จากการฟังการบรรยายของอ.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ณ ห้องประชุมทองจันทร์เมื่อบ่ายวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ประทับใจกับการเตือนสติของอาจารย์ที่พูดถึง มรณานุสติ ท่านเตือนให้ทราบว่า คนเรามีอายุเฉลี่ยประมาณ สามหมื่นกว่าวันเท่านั้น ถึงตอนนี้พวกเราหลายๆคนก็เหลืออีกเพียงไม่ถึง 20,000 วัน ฟังแล้วก็ทำให้เกิดระลอกความคิดอื่นๆตามมาอีกหลายเรื่อง
เมื่อตอนที่เรียนอยู่ที่เมือง Perth มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกอยากกลับบ้านมาก เบื่อหน่ายท้อแท้กับชีวิต ได้พบกับบุคคลผู้หนึ่ง ที่แนะนำให้เข้าไปอ่านธรรมะที่ website ของ the Buddhist Society of WA พบว่าเป็นแหล่งเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่มีคุณค่าอีกที่หนึ่ง โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนชำระล้างจิตใจ ภาษาอังกฤษที่ท่านอาจารย์พราหมณ์ (Ajahn Brahmavamso) ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ชา วัดป่านานาชาติใช้ในการเทศน์ เป็นภาษาที่ฟังง่าย เราได้รู้คำศัพท์บาลีหลายๆคำในภาคภาษาอังกฤษ ล้านแต่ง่ายต่อการทำความเข้าใจ ขอแนะนำให้เข้าไปลองเปิดฟังธรรมะภาคภาษาอังกฤษดูนะคะ ส่วนผู้ที่อยากอ่านก็มีบันทึกหลายเรื่องที่น่าสนใจ
สำหรับเรื่องมรณานุสติ ก็คือ The Contemplation of Death นี้ท่านอาจารย์พราหมณ์เทศน์ไว้เมื่อธันวาคม พ.ศ 2543 ว่า มรณานุสติ หรือการนึกถึงความตาย ทำให้เราเปลี่ยนมุมมองชีวิตได้
สำหรับประสบการณ์ที่ตนเองมีเกี่ยวกับมรณานุสตินี้ เริ่มเมื่อปี 2543 เช่นกัน เป็นปีที่สูญเสียคุณอา อ.บังอร ฤทธาภรณ์ ท่านเป็นคนที่รักการอ่าน รักหนังสือมาก สะสมหนังสือไว้หลายตู้ และบอกว่าเอาไว้อ่านตอนเกษียณ หลานๆไม่มีใครกล้าขอหยิบเพราะคุณอาทะนุถนอมมาก แต่ท่านก็จากไปก่อนจะถึงวัยเกษียณด้วยโรคมะเร็ง เหตุการณ์นี้ทำให้ตัวเองระลึกได้ว่า ไม่ต้องสะสมอะไรแล้ว อยากอ่าน รีบอ่าน อยากเขียน รีบเขียน เราไม่มีทางจะรู้ได้เลยว่า วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรที่ทำให้เราทำสิ่งที่เราอยากทำไม่ได้หรือไม่
จากคำพูดของอ.เจิมศักดิ์ ก็ยิ่งทำให้คิดว่า นี่ขนาดไม่ต้องถึงกับเกิดอะไรขึ้นพรุ่งนี้แล้วเราเป็นอะไรไป เราก็ไม่ได้เหลือเวลามากสักเท่าไหร่ ถ้าสิ่งที่เราคิดจะทำนั้นมีมากมายเกินจำนวนวันที่เหลืออยู่เราคงต้องจัดอันดับให้ดี จะได้ไม่พลาดสิ่งที่ต้องการทำจริงๆ อยากทำอะไรที่ดีๆฝากไว้ให้กับโลกเอาไว้ให้คนคิดถึงในทางดี ก็ต้องเร่งทำทันทีอย่ารอช้า
การบ้านวันนี้ น่าจะเป็นว่า ลองคิดดูว่า ถ้าท่านเหลือเวลาอีกเพียง 7 วัน (ที่จริงเราก็มีแค่ 7 วันอยู่แล้ว) ท่านจะทำอะไร เริ่มกันตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไปเลยนะคะ
พระพุทธองค์เคยถามพระภิกษุสององค์ว่า ท่านระลึกถึงความตายบ่อยแค่ไหน ภิกษุรูปแรกบอกว่าเราพิจารณาความตายทุกวัน ขณะที่ภิกษุอีกรูปหนึ่งบอกว่าพิจารณาความตายทุกๆลมหายใจเข้าออก เพราะว่าหายใจเข้าแต่ไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกไม่หายใจเข้าก็ตาย พระพุทธองค์จึงตรัสว่าถูกต้องเราจะต้องพิจารณาถึงความตายทุกขณะจิต เพื่อเราจะได้ไม่ประมาท ซึ่งก็ถือว่าเป็นการสร้างความดีละความชั่วได้ดีวิธีหนึ่ง
ก็มีอีกคำสอนหนึ่งก็คือ วันคืนล่วงไปบัดนี้ท่านกำลังทำอะไรอยู่ ก็เป็นคติเตือนใจที่ดีอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งก็คล้ายๆกับมรณานุสติที่อ.เจิมศักดิ์พูดถึง
ถ้าวันใดเกิดความรู้สึกเบื่อหน่าย โกรธ หงุดหงิด ก็ให้นึกถึงสิ่งเหล่านี้ก็ได้ จิตใจก็จะสงบลงเพราะไม่รู้ว่าจะโกรธและหงุดหงิดไปเพื่ออะไร