เอกทา ติรสมฺม เย สตฺถา สวตฺติยํ นคฺคเร เอโก ราชา กาเรสิ โภ สาทโว ดูรา สัปปุริสาทั้งหลาย กิร ดั่งจักฮู้มานี้ เอโก ราชา ยังมีพระยาตนหนึ่ง กาเรสิ ก็ได้เสวยราช รชยํ ยังราชสมบัติเป็นเจ้ากษัตริย์ในเมืองสาวัตถีนครที่นั่นก็มีแล จตฺตาโร ปุริโส ยังมีชาย ๔ คน อันเป็น สหายกัน วสนฺติ ก็อยู่ นคเร ในเมืองที่นั้นก็มีแล
จตฺตาโร ปุริโส อันว่าชาย ๔ คนนั้น เขาก็เว้าจากันน้อมนักชักชวนกันว่า มยํ อันว่าเฮา
ทั้งหลายควรกระทำให้เป็นคุณเมื่อภายหน้าให้ได้เถิงชั้นฟ้านีรพานเท่าเทอญ เขาจากันสันนั้นแล้ว กตฺวา กระทำสร้างแปลง ธชยํ ยังซ่อแลธุงคนละดวงดั่งนั้น ก็มีแล
เอโก ปุริโส ชายผู้หนึ่ง กตฺวา กระทำสร้างแปลงธุงขาวก็แล้ว เอโก ปุริโส อันว่าชายผู้สอง กตฺวา กระทำสร้างธุงแดงก็แล้ว เอโก ปุริโส อันว่าชายผู้สามก็กระทำกรรมสร้างธุงสิ่วก็แล้ว เอโก ปุริโส อันว่าชายผู้สี่ กตฺวา กระทำธุงมุ่ยก็แล้ว ดั่งนั้นบูชาแก้ว ๓ ประการ ในศาสนาพระพุทธเจ้าวันนั้นก็มีแล จตฺตาโร ปุริโส อันว่าชายผู้ทั้ง ๔ คน ฝูงนั้น วณฺเณน เขาก็พรรณนาย้อง ยอธุงเขาซุคนว่า โอนอ ธุงข้างามใสสุดดุจจะดอกพุดแลดอกจัน ฮ้อยว่ามีผลาอานิสงส์มากนักแล เอโก ปุริโส อันว่าชายผู้หนึ่ง กล่าวว่า โอนอ ธุงข้านี้รัศมีแดงคือดั่งแสดงพระสุริยาอาทิตย์แลอันใหม่นั้น อันว่า มีผลาอานิสงส์มากนักแล เอโก ปุริโส อันว่า ชายผู้หนึ่งก็กล่าวว่า โอนอ ธชนํ อันว่าธุงข้านี้มีรัศมีเขียวงามยิ่งสิ่งดอกกรรณิกา อันว่ามีผลาอานิสงส์มากนักแล เอโก ปุริ โส อันว่าชายผู้หนึ่งมันก็วรรณย้องยอธุงมันว่า โอนอ ธชนํ อันธุงข่านี้มีผิวงามอยู่ เหมือนดั่งไขตาเป็นนานาหลายหลาก ฮ้อยว่ามีผลามากนักแท้ดีหลีแล จตฺตาโร ปุริโส อันว่าชาย ๔ คน ฝูงนั้น วณฺณยา เขาก็พรรณนาย้องยอธุงเขาดั่งนั้นแล้ว กตฺวา กระทำปลูกต่างขึ้นบูชาแก้วทั้ง ๓ ประการดั่งนั้นแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปก้ำบัวรพาจักได้เป็นพระยาแก่เทวดาทั้งหลายแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องอาคเนย์ ก็จักได้เป็นพระยาพรหมแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องทักษิณ ก็จักได้เป็นพระยาใหญ่กว่าท้าวพระยา
ทั้งหลายในชมพูทวีปเฮานี้แล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องหรดี ก็จักได้เป็นพระยายมราชแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องปัจฉิม ก็จักได้เป็นพระยาในประเทศราษฏ์บ้าน
น้อยแลเมืองใหญ่ทั้งหลายแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องพายัพ ก็จักได้เป็นพระยามหาเศรษฐีสมบัติ
ข้าวของอันมากนักแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องอุดร ก็จักได้เป็นพระยาเวสสุวัณนั้นแล
- วาโย อันว่าลม วายนฺติ ก็พัดหางธุงไปเบื้องอีสานก็จักได้เป็นนักปราชญ์ผู้ฉลาดอาจฮู้
ยังไตรปิฎกพระธรรมคำสอนแห่งพระพุทธเจ้าทั้งมวนก็มีแล ในเมื่อพระศรีอริยะเมตไตรโยเจ้าตราบต่อเท่าเข้าสู่นีรพานก็มีแล อิทํ ผลํ อันนี้ด้วยผลาอานิสงส์อันได้เอาธุงบูชาแก้วทั้ง ๓ ประการดั่งนั้น ก็มีแล เยชนา อันว่าคนทั้งหลายฝูงใด แลมีใจใสศรัทธา กตฺวา กระทำสร้างแปลง ธชนํ ยังซ่อแลธุงก็ดี ได้ต่ำ ได้เข็ญ ได้หยิบ ก็มีแลได้ประดับประดาก็ดี มีผลาอานิสงส์มานักแล เทสนา ปริสาเน สถิกา โสตาปติต ผลาญาณตามบุญสมภารทัตตาทิการอันได้ฮ้อมฮับนับมาแต่บูรมนารถชาดกก่อนภายหลังพุ้นก็มีแล ธชนํ นิสํกา อันว่าพระยาจายังอานิสงส์ผลาแห่ง ปุคฺคลานํ อันหญิงชายทายกอุบาสกทั้งหลายอันได้สร้างแปลงยังซ่อแลธุงบูชาพระพุทธเจ้า นิฐิตํ ก็ได้เสด็จบรบวร (ใหญ่หำเขียนอยู่วัดผาห้อม บ้านหม่อง เพ่งภายในผันผาด เดือน ๑๐ แรม ๑๓ ค่ำ วันอาทิตย์ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๘๐ วันที่ ๓๑ ปีฉลู แลเจ้าเฮ้ย)
เยี่ยมมากครับอาจารย์ เป็ฯบันทึกที่หาอ่านได้ยากเต็มทน มีคนเขียนคนปริวรรตแบบนี้น่าชื่นชม
ขอบคุณครับ อ.ออต ช่วงนี้ผมต้องลงวรรณกรรมประเภท "สลอง" แบบนี้ ไปก่อน เพราะนิทานนั้นมันยาวมาก เช่นเรื่องสุวรรณจักรกุมาร จริง ๆ แล้วมี 8 ผูก ใบลานจำนวน 147 ลาน แต่ก็ต้องย่อเพื่อให้เผยแพร่ได้ง่าย (สุวรรณจักรกุมารอาจไม่คุ้น แต่ถ้าบอกว่าเรื่อง ปราสาทเขาวัวละก้อ คงคุ้นเคยน่าดู ก็มันเป็นที่มาของการทำพระแผงจากเขาวัวที่ อ.ออตเคยนำเสนอ และเป็นที่มาของลักษณะเขาวัวว่าบางตัวเขาบิดงอไม่ตรงรูปนั่นเอง)
ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ค่ะ ทำให้รูว่า เขียนปริวรรตเป็นยแบบนี้เอง วรรณกรรมสลองน่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ
ขอบคุณค่ะ