รักอย่างไรให้สร้างสรรค์ (ตอนที่ 1)


เมื่อพูดถึงความรักหลายคนมักจะนึกถึงความรักระหว่างหนุ่มสาว หรือสื่อไปในทางชู้สาว ซึ่งเป็นความหมายที่สื่อไปในทางลบ แต่ในความเป็นจริงแล้วความรักเป็นพลังที่ลึกลับเป็นพลังที่สามารถทำลายล้างและในทางตรงกันข้ามความรักยังเป็นพลังที่สามารถสร้างสรรค์โลกได้เช่นกัน ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้ความรักให้ทำลายหรือใช้ความรักเพื่อสร้างสรรค์ รักแบบไหนที่ทำลายล้าง รักแบบไหนที่สร้างสรรค์

เมื่อพูดถึงความรักหลายคนมักจะนึกถึงความรักระหว่างหนุ่มสาว  หรือสื่อไปในทางชู้สาว   ซึ่งเป็นความหมายที่สื่อไปในทางลบ    แต่ในความเป็นจริงแล้วความรักเป็นพลังที่ลึกลับเป็นพลังที่สามารถทำลายล้างและในทางตรงกันข้ามความรักยังเป็นพลังที่สามารถสร้างสรรค์โลกได้เช่นกัน    ขึ้นอยู่กับว่าใครจะใช้ความรักให้ทำลายหรือใช้ความรักเพื่อสร้างสรรค์     รักแบบไหนที่ทำลายล้าง  รักแบบไหนที่สร้างสรรค์    

ความรักที่มีพลังในการทำลายล้าง คือ ความรักที่ถูกกำหนดโดยอัตตา  ความเข้าใจที่บิดพลิ้ว หรือความรู้สึกที่ถูกชี้นำโดยชัยฏอน   ความรักที่มุ่งตอบสนองอารมณ์ใฝ่ต่ำโดยไร้กรอบแห่งจริยธรรม     ความรักแบบนี้เป็นความรักที่ถูกกำหนดนิยามแห่งรักโดยชัยฏอน      และทิศทางของความรักก็ถูกกำหนดโดยชัยฏอน   ความรักเช่นนี้เป็นความรักที่แปดเปื้อนด้วยความใคร่  ตัณหา  ราคะ  

บรรดาชัยฏอนทั้งหลายจึงต่างมุ่งมั่นที่จะหล่อหลอมให้เยาวชนคนหนุ่มสาว  โดยเฉพาะหนุ่มสาวมุสลิมหลงใหลอยู่กับความรักจอมปลอม  หมกมุ่นอยู่กับความรักที่แปดเปื้อนไปด้วยความใคร่  ตัณหา  ราคะ  อัลลอฮฺทรงตรัสว่า 

ولن ترضى عنك اليهود ولاالنصارى حتى تتّبع ملتهم

คนยะฮูดี (ยิว) และนัศรอนีย์ (คริสเตียน) จะไม่มีวันพึงพอใจท่าน   จนกว่าท่านจะตามแนวทาง (วิถีชีวิต) ของพวกเขา

(อัลบะกอเราะฮฺ : 120)

ท่านรอซูลลุลลอฮฺได้กล่าวว่า

“ต่อไปท่านจะปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่ที่มาก่อนพวกท่านทีละคืบ ทีละศอก  แม้กระทั่งพวกเขาเข้าไปอยู่ในรูแย้ก็เข้าตามไปด้วย   พวกเราได้ถามท่านรอซูลว่า โอ้ท่านรอซูล ท่านหมายถึง ยะฮูดี และ นัสรอนี ใช่ไหม ท่านรอซูลตอบว่า จะเป็นใครอีกละถ้าไม่ใช่พวกนี้”                 บันทึกโดยมุสลิม

หนังสือ 10 แผนการทำลายล้างอิสลามและประชาชาติมุสลิม  ได้อธบายวิธีการทำลายล้างสังคมมุสลิมและประชาชาติอิสลาม  ในแผนการที่ 3 ทำลายระบบจริยธรรม   ความคิด   ความสัมพันธ์ระหว่างมุสลิมกับพระเจ้าและการปล่อยพวกเขาไปตามอารมณ์ใฝ่ต่ำ  ซามูเอล  ซูวัยเมอร์ (SAMUEL  ZUWAIMER) 

