เมื่อพูดถึงความรักหลายคนมักจะนึกถึงความรักระหว่างหนุ่มสาว หรือสื่อไปในทางชู้สาว ซึ่งเป็นความหมายที่สื่อไปในทางลบ แต่ในความเป็นจริงแล้วความรักเป็นพลังที่ลึกลับเป็นพลังที่สามารถทำลายล้างและในทางตรงกันข้ามความรักยังเป็นพลังที่สามารถสร้างสรรค์โลกได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้ความรักให้ทำลายหรือใช้ความรักเพื่อสร้างสรรค์ รักแบบไหนที่ทำลายล้าง รักแบบไหนที่สร้างสรรค์
ความรักที่มีพลังในการทำลายล้าง คือ ความรักที่ถูกกำหนดโดยอัตตา ความเข้าใจที่บิดพลิ้ว หรือความรู้สึกที่ถูกชี้นำโดยชัยฏอน ความรักที่มุ่งตอบสนองอารมณ์ใฝ่ต่ำโดยไร้กรอบแห่งจริยธรรม ความรักแบบนี้เป็นความรักที่ถูกกำหนดนิยามแห่งรักโดยชัยฏอน และทิศทางของความรักก็ถูกกำหนดโดยชัยฏอน ความรักเช่นนี้เป็นความรักที่แปดเปื้อนด้วยความใคร่ ตัณหา ราคะ
บรรดาชัยฏอนทั้งหลายจึงต่างมุ่งมั่นที่จะหล่อหลอมให้เยาวชนคนหนุ่มสาว โดยเฉพาะหนุ่มสาวมุสลิมหลงใหลอยู่กับความรักจอมปลอม หมกมุ่นอยู่กับความรักที่แปดเปื้อนไปด้วยความใคร่ ตัณหา ราคะ อัลลอฮฺทรงตรัสว่า
ولن ترضى عنك اليهود ولاالنصارى حتى تتّبع ملتهم
คนยะฮูดี (ยิว) และนัศรอนีย์ (คริสเตียน) จะไม่มีวันพึงพอใจท่าน จนกว่าท่านจะตามแนวทาง (วิถีชีวิต) ของพวกเขา
(อัลบะกอเราะฮฺ : 120)
ท่านรอซูลลุลลอฮฺได้กล่าวว่า
“ต่อไปท่านจะปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่ที่มาก่อนพวกท่านทีละคืบ ทีละศอก แม้กระทั่งพวกเขาเข้าไปอยู่ในรูแย้ก็เข้าตามไปด้วย พวกเราได้ถามท่านรอซูลว่า โอ้ท่านรอซูล ท่านหมายถึง ยะฮูดี และ นัสรอนี ใช่ไหม ท่านรอซูลตอบว่า จะเป็นใครอีกละถ้าไม่ใช่พวกนี้” บันทึกโดยมุสลิม
หนังสือ 10 แผนการทำลายล้างอิสลามและประชาชาติมุสลิม ได้อธบายวิธีการทำลายล้างสังคมมุสลิมและประชาชาติอิสลาม ในแผนการที่ 3 ทำลายระบบจริยธรรม ความคิด ความสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมกับพระเจ้าและการปล่อยพวกเขาไปตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ ซามูเอล ซูวัยเมอร์ (SAMUEL ZUWAIMER)
ประธานสมาคมมิชชั่นนารี เขาได้กล่าวในสภาคองเกรสมัลกิส ในปี 1953 ว่า
“ที่จริงแล้วหน้าที่ของมิชชั่นนารี่ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลให้ทำงานในประเทศมุสลิมนั้น ไม่ใช่เพื่อเชิญชวนมุสลิมให้เข้ารับนับถือศาสนาคริสหรอก เพราะพวกเขาก็มีศาสนาและระบบความเชื่อถือของเขาอยู่แล้ว ภาระหน้าที่ของพวกท่าน คือ ให้พวกเขาหันเหออกจากอิสลามเท่านั้น และคลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับพระผู้เป็นเจ้า ตลอดจนทำให้พวกเขาขาดความสนใจต่อมารยาท จริยธรรม ที่เขาเคยยึดถือมาตลอด...”
“ท่านทั้งหลายจงเตรียมความคิดต่าง ๆ ที่จะให้แก่โลกอิสลามให้พร้อม เพื่อให้พวกเขายอมรับในวิธีการต่าง ๆ ที่ท่านทั้งหลายได้ดำเนินการ คือ เพื่อเพิกถอนวิญญาณออกจากเรือนร่างของมุสลิม ท่านทั้งหลายได้โปรดเตรียมไว้ให้พร้อมซึ่งกองกำลังของหนุ่มสาวที่ปราศจากความผูกพันกับพระเจ้า ด้วยวิธีการเช่นนี้ ที่ท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จในการหันเหมุสลิมออกจากอิสลามแต่ก็มิได้หมายความว่าพวกเขาจะเข้ารับนับถือศาสนาคริสแต่อย่างใด โอ้บรรดานักเผยแพร่ทั้งหลาย จงทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด...”
