื้อผ้าเป็นอย่างที่เห็น ที่จริงชุดประจำเผ่าเขาก็มี ทราบข้อมูลจากครูจอมขวัญ และครูนาค ครู กศน.2 คนที่ประจำอยู่ที่นี่ว่า ทอผ้ากันปีละชุด จะนำมาใส่เมื่อมีงานพิธี กลางคืนเราจะได้เห็นเด็กหนุ่มสาวปะกากะยอจะใส่ชุดใหม่มาร่วมงาน หมู่บ้านนี้มี 87 หลังคาเรือน 391 คน มีหมอตำแย 5 คน ที่น่าประหลาดใจคือเป็นเขตเทศบาล เพิ่งยกฐานะปีที่แล้ว อาชีพที่นี่ทำไร่ ปลูกพริกกะเหรียง
มาที่นี่คุยกับใครก็ลำบากเพราะสื่อสารกันไม่ค่อยรู้เรื่อง อยากรู้เรื่องอะไรต้องถามครู เด็กๆที่จะพูดภาษาไทยได้บ้างก็ต้องเรียน ป.2-3 ไปแล้ว ถ้าเป็นเด็กเล็กจะยิ่งไม่รู้ภาษาไทยเลย วันนั้นคณะของเราทำก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๊วเลี้ยงเด็ก ๆ ซึ่งกินกันอย่างเอร็ดอร่อยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ส่วนทางครูก็เตรียมอาหารไว้ต้อนรับเราเหมือนกัน สาวชาวปะกากะยอได้มาช่วยกันปรุงแกงส้มและแกงกะโล๊ะโป๊ะ
ซ้ายมือเป็นแกงส้ม มีลูกกุ้ง ปลา และปู ที่หามาจากลำห้วย ผักก็หลายอย่างแต่ไม่ทราบว่าผักอะไร แต่ชอบ อร่อย ส่วนขวามือเป็นแกงกะโล๊ะโปะประกอบด้วยยอดอ่อนของต้นหวาย ไก่บ้าน ข้าวเบือ ที่สีเหลืองเพราะใส่ขมิ้นด้วย ปรุงรสด้วยเกลืออย่างเดียว ที่เขาไม่ใช้เครื่องปรุงอื่นนอกจากเกลือ เห็นไหมคะเมนูชูสุขภาพจริง ๆ ด้วยกินอย่างนี้ไร้พุงแน่นอน
เห็นไหมคะ กินแบบนี้ไร้พุง ตั้งแต่เห็นชาวบ้าน ยังไม่เห็นมีใครอ้วน
บ้านของชาวปะกากะยอ สังเกตเห็นหลายหลังมีแผงโซล่าเซลล์
สังเกตใต้ถุนบ้านสะอาด ที่นี่ใช้น้ำประปาที่ต่อท่อมาจากน้ำตกที่อยู่บนภูเขา
ฟังแล้วอยากไปเที่ยวน้ำตก ครูบอกว่าน้ำตกยังไม่มีการสำรวจ เป็นธรรมชาติมากไม่มีทางเดิน ข้อสำคัญมีงูสามเหลี่ยมเยอะ ได้ฟังแล้วก็ไม่คิดที่จะไป
ภาคกลางคืนทางสมาคมวิทยุจัดงานให้เด็ก ๆ จะมีครูช่วยแปลเป็นภาษากะเหรี่ยง
เราอยากเห็นเด็ก ๆ มีความสุข มีเกมให้เด็กเล่นเช่นเก้าอี้ดนตรี งัดข้อ แข่งกิน เรือบก มีรางวัลเช่นตุ๊กตา เครื่องเขียน ขนม ฯลฯและจะมีการมอบของต่าง ๆที่เห็นบนเวทีให้ครูนำไปแจกจ่าย ของที่บริจาคมาก็ขออนุโมทนาบุญด้วย เห็นสภาพแล้วเด็กเขาได้ใช้จริง ๆ รวมทั้งพ่อแม่เด็ก
มีการละเล่นรอบกองไฟ ชาวบ้านมากันทั้งหมู่บ้าน
การแสดงของเด็ก ๆ ป5,6 ในชุดประจำเผ่า
เด็กเล็กเด็กน้อยในชุดสวยที่สุด ผัดแป้งหน้าขาว ทาแก้มแดง มาร่วมงาน มีขนมแจก ก็ไม่พ้นพวกขนมกรุบกรอบ แต่นานๆ ที ร้อยวันพันปีจึงจะได้ลิ้มรส ที่สำคัญกินแล้วไม่มีใครแปรงฟัน เพราะครูบอกว่าเด็ก ๆไม่มีแปรงสีฟัน ยกเว้นเด็กโตหน่อยที่แปรงฟันที่โรงเรียน ปีหน้าใครจะบริจาคแปรงสีฟันก็ดีนะคะ ฟันผุก็มีในเด็กเล็ก ไปขอให้เด็กอ้าปากให้ดู