ประธานสมาคมมิชชั่นนารี  เขาได้กล่าวในสภาคองเกรสมัลกิส  ในปี 1953 ว่า

“ที่จริงแล้วหน้าที่ของมิชชั่นนารี่ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลให้ทำงานในประเทศมุสลิมนั้น  ไม่ใช่เพื่อเชิญชวนมุสลิมให้เข้ารับนับถือศาสนาคริสหรอก  เพราะพวกเขาก็มีศาสนาและระบบความเชื่อถือของเขาอยู่แล้ว  ภาระหน้าที่ของพวกท่าน คือ ให้พวกเขาหันเหออกจากอิสลามเท่านั้น  และคลายความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับพระผู้เป็นเจ้า  ตลอดจนทำให้พวกเขาขาดความสนใจต่อมารยาท  จริยธรรม  ที่เขาเคยยึดถือมาตลอด...”

“ท่านทั้งหลายจงเตรียมความคิดต่าง ๆ  ที่จะให้แก่โลกอิสลามให้พร้อม  เพื่อให้พวกเขายอมรับในวิธีการต่าง ๆ  ที่ท่านทั้งหลายได้ดำเนินการ  คือ เพื่อเพิกถอนวิญญาณออกจากเรือนร่างของมุสลิม  ท่านทั้งหลายได้โปรดเตรียมไว้ให้พร้อมซึ่งกองกำลังของหนุ่มสาวที่ปราศจากความผูกพันกับพระเจ้า    ด้วยวิธีการเช่นนี้  ที่ท่านทั้งหลายจะประสบความสำเร็จในการหันเหมุสลิมออกจากอิสลามแต่ก็มิได้หมายความว่าพวกเขาจะเข้ารับนับถือศาสนาคริสแต่อย่างใด  โอ้บรรดานักเผยแพร่ทั้งหลาย  จงทำหน้าที่ของท่านให้ดีที่สุด...”

และแล้วก็เกิดชนอิสลามรุ่นใหม่ที่เป็นไปตามความต้องการของจักรวรรดินิยม   พวกเขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับหน้าที่หลักที่สำคัญของพวกเขา  พวกเขาชอบพักผ่อนปล่อยเวลาอย่างไร้สาระ  พวกเขาชอบอยู่เฉย ๆ  และแสวงหาสิ่งสนองตอบต่อความต้องการของอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขา  แม้แต่การศึกษาก็มีเป้าหมายเพื่อเรื่องเซ็กส์  การแสวงหาทรัพย์ก็เพื่อเป้าหมายดังกล่าว  และแม้แต่เขามีตำแหน่งสูงเขาก็ใช้ตำแหน่งเพื่ออารมณ์เช่นกัน

หากเรามองสังคมปัจจุบัน  เราก็สามารถเห็นปรากฏการณ์ต่าง ๆ  อย่างชัดเจนว่ามันเป็นไปตามความต้องการ  หรือแผนการของพวกเขาอย่างไม่ผิดเพี้ยน   พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น  จงสังเกตชนรุ่นใหม่ว่าจริยธรรมของพวกเขาเลวทรามลงแค่ไหน  มีเพียงชื่ออิสลามเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวของพวกเขา  แต่วิญญาณ  พฤติกรรม  และวิถีชีวิตของพวกเขามิใช่มุสลิมเสียแล้ว

แผนการที่ 10  ทำลายสตรีและขยายสังคมเสรี   แอนท์   มาลีคัม (Ant   Maligam) กล่าวว่า 

“เราประสบความสำเร็จในการรวบรวมบรรดาหญิงสาว (นักเรียนหญิง) ในระดับมัธยมและระดับสูงทุกชั้นปี  ในวิทยาลัยตะวันตกในไคโร  ไม่มีที่ใดที่เราสามารถรวบรวมหญิงสาวมุสลิมได้มากเท่านี้  เพราะไม่มีวิธีการใดที่ใกล้กว่านี้อีกแล้วในการทำลายป้อมปราการอิสลาม”