และแล้วก็เกิดชนอิสลามรุ่นใหม่ที่เป็นไปตามความต้องการของจักรวรรดินิยม พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลักที่สำคัญของพวกเขา พวกเขาชอบพักผ่อนปล่อยเวลาอย่างไร้สาระ พวกเขาชอบอยู่เฉย ๆ และแสวงหาสิ่งสนองตอบต่อความต้องการของอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา แม้แต่การศึกษาก็มีเป้าหมายเพื่อเรื่องเซ็กส์ การแสวงหาทรัพย์ก็เพื่อเป้าหมายดังกล่าว และแม้แต่เขามีตำแหน่งสูงเขาก็ใช้ตำแหน่งเพื่ออารมณ์เช่นกัน
หากเรามองสังคมปัจจุบัน เราก็สามารถเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ อย่างชัดเจนว่ามันเป็นไปตามความต้องการ หรือแผนการของพวกเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น จงสังเกตชนรุ่นใหม่ว่าจริยธรรมของพวกเขาเลวทรามลงแค่ไหน มีเพียงชื่ออิสลามเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวของพวกเขา แต่วิญญาณ พฤติกรรม และวิถีชีวิตของพวกเขามิใช่มุสลิมเสียแล้ว
แผนการที่ 10 ทำลายสตรีและขยายสังคมเสรี แอนท์ มาลีคัม (Ant Maligam) กล่าวว่า
“เราประสบความสำเร็จในการรวบรวมบรรดาหญิงสาว (นักเรียนหญิง) ในระดับมัธยมและระดับสูงทุกชั้นปี ในวิทยาลัยตะวันตกในไคโร ไม่มีที่ใดที่เราสามารถรวบรวมหญิงสาวมุสลิมได้มากเท่านี้ เพราะไม่มีวิธีการใดที่ใกล้กว่านี้อีกแล้วในการทำลายป้อมปราการอิสลาม”
หากเราพิจารณาจากแฟ้มประวัติศาสตร์แล้ว เราจะพบกับความเสื่อมเสียและความล่มสลายของชาติใดชาติหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยสตรีเป็นเหตุเสมอ
มันช่างสอดคล้องกันเหลือเกินกับคำกล่าวของท่านนบี (ศ็อลฯ) ว่า
“จะไม่มีภัยพิบัติใดสำหรับชาย หลังจากฉัน (เสียชีวิต) ยิ่งไปกว่าสตรี”
จากการรายงานข่าวจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนรายงานว่า พวกผู้นำยิวได้เปิดทางให้หนุ่มอาหรับได้สังคมกับหญิงชาวยิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายหาด และสนับสนุนให้หญิงชาวยิวได้ผิดประเวณีกับหนุ่มอาหรับ และในเขตพื้นที่ที่มีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่ ก็จัดส่งภาพยนตร์ลามก สร้างสถานอาบอบนวด ดิสโก้เธค ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อทำลายจริยธรรมของประชาชาติอิสลามและทำให้พวกเขาได้ละเลยจากสนามแห่งการญิฮาด
แผนการข้อนี้สอดคล้องกับกฎบัตรของยิวข้อที่ 6 ตราไว้ว่า
“เรา (ยิว) จะเล่นบทบาทในการทำลายเยาวชนที่ไม่ใช่ยิว โดยพ่นสารพิษเข้าไปในความคิดของเขา ด้วยทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ จนในที่สุดสตรีจะเป็นเครื่องมือในการบำเรอผู้ชาย ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม”
กระแสโลกาภิวัฒน์(Globalization) คือ แนวคิดที่ต้องการจะขับเคลื่อนให้สังคมโลกเป็นตะวันตก (westernization) หรือ ความต้องการให้สังคมโลกมี วิธีคิดวิถีชีวิตแบบอเมริกัน (Americanization) โดยที่ศูนย์กลางแห่งอำนาจเป็นผู้ยัดเยียดวิธีคิด วิถีชีวิตแบบวัตถุนิยม บริโภคนิยม ให้ชาวโลก โดยอาศัยกระบวนการการเคลื่อนไหวของข้อมูล ทุน และทรัพยากรอย่างรวดเร็ว ดังนั้น อินเตอร์เน็ต ระบบเชื่อมโยงข้อมูล ระบบการขนส่งที่ดีจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการส่งต่อวิธีคิดเหล่านั้นสู่ชาวโลก
หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า อเมริการพยายามที่จะทำให้โลกนี้มีวัฒนธรรมเดียว มีวิถีชีวิตเดียว คือ วัฒนธรรมอเมริการ และวิถีชีวิตอเมริกา คือ ทำให้คนคิดแบบอเมริกา กิน แบบอเมริการ แต่งการแบบอเมริกา มั่วเซ็กซ์แบบอเมริกา เราจึงเห็นได้ว่าอาหารจานด่วน (อาหารแดกด่วน) ของอเมริกาจึงแพร่หลายทั่วโลกโดยเฉพาะในเมืองไทยทั้ง ๆ ที่อาหารเหล่านั้นไม่เหมาะสมกับภูมิอากาศในบ้านเราเลย แฟชั่นการแต่งกายของหญิงไทย ชายไทยต่างก็มุ่งที่จะตามก้นอเมริกาและชาติตะวันตกทั้งหลาย วิธีคิดก็คิดเหมือนอเมริกาและชาติตะวันตก วิถีไทย วิถีพุทธ และวิถีอื่น ๆ สูญหายไปเกือบหมดแล้ว
จึงสรุปได้ว่าบรรดาชัยฏอนทั้งหลายพยายามที่จะหล่อหลอมให้หนุ่มสาวโดยเฉพาะหนุ่มสาวมุสลิมได้ห่างเหินจากศาสนา ห่างไกลจากอัลลอฮฺ รอซูล และอัลกุรอ่าน โดยอาศัยความรักที่บริสุทธิ์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างสังคมทั่วโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิม อัลลอฮทรงตรัสไว้ในซูเราะฮฺอันนูร โองการที่ 21 ว่า
يا أيها الدين آمنوا لاتتّبعوا خطوات الشيطان ومن يتّبعْ خطوات الشيطان فإنّه يأمربالفحشأ والمنكر
โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าตามหนทางของชัยฏอน และผู้ใดตามหนทางของชัยฏอนแท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและความชั่ว
ในขณะที่ความรักที่สร้างสรรค์ คือ ความรักที่วางบนรากฐานของเตาฮีด ความรักที่ถูกกำหนดนิยามด้วยความศรัทธาที่ลุ่มลึก ความรักที่ได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ความรักแบบนี้เป็นความรักที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ ห่วงใย หวังที่จะให้บุคคลที่เรารักได้รับแต่สิ่งดีดี โดยเฉพาะสรวงสวรรค์จากพระองค์
ที่รัก…โปรดอย่ารักฉันเลยหากความรักของเธอจะทำให้พระองค์ทรงกริ้วเรามากขึ้น แต่ฉันหวังเหลือเกินว่าเราจะได้ครองรักกันทั้งโลกนี้และในสรวงสวรรค์ของพระองค์ เพราะนิยามแห่งรักของเรามันถูกกำหนดโดยใช้ความพอพระทัยจากพระองค์ ถูกกำหนดบนพื้นฐาน ชะรีอะฮฺของพระองค์
หลายครั้งที่ฉันได้สัมผัสถึงรักแท้ที่เธอมอบให้ คราได้ที่ฉันได้ละเมิดขอบเขตของพระองค์ เธอมักจะนะซีฮัตฉันทั้งด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษร เพียงเพราะเธอกลัวว่าอัลลอฮฺจะทรงกริ้วฉัน และเราจะไม่ได้รับสรวงสรรค์จากพระองค์ และฉันมักจะยอมสิโรราบเสมอเมื่อเธอนะซีฮัตฉันด้วยอิสลาม
เพราะความรักของเรามันหมายถึงการสิโรราบต่อพระองค์
นี่คือตัวอย่างของความรักที่เติบโตมาจากเตาฮีด ความรักที่หวังต่อความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และเพื่อให้เราได้รู้จักความรักที่แท้จริงท่าน ได้แบ่งประเภทของความรักออก 2 ประเภท ดังนี้
ความรักเฉพาะ ซึ่งสามารถจำแนกได้ 2 ประเภท ได้แก่
1.1 ความรักที่หะล้าล
- ความรักต่ออัลลอฮฺ
- ความรักรอซูล
- ความรักในบรรดานบีและผู้ศรัทธา
1.2 ความรักที่หะรอม
- ความรักที่ชิริก
- ความรักที่หะรอม
ความรักทั่วไป
- ความรักโดยธรรมชาติ
- ความรักที่วางอยู่บนความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ
- ความรักที่วางอยู่บนความสนิทสนมคุ้นเคยกันและความเป็นมิตรสหายกัน
ไม่มีความเห็น