การเดินทางครั้งนี้พวกเราได้ออกเดินทางในบ่ายวันที่20 พ.ย. 51 เมื่อมาถึงบริเวณเขื่อนลำตะคองก็ได้เวลาอาหารเย็นพอดี จึงได้แวะรับประทานอาหาร ณ ร้านสวนเมืองพร ซึ่งอ้อมได้มีโอกาสมาใช้บริการหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้เลยถือโอกาสพาพี่ๆแวะมาชมบรรยากาศและรสชาดอาหารด้วย
เป็นช่วงพระอาทิตย์กำลังจะตก อากาศเย็นสบาย แต่เสียดายที่พวกเราต้องรีบเดินทางต่อไปยังกาญจนบุรีจึงมีเวลาไม่มากในการเก็บภาพบรรยากาศของร้านได้ไม่มากนัก
เมื่ออิ่มท้องแล้วพวกเราก็เดินทางต่อกันทันที และถึงที่หมายเวลาประมาณ 3 ทุ่มครึ่ง คืนนี้ที่พักของเราคือ ริเวอร์ แคว พักที่ชั้น 6 ส่วนชั้นเจ็ดเป็นดาดฟ้า สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์รอบๆเมืองได้ 360 องศาเลยทีเดียว
และนี้เป็นภาพที่ถ่ายจากบนดาดฟ้าของโรงแรม ตื่นเช้านิดนึงเพื่อจะได้ขมพระอาทิตย์ขึ้น และก็สวยงามมากๆ บรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำยิ่งไม่ต้องพูดถึง เย็นสบายมากๆ และเราก็ไม่รอช้าที่ต้องเตรียมตัวเพื่อออกเดินทางท่องเที่ยวกันต่อในที่หมายต่อไป คือ หอศิลป์และพิพิธภัณฑ์สงคราม
และเราก็ต้องได้เยี่ยมชมภายในพิพิธภัณฑ์ โดยค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ส่วนชาวต่างชาติ 50 บาทค่ะ ภาพต่อไปเป็นภาพที่ถ่ายจากมุมบนของหอศิลป์
เป็นภาพสะพานข้ามแม่น้ำแคว ที่สวยงามจริงๆค่ะ หลังจากนั้นเราก็ไม่รอช้าออกจาหอศิลป์และเดินต่อไปยังสะพานข้าวแม่น้ำแคว เมื่อได้มีโอกาสเดินบนรางรถไปและมองลงไปเบื้องล่างก็รู้สึกหวิวๆเหมือนกันนะคะ ซึ่งระหว่างที่เดินข้ามสะพานก็จะมีที่ยื่นออกไปสำหรับหลบเวลาที่รถไฟมา
ในภาพนี้เป็นรถรางสำหรับนั่งไปชมสะพาน ค่าตั๋วที่นั่งละ 20 บาท แต่ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวจะเลือกนั่งรถไฟจากสถานที่สะพานข้ามแม่น้ำแควไปลงที่สถานถ้ำกระแซ หรือสถานีน้ำตกไทรโยคมากกว่า และพวกเราก็เช่นกัน ที่เลือกเดินทางไปยังสถานีถ้ำกระแซ โดยซื้อตั๋วที่สถานีรถไฟกาญจนบุรี
นี่คือตั๋วโดยสารของพวกเรา เป็นขบวนพิเศษที่มีบริการเครื่องดื่มและอาหารว่าง พร้อมเกียรติบัตรให้ด้วย ส่วนราคาตั๋วนั้นถ้าเป็นคนไทย 100 บาท/คน ส่วนชาวต่างชาติ 300/คน ไม่รู้ว่าโชคดีหรือเปล่าวันที่เราเดินทางนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเยอะมากๆๆๆ ทั้ง 3 โบกี้ที่เป็นขบวนพิเศษ มีพวกเรา 4 คนเป็นคนไทย นอกนั้นเป็นชาวต่างชาติหมดเลย บรรยากาศเหมือนตัวเองนั่งรถไปอยู่ที่เมืองนอกมากกว่าอยู่เมืองไทยเลยอ่ะ
ได้เวลารถไฟมาถึงพวกเราก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานีถ้ำกระแซ ระหว่างทางก็ชมความงดงามของธรรมชาติ ป่าเขา ซึ่งเส้นทางนี้ได้ชื่อว่าเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ หรือเส้นทางสายมรณะ เนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นได้นำเชลยมาก่อสร้างทางรถไปเพื่อส่งสะเบียงไปยังพม่า ซึ่งมีเชลยล้มตายเป็นจำนวนมาก
ความตื่นเต้นของรถไฟสายนี้จะอยู่บริเวณหน้าผาก่อนถึงสถานีถ้ำกระแซ
และอ้อมก็มีโอกาสหันหลังกลับไปถ่ายรูปนักท่องเที่ยวทางด้านหลังดูเอาเองแล้วกันนะคะมีแต่หล่อๆทั้งนั้น555 และแล้วก็ถึงสถานีปลายทางของเรา
ยังไม่ซะใจค่ะขอเดินกลับมาถ่ายรูปกับรางรถไฟอีกครั้ง
และนี้ก็เป็นการนั่งรถไฟครั้งแรกในชีวิตที่ประทับใจสุดๆ บนเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ขอขอบคุณปู่น้อยและพี่พินที่มาส่งขึ้นรถไฟ และมารอรับที่สถานีถ้ำกระแซ ตอนนี้ก็บ่ายโมงกว่าๆแล้ว พวกเรามีจุดหมายต่อไปคือ ชมพระเมรุสมเด็จพระพี่นางฯ ณ ท้องสนามหลวง
ติดตามอ่านบันทึกต่อไปได้ที่...http://gotoknow.org/blog/prapeenang/224847
อยากไปหน่ะ...อิจฉาคนออกทริปจังเลย