หากเราพิจารณาจากแฟ้มประวัติศาสตร์แล้ว  เราจะพบกับความเสื่อมเสียและความล่มสลายของชาติใดชาติหนึ่งหรือประเทศใดประเทศหนึ่งซึ่งมักจะเกิดขึ้นโดยสตรีเป็นเหตุเสมอ

มันช่างสอดคล้องกันเหลือเกินกับคำกล่าวของท่านนบี (ศ็อลฯ) ว่า

“จะไม่มีภัยพิบัติใดสำหรับชาย  หลังจากฉัน (เสียชีวิต) ยิ่งไปกว่าสตรี”

       จากการรายงานข่าวจากฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดนรายงานว่า  พวกผู้นำยิวได้เปิดทางให้หนุ่มอาหรับได้สังคมกับหญิงชาวยิวโดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณชายหาด  และสนับสนุนให้หญิงชาวยิวได้ผิดประเวณีกับหนุ่มอาหรับ  และในเขตพื้นที่ที่มีมุสลิมเป็นส่วนใหญ่  ก็จัดส่งภาพยนตร์ลามก  สร้างสถานอาบอบนวด  ดิสโก้เธค  ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่มีเป้าหมายเพื่อทำลายจริยธรรมของประชาชาติอิสลามและทำให้พวกเขาได้ละเลยจากสนามแห่งการญิฮาด

แผนการข้อนี้สอดคล้องกับกฎบัตรของยิวข้อที่  6 ตราไว้ว่า

“เรา (ยิว) จะเล่นบทบาทในการทำลายเยาวชนที่ไม่ใช่ยิว  โดยพ่นสารพิษเข้าไปในความคิดของเขา  ด้วยทฤษฎีและหลักการต่าง ๆ  จนในที่สุดสตรีจะเป็นเครื่องมือในการบำเรอผู้ชาย  ไม่ว่าพวกเขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม”

  กระแสโลกาภิวัฒน์(Globalization) คือ แนวคิดที่ต้องการจะขับเคลื่อนให้สังคมโลกเป็นตะวันตก (westernization)   หรือ  ความต้องการให้สังคมโลกมี วิธีคิดวิถีชีวิตแบบอเมริกัน (Americanization) โดยที่ศูนย์กลางแห่งอำนาจเป็นผู้ยัดเยียดวิธีคิด วิถีชีวิตแบบวัตถุนิยม  บริโภคนิยม   ให้ชาวโลก   โดยอาศัยกระบวนการการเคลื่อนไหวของข้อมูล  ทุน  และทรัพยากรอย่างรวดเร็ว ดังนั้น อินเตอร์เน็ต  ระบบเชื่อมโยงข้อมูล  ระบบการขนส่งที่ดีจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการส่งต่อวิธีคิดเหล่านั้นสู่ชาวโลก

                   หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า อเมริการพยายามที่จะทำให้โลกนี้มีวัฒนธรรมเดียว  มีวิถีชีวิตเดียว  คือ วัฒนธรรมอเมริการ และวิถีชีวิตอเมริกา  คือ ทำให้คนคิดแบบอเมริกา  กิน  แบบอเมริการ  แต่งการแบบอเมริกา  มั่วเซ็กซ์แบบอเมริกา  เราจึงเห็นได้ว่าอาหารจานด่วน (อาหารแดกด่วน) ของอเมริกาจึงแพร่หลายทั่วโลกโดยเฉพาะในเมืองไทยทั้ง ๆ  ที่อาหารเหล่านั้นไม่เหมาะสมกับภูมิอากาศในบ้านเราเลย  แฟชั่นการแต่งกายของหญิงไทย  ชายไทยต่างก็มุ่งที่จะตามก้นอเมริกาและชาติตะวันตกทั้งหลาย  วิธีคิดก็คิดเหมือนอเมริกาและชาติตะวันตก วิถีไทย  วิถีพุทธ และวิถีอื่น ๆ  สูญหายไปเกือบหมดแล้ว    

จึงสรุปได้ว่าบรรดาชัยฏอนทั้งหลายพยายามที่จะหล่อหลอมให้หนุ่มสาวโดยเฉพาะหนุ่มสาวมุสลิมได้ห่างเหินจากศาสนา   ห่างไกลจากอัลลอฮฺ  รอซูล  และอัลกุรอ่าน   โดยอาศัยความรักที่บริสุทธิ์มาเป็นเครื่องมือในการทำลายล้างสังคมทั่วโลกโดยเฉพาะสังคมมุสลิม   อัลลอฮทรงตรัสไว้ในซูเราะฮฺอันนูร  โองการที่ 21 ว่า 

يا أيها الدين آمنوا لاتتّبعوا خطوات الشيطان ومن يتّبعْ خطوات الشيطان فإنّه يأمربالفحشأ والمنكر

โอ้บรรดาผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย  พวกเจ้าอย่าตามหนทางของชัยฏอน  และผู้ใดตามหนทางของชัยฏอนแท้จริงมันจะใช้ให้ทำการลามกและความชั่ว

 

        ในขณะที่ความรักที่สร้างสรรค์ คือ ความรักที่วางบนรากฐานของเตาฮีด   ความรักที่ถูกกำหนดนิยามด้วยความศรัทธาที่ลุ่มลึก  ความรักที่ได้รับการชี้นำจากอัลลอฮฺ (ซ.บ.)   ความรักแบบนี้เป็นความรักที่เต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ  ห่วงใย  หวังที่จะให้บุคคลที่เรารักได้รับแต่สิ่งดีดี  โดยเฉพาะสรวงสวรรค์จากพระองค์

ที่รัก…โปรดอย่ารักฉันเลยหากความรักของเธอจะทำให้พระองค์ทรงกริ้วเรามากขึ้น  แต่ฉันหวังเหลือเกินว่าเราจะได้ครองรักกันทั้งโลกนี้และในสรวงสวรรค์ของพระองค์   เพราะนิยามแห่งรักของเรามันถูกกำหนดโดยใช้ความพอพระทัยจากพระองค์  ถูกกำหนดบนพื้นฐาน ชะรีอะฮฺของพระองค์ 

หลายครั้งที่ฉันได้สัมผัสถึงรักแท้ที่เธอมอบให้  คราได้ที่ฉันได้ละเมิดขอบเขตของพระองค์   เธอมักจะนะซีฮัตฉันทั้งด้วยวาจาและลายลักษณ์อักษร   เพียงเพราะเธอกลัวว่าอัลลอฮฺจะทรงกริ้วฉัน  และเราจะไม่ได้รับสรวงสรรค์จากพระองค์    และฉันมักจะยอมสิโรราบเสมอเมื่อเธอนะซีฮัตฉันด้วยอิสลาม 

 เพราะความรักของเรามันหมายถึงการสิโรราบต่อพระองค์

นี่คือตัวอย่างของความรักที่เติบโตมาจากเตาฮีด   ความรักที่หวังต่อความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ   และเพื่อให้เราได้รู้จักความรักที่แท้จริงท่าน        ได้แบ่งประเภทของความรักออก 2 ประเภท  ดังนี้

ความรักเฉพาะ   ซึ่งสามารถจำแนกได้ 2 ประเภท  ได้แก่

1.1 ความรักที่หะล้าล

       - ความรักต่ออัลลอฮฺ

       - ความรักรอซูล

       - ความรักในบรรดานบีและผู้ศรัทธา      

 1.2 ความรักที่หะรอม

       - ความรักที่ชิริก

      - ความรักที่หะรอม

ความรักทั่วไป 

        - ความรักโดยธรรมชาติ

        - ความรักที่วางอยู่บนความเมตตาและความเห็นอกเห็นใจ 

        - ความรักที่วางอยู่บนความสนิทสนมคุ้นเคยกันและความเป็นมิตรสหายกัน


หมายเลขบันทึก: 224593เขียนเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2008 00:02 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:00 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท