ในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซานี้ การตกแต่ง ต้นคริสต์มาสและประดับแสงสีตามตึกรามต่างๆรับปีใหม่ จะช่วยสร้างกำลังใจ สร้างบรรยากาศ และอารมณ์ของความรื่นเริง ให้กับผู้คนได้มาก
ในปี 2551 นี้ ดิฉัน มีความรู้สึกว่า
การประดับประดาแสงสียามค่ำคืน จะมาเร็วกว่าปีก่อนๆ
เพราะจะเริ่มตั้งแต่ประมาณวันที่ 6
ธันวามคม 2551 แล้ว ที่ได้เห็นการประดับต้นคริสต์มาส สวยงามที่
ห้างดังๆ และตามโรงแรมหลายๆแห่ง
มีการแข่งกันประดับประดาต้นคริสต์มาสอย่างกันอย่างสวยงาม
และอาจจะเป็นว่า ปีนี้ เศรษฐกิจไม่ค่อยดีเท่าไร
ทางบริษัทห้างร้านต่างๆ จึงพยายามยืดเวลา
การจับจ่ายซื้อของๆผู้คนให้มากขึ้น
ซึ่งในภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซานี้ การตกแต่ง
ต้นคริสต์มาสและประดับแสงสีตามตึกรามต่างๆ จะช่วยสร้างกำลังใจ
สร้างบรรยากาศ และอารมณ์ของความรื่นเริง
ให้กับผู้คนได้มาก
ถ้าตามประเพณีของชาวคริสต์
เมื่อย่างเข้าสู่เดือนธันวาคม
ทุกคนจะเตรียมการเพื่อจะเฉลิมฉลองในเทศกาลคริสต์มาสกัน
คริสต์มาส คือ
การฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้า เขาเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25
ธันวาคม คำว่า คริสต์มาส (Christmas) มาจากภาษาอังกฤษโบราณว่า
Christes Maesse แปลว่า บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า
เพราะการร่วมพิธีมิสซา เป็นประเพณี สำคัญที่สุด
ที่ชาวคริสต์ถือปฎิบัติกันในวันคริสต์มาส
คำนี้พบครั้งแรกในเอกสารโบราณในปี ค.ศ.1038 ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นคำว่า
Christmas
โดยปกติ Christmas season จะเริ่มตอน Christmas Eve
ซึ่งหัวใจสำคัญที่เป็นสัญลักษณ์ ของเทศกาลนี้คือ
ต้นคริสต์มาส
ช่วงเวลาของเทศกาล Christmas
คือช่วงเวลาที่ ครอบครัวจะได้มาอยู่พร้อมหน้ากัน มีการเฉลิมฉลองเป็น
family festival มีของขวัญ
จาก Santa Claus
(He is the mythical figure who
delivers toys to children around the world each year on Christmas
Eve) มาให้เด็กๆด้วย "Merry
Christmas" คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า
สันติสุขและความสงบทางใจ จึงเป็นคำที่ใช้อวยพรคนอื่น
ขอให้เขาได้รับสันติสุข และความสงบทางใจ
เนื่องในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส
โดยทั่วไป
จะมีการออกไปเลือกซื้อของขวัญกัน 2 อาทิตย์
ก่อนวัน Christmas Day
และจะมีการเปิดกล่องของขวัญกันในเช้าของวัน Christmas Day
นั้น
แต่เนื่องจากเทศกาลนี้
เป็นที่นิยมกันทั่วไปมาก
ปัจจุบันเลยกลายเป็นเทศกาลแห่งการส่งมอบความสุข ความคิดถึง
และความสนุกสนาน ของคนทั่วไป ทั้งที่นับถือ
และที่ไม่ได้นับถือศาสนาคริสต์ไปด้วย
เดิมทีเดียว
ต้นคริสต์มาส ทำมาจากต้นสนจริงๆ แล้วมาประดับด้วยเครื่องประดับต่างๆและไฟให้สวยงาม
แต่ต่อมา ต้นคริสต์มาสประดิษฐ์ เป็นที่นิยมมากขึ้น
เพื่อเป็นทางเลือก
และยังแถมยังช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ต้องตัดต้นไม้
ปัจจุบันนี้มีการประดิษฐ์ต้นคริสต์มาสขึ้นมาหลายชนิด
มีทั้งต้นที่เป็นเงินและทองและตกแต่งด้วยเครื่องประดับ ชิ้นเล็กๆ
แต่ถ้าใครชอบต้นคริสต์มาสที่คล้ายต้นไม้จริงๆ
ก็มีที่ประดิษฐ์ที่ออกแบบได้ใกล้เคียงกับต้นสนของจริง ให้เลือกมากมาย
หลายราคา สวยๆ
ปกติแล้ว เท่าที่เห็น ตามบ้านของผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์
เขามักจะตั้งต้นคริสมาสดังกล่าวไว้ แถวๆทางเดินเข้าบ้าน
หรือตั้งภายในบ้าน ในช่วง
Christmastime ทำให้บ้านดูอบอุ่น สวยงาม
มีชีวิตชีวาขึ้นมาก
ส่วนการเฉลิมฉลอง
เนื่องในเทศกาลวันปีใหม่ ก็เป็นการเทศกาลงานฉลอง
ที่เป็นที่นิยมและเก่แก่มากที่สุด เก่าแก่ย้อนไปถึง เมื่อ 2,000 BC
ในสมัยเมโสโปเตเมีย สมัยนั้น ปีใหม่
คือ 1 มีนาคม แต่ต่อมา หลัง 153 BC เปลี่ยนมาเป็นวันที่ 1
มกราคม
ประเพณีการนับวันขึ้นปีใหม่ ก็ยังมีแตกต่างกันไปบ้าง เช่น จีน
มักนับวันหนึ่ง วันใด ในช่วงปลายมกราคม ต่อกุมภาพันธ์ ธิเบต
จะประมาณเดือนกุมภาพันธ์ ประเทศไทย สมัยก่อน เป็นวันที่ 13 เมษายน
ส่วนญี่ปุ่น จะฉลองกัน 3 วันคือ 1-3 มกราคม ของทุกปี
เป็นต้น
ความหมายของการฉลองปีใหม่ ของแต่ละชาติ
ก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน คือการอาลัยในปีเก่า
แต่เต็มไปด้วยความหวังสำหรับปีต่อไป สมัยกรีกโบราณ
เด็กน้อยแรกเกิด จะเป็นสัญญลักษณ์ ของปีใหม่ แต่คนชรา
จะเป็นสัญญลักษณ์ ของปีที่เพิ่งผ่านพ้นไป
ชาวโรมัน นำชื่อของเทพเจ้า Janus
มาเป็นชื่อของเดือน January ซึ่งมีหน้า 2 หน้า หน้าหนึ่ง
หันไปทางข้างหน้า อีกหน้าหนึ่ง หันไปทางข้างหลัง ความหมายคือ
ทิ้งสิ่งที่ไม่ดี นิสัยที่ไม่ดีของตัวเองไว้ข้างหลัง
และปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ให้ดีขึ้น สำหรับปีต่อไป
ถ้าเป็นสมัยโบราณ ผู้คนมักจะคืนของที่ยืมไปให้แก่เจ้าของ
ไม่ให้มีหนี้สินต่อกัน แต่ถ้าเป็นปัจจุบัน
อาจมุ่งเน้นไปที่การดูแลตัวเอง พัฒนาตัวเอง ให้ดีขึ้น เช่น
ปรับนิสัยการกิน การออกกำลังกาย เลิกสูบบุหรี่
ให้มีน้ำใจซึ่งกันและกัน หรือ มีความอดทนกันมากขึ้น
เป็นต้น
ในประเทศทางตะวันตก ที่พูดภาษาอังกฤษ
มักจะมีการร้องเพลงเก่าแก่ของชาวสก็อต "Auld Lang Syne"
ซึ่งกวี Robert Burns
นำมาปรับปรุงใหม่ ในโอกาสฉลองปีใหม่ด้วย
ส่วนเรื่องอาหาร ก็จะมีพิเศษเหมือนกัน เช่น พวกชาวอังกฤษ มักจะกินกะหล่ำปลี
หรือพวกผักใบเขียวต่างๆ เพื่อความหวังว่า ปีหน้า จะอุดมสมบูรณ์
พวกชาวอเมริกันทางใต้ จะกิน Black-eyed peas เพื่อความโชคดี
ส่วนทางเอเซีย ก็มักจะกินอาหาร ที่เป็นสัญญลักษณ์
ของความอุดมสมบูรณ์และความอายุยืน
ปัจจุบันนี้ มักนิยมการ Count
down ตามสถานที่ๆสามารถจุคนได้มากๆ
ผู้คนจะหลั่งไหลไปรวมกันเพื่อเฉลิมฉลองปีใหม่กัน ที่มีชื่อเสียง เช่น
Times Square New York แ ละ
Trafalgar Square London เป็นต้น
มีการถ่ายทอดโทรทัศน์ไปทั่วโลกด้วย
Times Square ที่
New York City เ
ดิมคือ Longacre
Square และเป็นที่รู้จักกันในสมญานามว่า the "Great White Way" เพราะแถวนั้น
จะมีโรงละคร Broadway
theaters ซึ่งเปิดไฟกันสว่างไสว ขาวนวลไปทั่ว และเป็นแยก
ที่มีถนน 3 สายมารวมกันคือ -Broadway, Seventh Avenue, and Forty-second
Street.
ส่วนที่ประเทศไทย ปัจจุบัน ในกทม.ลานหน้าห้าง
Central World
ก็กลายเป็นลานที่คนมาชุมนุมฉลองปีใหม่กัน
เพราะสถานที่กว้างขวางกว่าที่อื่น ดังในรูป ด้านบน
ที่มีต้นคริสต์มาสใหญ่สีฟ้า
สำหรับประเทศไทย
ตอนนี้ก็ใกล้จะสิ้นปีกันแล้ว ขอให้เรา
อย่านำสิ่งที่เป็นความทุกข์ ทั้งเรื่องการเมืองภายในประเทศ
และเรื่องผลกระทบจากศรษฐกิจโลกมาบั่นทอนจิตใจและกำลังใจของเรา
ต่อเนื่องไปจนถึงปีใหม่เลย ตั้งความหวังและคอยยิ้มรับสิ่งดีๆ
ในปีใหม่กันดีกว่า
มีคำกล่าวดีๆ ที่กล่าวถึง วันส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ที่เห็นว่า
น่าสนใจ เช่น...
Youth is when you're allowed
to stay up late on New Year's Eve. Middle age is when you're forced
to. ~Bill Vaughn
New Year's Day is every man's birthday. ~Charles
Lamb
Cheers to a new year and another chance for us to get it
right. ~Oprah Winfrey
สัปดาห์นี้ ใกล้เทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่เข้ามาทุกที
มีบริษัทห้างร้านขนสินค้าของตนมาทำการส่งเสริมการขายมากมาย
และราคาไม่แพง เป็นโอกาสที่เราจะไปอุดหนุน คนไทยด้วยกัน
ในยามเศรษฐกิจตกสะเก็ด ในช่วงนี้
ซึ่งการส่งเสริมการขายในช่วงนี้ มักจะเป็นแบบ
1.การลดราคา (Price-off)
2.การแจกคูปอง (Coupons)
3.การให้ของแถม (Premiums) อาจเป็นการแถมในสินค้าเลย
หรือการเพิ่มปริมาณสินค้าให้มากขึ้นหรือไม่ก็นำของแถมบรรจุไว้คู่กับสินค้า
เช่น การใส่ของเล่นเด็กไว้ในกล่องขนม
การแถมของขวัญพิเศษให้ผู้ซื้อสินค้าในจำนวนที่กำหนดไว้ เป็นต้น
ในด้านการตลาด ผู้ขาย มักจะใช้เทคนิคหนึ่ง คือ Atmosphere Attitude and
Action
ปลุกเร้าความรู้สึกในช่วงที่คนกำลังมีความรู้สึกดีๆ
มีอารมณ์ร่วม ทำให้คนคึกคัก
มีความรู้สึกอยากซื้อของมากขึ้น
แต่ไม่ว่า จะเป็น สินค้าประเภทใด ก็ขอเชียร์ให้
เราอุดหนุนแต่สินค้าไทย และถ้าจะไปเที่ยว ก็ขอให้เป็น แบบไทย เที่ยว
ไทยนะคะ
"And to make an end is to
make a beginning." - T.S. Eliot, "Little
Gidding"
ดิฉันขอถือโอกาสนี้
กล่าวสวัสดีปีใหม่แด่ทุกท่านด้วยค่ะ
เมื่อ ส. 10 ม.ค. 2552 @ 11:36
1063773 [ลบ]
Sasinand
8 มกราคม 2009 12:51 |
ต่อไปนี้ คือคุณสมบัติของมนุษย์ที่ยังมีกิเลสปกติ
มนุษย์ทุกคนต้องการเป็นคนที่สังคมยอมรับ ต้องการเป็นคนที่มีความสำคัญต่อชีวิตของคนอื่น
ต้องการในห้คนอื่นเห็นความสำคัญของตัวเขา
มนุษย์ถวิลหาการยอมรับจากคนอื่น ชอบให้คนอื่นจำหรือเรียกชื่อตัวเอง ชอบให้คนอื่นฟังตน ชอบให้คนอื่นให้เกียรติตน
คนอกหักอาจปวดใจเพราะเข้าใจว่าคนรักไม่ต้องการ แต่แท้จริงแล้วลึกลงไปกว่านั้นความเจ็บปวดมาจากการถูกปฏิเสธ