มันเป็นบรรยากาศที่ไม่แตกต่างไปกับบรรยากาศ ตลาดเปิดท้ายที่เรา มักพบเจอ ในที่ชุมชนต่างๆ
หากแต่ผู้จับจ่ายใช้สอยในตลาดแห่งนี้ เป็นผู้ป่วย
....เปลนอน 6 เตียง พร้อมผู้ป่วยที่นอนขดตัวอยู่บนเตียง และญาติที่ยื่น หน้าบอกบุญไม่รับ
บ่นขมุมขมิม อย่างท้อแท้ กับการรอคอย สินค้าที่ยังเดินทางมาไม่ถึง เสียงเรียกชื่อของพยาบาล
ดังสลับกัน กับเสียงผู้ช่วยเหลือคนไข้ เพื่อเรียกผู้ป่วย มาซักประวัติ และจัดคิวรอตรวจ
( ก็คงต้องรอไปอีกนานพอสมควร ) เสียงตะโกนขอทาง ของญาติผู้ป่วย ซึ่งกำลังเข็นรถนั่งเพื่อ
นำผู้ป่วยไปซักปะวัติ ตามเสี่ยงเรียกของพยาบาล เนื่องจากบริเวณที่สัญจรไปมา ..มีรถเข็นนั่งที่มีผู้ป่วยนั่ง
รออยู่แล้ว 4 คัน ความวุ่นวาย ที่ดูเหมือนว่าเป็นความเคยชิน ...เสียงตะโกนขอทาง จึงไม่ได้ทำให้
เส้นทางสัญจร ที่จะเข็นรถนั่งผ่านไปได้ง่ายอย่างที่คิด
ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสีหน้าที่เรียบเฉยของญาติ และแววตา ที่บ่งบอกถึงความชาชินกับ
โชติชะตาที่ไม่มีโอกาสได้เลือก ช่างเป็นภาพที่น่าสลดใจกับบริการสุขภาพ ของภาครัฐ เสียเหลือเกิน
วันนี้ เราไม่ได้มาเป็นเจ้าหน้าที่ แต่เรามาเป็นญาติ ซึ่งเป้นญาติที่ไม่กล้าวัดใจที่จะพาผู้ป่วย วัย 85 ปี
มาแย่งอากาศ อันไม่บริสุทธิ์ ในบริเวณนี้ หน้าบริเวณรอตรวจ มี 8 ห้อง เป็นจุดบริการตรวจ ศัลยกรรม
อายุรกรรม เด็ก ฯลฯ และแถมด้วย คลินิกวัณโรค อีก 1 จุดบริการ เก้าอี้ ไม่ตำกว่า 100 แถว
แต่ละแถวมีที่นั่ง 4 ตัว ถูกผู้คนจับจองนั่ง จนไม่มีช่องว่างให้เห็นว่าเก้าอี้ เป็นสีอะไร
เรามีโอกาสไปตลาดเปิดท้ายสุขภาพที่โรงพยาบาลศูนย์กับน้องสาว ซึ่งเป็นพยาบาลที่โรงพยาบาล
ปัตตานี เราคงไม่คิดที่จะไปหาที่นั่งเพราะไม่อยากให้คนอื่นไม่มีที่นั่ง ( คิดแบบประชด ประชัน )
มีเพื่อนๆ อีกจำนวนไม่ตำกว่า หลัก 100 ที่ยื่นเหมือนเรา และน้อง
เรา และน้องยืนอยู่ที่...มุมที่ไม่น่ายืนนัก เพราะห้องตรวจที่เรามารับยาแทนคุณแม่ อยู่ติดกับคลินิก วัณโรค
ไม่รู้ว่า ทำไม่ต้องเป็นเช่นั้น เราคงไม่โอกาสได้ไปคิดเรื่องการจัดการสถานที่ และโครงสร้างให้ใคร
หรอกนะ เพราะถ้าคิดได้ ทำได้ โรงพยาบาลศูนย์ แห่งนี้ คงคิดทำไปแล้วล๊ะ
...เสียงนาฬิกา บอกเวลา 12.40 น เสี่ยงตะโกนโวกเวก ยังคงเกิดอย่างต่อ เนื่อง
ไม่มีวี่แววความลงตัวของตลาดนัดแห่งนี้ เสี่ยงเปาะจิ ( แปลว่าลุง ) อายุไม่น่าจะตำกว่า 60
คนหนึ่งเดินเข้าไปที่โต๊ะพยาบาล ด้วยสีหน้า และแววตาที่บ่งบอกถึงความกังวล
.. เปาะจิ หิวข้าว เพราะมาตั้งแต่ ตี 6
( หมายถึง 6โมงเช้า ) คิวเปาะจิอีกยาวไหม เปาะจิไปกินข้าวก่อนได้ไปไหม เปาะจิหิวข้าวจริงๆ
.. ไปเถอะเปาะจิ เพราะคิวเปาะจิ อาจไปถึง บ่ายโมง เศษ ๆ หรือเกือบ บ่าย 2 ...
เมาะจิ ที่อายุไม่แตกต่างไปจากเปาะจิมากนัก เดินมาจูงเปาะจิ กึ่งลาก กึงจูง
เดินหายลับตาไปทางมุมตึก เพื่อเดินไปหาจุดหมายทาง คืออาหารแสนอร่อย ของ มือวันนั้น ...
ไม่มีความเห็น