กลางคืนคณะได้นอนเต็นท์หนาวมาก ใกล้รุ่งได้ยินเสียงน้ำเหม่ย(น้ำค้าง)ตกแหมะมาบนต้นไม้และหลังคาเต็นท์ เสียงเหมือนฝนตก อุณภูมิ 12 องศา คณะเราเตรียมตัวกลับหลังเสร็จสิ้นภารกิจที่ตั้งใจด้วยจิตอาสา ไม่มีใครบ่นถึงความยากลำบากที่มานอนกลางดินกินกลางทราย แม้ห้องส้วมมีให้ใช้เพียง 2 ห้อง ก็ไม่มีปัญหา ปีหน้าทราบว่าตั้งใจจะมากันอีกจะสร้างห้องสมุดให้เด็ก ๆ มาครั้งนี้ได้รับรู้ปัญหาส่วนหนึ่งแล้วเช่นเด็กไม่มีรองเท้า แปรงสีฟัน หรือแม้แต่กางเกงใน สรุปแล้วมีแต่คนประทับใจกับที่นี่ ก่อนกลับเด็ก ๆ ตั้งแถวรอส่งคณะของเราพร้อมขอบคุณ
ขากลับคณะไปแวะนอนที่น้ำตกทีลอซู 1 คืน ขอบอกว่าที่นี่น้ำตกสวยสุด แต่ห้องน้ำ/ห้องส้วมแย่มาก เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภออุ้มผาง คุณจันทร พันสร บอกว่าเคยมาติดต่อเรื่องโครงการส้วมสาธารณะของกรมอนามัย ปรากฎว่าเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไม่อยู่ให้พบ สภาพส้วมก็เลยเป็นอย่างที่เห็น
น้ำตกทีลอซู ยามเช้า
ขากลับผ่าน 1,219 โค้ง เป็นช่วงกลางวันจึงมองเห็นเหวลึกข้างทาง บางช่วงถนนลอยฟ้า คนขับรถบอกว่าเห็นแล้วขาสั่น ช่วงกลางคืนไม่เห็นข้างทางจึงขับสบายกว่า คณะได้เดินทางกลับด้วยความอิ่มเอมเปรมปรีดิ์ที่ได้แบ่งปันความสุข แบ่งปันสิ่งต่าง ๆ แม้จะเล็กน้อยสำหรับเราให้กับเด็ก ๆ ผู้ด้อยโอกาส แต่มีคุณค่ายิ่งสำหรับเขา
บ้านส่วนใหญ่จะมีหลังคา หากไม่มีหลังคา เค้าก็จะเรียกว่าตึกมั้ง
สำนึกรักบ้านเกิด สำนึกรักหลังคาบ้านค่ะ
คงงั้น..มั๊งคะ
สวัสดีคะ มาให้กำลังใจค่ะ
เด็กๆชนเผ่าเด็กด้อยโอกาสมีมากเลยนะคะ
ชุดสีขาว นั่น ชอบมากเลยค่ะ เรียกว่า เชวา
บางที่ต้องเดินขึ้นไปนะคะ ไม่มีไฟฟ้า
ไม่มีห้องน้ำ มีเฉพาะบ้านครู ศศช. บ้านผู้นำ
สภาพเหมือนที่นำมาเล่าสู่กันฟังเลยค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
เสียดายไม่ได้ไปด้วย
ขอบคุณ คุณเทียนน้อย ที่จริงทึ่งมากกับเทียนน้อย ๆ ที่เสียสละไปสอนเด็กด้อยโอกาสที่อยู่ห่างไกล ขอให้กำลังใจค่ะ
ขอบคุณ คุณนายตั้งที่แวะมาทักทาย ปีหน้าเราจะไปเยี่ยมเด็ก ๆ กันอีกไปด้วยกันนะ
ค่ะ สวัสดีปีใหม่เช่นกัน ส.ค.ส.สวยมาก ขอบคุณค่ะ
คุณเพื่อนร่วมทางคะ ฝีมือทำ ส.ค.ส.เยี่ยมค่ะ
-ปีหน้าเขาไปกันอีกนะคะ คุณน้องกบ...สนใจไหมคะ..ไปหาความสุข สุขที่ได้ช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาส